คนไทยยังมีความสุขเพราะให้ความสำคัญกับสุขภาพมากกว่าปัจจัยอื่น
ดร. วรวรรณ ชาญด้วยวิทย์ อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น และที่ปรึกษาสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) เผยผลวิจัยคนไทยให้ความสำคัญกับสุขภาพและครอบครัว แต่การต้องพึ่งพาคนอื่นทำให้ความสุขลดลง ระบุนโยบายสาธารณะที่มุ่งเน้นเรื่องสุขภาพจะทำให้คนไทยมีความสุขและได้รับการตอบรับที่ดีจากประชาชน
ดร.วรวรรณ กล่าวว่าจากผลการวิจัยโดยใช้ข้อมูลและวิจัยเพิ่มเติมจากผลสำรวจของสำนักงานสถิติแห่งชาติปี 2555 ซึ่งสำรวจคนไทยกว่า 50,000 คนทั่วประเทศ พบว่าคนไทยส่วนใหญ่ให้คะแนนความพึงพอใจในชีวิตเฉลี่ย 7.6 คะแนน จาก คะแนนเต็ม 10 โดยคนไทยในภาคใต้มีคะแนนความพึงพอใจในชีวิตสูงสุด (7.8 คะแนน) และคนกรุงเทพมีคะแนนต่ำสุด (7.3 คะแนน) ซึ่งเมื่อนำมาศึกษาเทียบเคียงความพึงพอใจในชีวิตจากหลายๆ กิจกรรมและมิติด้านสุขภาพและสังคม กับหน่วยวัดที่เป็นตัวเงินพบปรากฏว่า การมีสุขภาพดีให้ความพึงพอใจในชีวิตมากที่สุด ถ้าเทียบเป็นเงินก็ให้ความพึงพอใจเท่ากับการได้รับเงินรายได้ทั้งเดือน การช่วยเหลือผู้อื่นสร้างความพึงพอใจในชีวิต เทียบได้กับการมีเงินรายได้ 35% ของเงินรายได้ต่อเดือน การร่วมกิจกรรมทางวัฒนธรรมกับคนในชุมชนให้ความพอใจกับชีวิตเท่ากับ 46% ของเงินรายได้ต่อเดือน การได้เล่นกีฬาร่วมกับคนในชุมชนสร้างความพึงพอใจในชีวิตเท่ากับการได้รับเงิน 30% ของเงินรายได้ทั้งเดือน
“การมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคม เช่น การพูดคุยกับเพื่อนบ้าน การร่วมกิจกรรมในชุมชน การมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางศาสนา การเล่นกีฬาในชุมชน ทำให้คนไทยมีความพึงพอใจในชีวิตเพิ่มขึ้น การมีสุขภาพดีและการได้ช่วยเหลือผู้อื่น ทำให้คนมีความพึงพอใจในชีวิตเพิ่มขึ้น แต่การได้รับความช่วยเหลือจากผู้อื่น กลับทำให้ความพึงพอใจในชีวิตลดลง คนรับความช่วยเหลือจากผู้อื่นมักจะเป็นผู้ขาดแคลน หรือผู้ที่รู้สึกขาดแคลนหรือรู้สึกว่าตนเองมีไม่พอจึงต้องรับจากผู้อื่น”
ที่ปรึกษาทีดีอาร์ไอเสนอว่า จากผลการวิจัยนี้พอจะบอกได้ว่า คนไทยให้ความสำคัญและให้คุณค่ากับการมีสุขภาพดีสูงมาก ถ้าการได้รับประกันสุขภาพและการได้รับการส่งเสริมสุขภาพเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้คนไทยมีสุขภาพดี ขึ้น นโยบายสาธารณะที่มุ่งเน้นเรื่องสุขภาพย่อมได้รับการตอบรับที่ดีจากคนไทยแน่นอน

แสดงความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.