พินิจบทเรียนจากเกาหลีใต้- การเมืองบนท้องถนนเพื่อขยายพื้ นที่ประชาธิปไตย
Posted: 16 Feb 2017 04:34 AM PST
กรณีชุมนุมใหญ่ที่เกาหลีใต้ จนสภาลงมติถอดถอนผู้นำ สะท้อนว่าการเมืองบนท้องถนนไม่ ได้ทำให้เกาหลีใต้ไปสู่ประชาธิ ปไตยช้าลง แต่เป็นวัฒนธรมการเมืองที่ ขยายตัวไปตามพื้นที่ประชาธิปไตย ที่สำคัญภาพการชุมนุมในเกาหลี ใต้ได้เปลี่ยนโฉมหน้ าไปจากฉากปะทะด้วยแก๊สน้ำตา- ระเบิดขวด มาเป็นขบวนการทางสังคมที่เลี่ ยงการทะเลาะแข่งขันทางการเมื องแบบในอดีต แต่เลือกการเปิดกว้างให้ผู้คนร่ วมแสดงความเห็นส่งสัญญาณความไม่ พอใจผู้นำ จนสร้างความเปลี่ยนแปลงได้ในที่ สุด
คิม ซุนชุล ผู้ช่วยศาตราจารย์ด้านเกาหลีศึ กษาจาก มหาวิทยาลัยเอมอรี เขียนบทวิเคราะห์ลงใน Eest Asia Forum ถึงการประท้วงในเกาหลีใต้ที่เมื่ อไม่นานมานี้เพิ่งมีการชมนุมต่ อต้านประธานาธิบดี พัก กึนเฮ จนกระทั่งเธอถู กถอดถอนออกจากการปฏิบัติหน้าที่ อย่างไรก็ตามการประท้วงบนท้ องถนนในเกาหลีใต้ไม่ใช่สิ่งที่ ขัดต่อประชาธิปไตยในทางตรงกันข้ ามเขามองว่าการประท้วงทางการเมื องในเกาหลีใต้มีส่วนในการส่ งเสริมประชาธิปไตยเสมอมา
ในประวัติศาสตร์ของเกาหลีใต้มี การประท้วงต่อต้านเผด็จการอยู่ หลายครั้งไม่ว่าจะเป็นการลุกฮื อในเดือนเมษายน 2503 ที่สามารถโค่นล้มรัฐบาลอี ซึงมัน ลงได้ แต่ประชาธิปไตยที่เกิดขึ้นหลั งจากนั้นก็มีอายุสั้น ในช่วงต่อมาเกาหลีใต้ก็ต้องอยู่ ภายใต้การปกครองของเผด็ จการทหารของพัก จุงฮี และช็อน ดูฮวัน แต่รัฐบาลเผด็จการเหล่านี้ก็ถู กประชาชนออกมาประท้วงอย่างไม่ หยุดหย่อน จนกระทั่งในปี 2530 การประท้วงของประชาชนก็ทำให้ผู้ นำเผด็จการต้องยอมให้มีการปฏิรู ปเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นประชาธิ ปไตยอีกครั้ง
บทวิเคราะห์ของคิม ซุนซุล พูดถึงเรื่องนี้ว่าการประท้ วงในเกาหลีใต้ไม่ได้ทำให้ การเปลี่ยนแปลงไปสู่ประชาธิ ปไตยช้าลง แต่การประท้วงบนท้องถนนในเกาหลี ใต้กลายเป็นวัฒนธรรมใหม่ที่เติ บโตขึ้นเรื่อยๆ ไปตามการเติบโตของพื้นที่ ประชาธิปไตย ไม่ว่าจะเป็นนักศึกษา องค์กรประชาสังคม แม้กระทั่งพรรคการเมืองฝ่ายค้าน หรือ ส.ส. ต่างก็ออกมาประท้วงนโยบายของรั ฐบาล ทำให้แม้กระทั่งสื่อจากต่ างประเทศยังสรุปไว้ในปี 2551 ว่า "การประท้วงกลายเป็นส่วนหนึ่ งของวัฒนธรรมเกาหลีใต้ไปแล้ว" เรื่องนี้รวมถึงการประท้วงจุ ดเทียนเพื่อตอบโต้เรื่องอื้ อฉาวของรัฐบาลพัก กึนเฮด้วย
เคยมีการประท้วงด้วยวิธีการจุ ดเทียนในเกาหลีใต้เกิดขึ้นย้ อนกลับไปได้ถึงปี 2545 หลังเกิดเหตุการณ์วัยรุ่นหญิง 2 คนถูกรถหุ้มเกราะของสหรัฐฯ ชนเสียชีวิตในช่วงที่มีการซ้ อมรบ มีคนเสนอให้จุดเทียนรำลึกจนเรื่ องนี้หมุนเวียนไปตามอินเทอร์เน็ ตคาเฟ่ต่างๆ หลังจากที่ข่าวทหารสหรัฐฯ ถูกตัดสินให้พ้นโทษจากกรณีนี้ แพร่สะพัดไปทั่ว มีผู้คนจำนวนมากออกมาชุมนุมที่ จัตุรัสกวางฮามุนเพื่อรำลึกถึ งผู้เสียชีวิต หลังจากนั้นนักกิจกรรมก็ นำเอาการจุดเทียนชุมนุมมาเป็นสั ญลักษณ์ของการต่อต้านสิ่งที่ถู กมองว่าเป็นความอยุติธรรม
หลังจากนั้นเป็นต้นมาการประท้ วงในเกาหลีใต้ก็้จะมีการจุดเที ยนชุมนุมซึ่ง คิม ซุนซุล มองว่าเป็นสิ่งที่สะท้ อนความเปลี่ยนแปลงที่สำคัญอย่ างหนึ่งคือ ก่อนหน้านี้ภาพลักษณ์การประท้ วงในเกาหลีใต้มักจะมีลั กษณะของการปะทะกัน มีทั้งแก๊สน้ำตาและระเบิดขวด แต่การประท้วงจุดเทียนกลายเป็ นพื้นที่ใหม่ที่ทำให้ผู้ประท้ วงแสดงออกถึ งเจตนาของตนเองออกมาอย่างจริงจั งได้ผ่านวิธีการสันติ ซึ่งการประท้วง พัก กึนเฮ ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาแม้จะมีความตึ งเครียดทางการเมืองและมีจำนวนผู้ ประท้วงมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็ไม่มีความรุนแรงเกิดขึ้ นเลย
นักวิชาการรายนี้ยังระบุถึ งสาเหตุที่การประท้วงเป็นไปอย่ างสันติว่าส่วนหนึ่งน่าจะเป็ นเพราะตำรวจเกาหลีใต้ก็มี ความอดทนอดกลั้นต่อผู้ชุมนุ มมากขึ้นและศาลเกาหลีใต้ก็ตัดสิ นออกมาในเชิงสนับสนุนผู้ชุมนุ มทำให้มีการเปิดทางใหม่ๆ ให้กับผู้ประท้วง ซึ่งสิ่งเหล่านี้เคยเกิดขึ้ นในช่วงที่มีการประท้วงเปลี่ ยนแปลงการปกครองสู่ประชาธิปไตย แต่อีกส่วนหนึ่งก็ มาจากความสามารถในการควบคุมจั ดการการชุมนุมของกลุ่ มแกนนำเองด้วย
กลุ่มที่จัดการชุมนุมเรียกตั วเองว่ากลุ่ม "ปฏิบัติการฉุกเฉินเพื่อให้พัก กึนเฮลาออก" เป็นการรวมกลุ่มขององค์กรพลเมื อง 1,500 องค์กร ในอดีตองค์กรเหล่านี้มั กจะทะเลาะกันเองระหว่างกลุ่มที่ แข่งขันกันทางการเมือง เพื่อหลีกเลี่ยงการทะเลาะกั นเองเช่นนี้ทำให้กลุ่มปฏิบัติ การฉุกเฉินฯ ตั้งกฎเกณฑ์การตัดสินใจโดยเปิ ดกว้างพื้นที่ทางการเมืองให้กั บผู้คนทุกชนชั้นสามารถเข้าร่ วมแสดงความคิดเห็นอย่างเสรีได้ จนทำให้พวกเขาสามารถขับเคลื่ อนชาวเกาหลีใต้นับล้ านคนออกไปแสดงออกถึงความโกรธ ความไม่พอใจ บนท้องถนนโดยเปลี่ยนมันให้ กลายเป็นข้อความทางการเมืองได้ จนทำให้รัฐสภาลงมติถอดถอน พัก กึนเฮ ในที่สุด
บทความของ คิม ซุนซุล ระบุว่าความสำเร็จนี้สะท้อนให้ เห็นถึงการเติบโตของภาคประชาสั งคมในเกาหลีใต้แต่ก็สะท้ อนความอ่อนแอในระบบพรรคการเมื องในฐานะตัวกลางกทางการเมื องของเกาหลีใต้ด้วยเช่นกัน จากการที่พรรคการเมืองเกาหลีใต้ มักจะลื่นไหลไปมาไม่มีหลั กการอย่างมาก บ้างก็มีการแบ่งแยก ยุบรวม เปลี่ยนชื่อไปมา เป็นกลุ่มพรรคการเมืองที่ไม่มี เสถียรภาพ ไม่สามารถสื่อวาระทางการเมื องหรือมีอัตลักษณ์ร่วมกั นจนทำให้องค์กรภาคประชาสั งคมกลายเป็นตัวกลางทางการเมื องแทนกลุ่มพรรคการเมือง ทั้งการส่งเสริมวาระทางการเมื องใหม่ๆ นโยบายการต่อสู้ การปฏิบัติการทางตรง ซึ่งบางครั้งก็เอาไปคัดง้างกั บนักการเมืองในสภาแบบประชันกั นซึ่งๆ หน้า
ในทางการเมืองของเกาหลีใต้ตอนนี้ คิม ซุนซุล มองว่าถึงแม้เสียงเรียกร้ องจากประชาชนจะสอดคล้ องไปตามกระบวนการถอดถอนประธานาธิ บดีแต่พรรครัฐบาลและกลุ่มแนวร่ วมต่อต้าน พัก กึนเฮ ต่างก็มีการแตกแยกออกเป็นหลายๆ ส่วน เพื่อเตรียมแข่งขันทางการเมื องกันในการเลือกตั้งที่กำลั งจะมาถึง และด้วยการที่ไม่มีใครที่ไว้ ใจได้ในการเมืองแบบพรรคการเมื องแบบนี้ก็มีโอกาสที่ชาวเกาหลี ใต้จะออกมาสะท้อนเสียงของตั วเองบนท้องถนนอีกเมื่อมี การละเมิดหลักการประชาธิปไตยเกิ ดขึ้น การเมืองผ่านการประท้ วงของเกาหลีใต้จะดำเนินต่อไป
เรียบเรียงจาก
แสดงความคิดเห็น