TCIJ: สำรวจ 'วาเลนไทน์' ปีไหน ๆ 'ถุงยางผู้หญิง' ก็ไม่อินเทรนด์
Posted: 12 Feb 2017 01:57 AM PST (อ้างอิงจากอีเมล์ข่าว เวบไซท์ประชาไท)
รายงานพิเศษจาก TCIJ พบ ‘ถุงยางอนามัย’ อุปกรณ์สำคัญช่วง ‘วาเลนไทน์’ นอกเหนือจากค่านิยมอนุรักษ์นิ ยมในหลายพื้นที่ของโลก ที่มองผู้หญิงพก ‘ถุงยางอนามัย’ ในแง่ลบแล้ว ยังพบว่าผู้หญิงที่สลัดภาพนี้ ไปได้ส่วนใหญ่กลับพกถุงยางสำหรั บผู้ชาย ทั้งนี้เพราะในตลาดโลกมี ‘ถุงยางอนามัยสำหรับผู้หญิง’ แค่ 7.5% ร้านสะดวกซื้อแทบไม่มีวางขาย
ในช่วง ‘วาเลนไทน์’ ของทุกปี มักมีการหยิบยกเรื่อง ‘ถุงยางอนามัย’ มาเป็นประเด็นสาธารณะ ทั้งเรื่องประโยชน์จากการใช้ ความนิยม และข้อมูลทางการตลาดต่าง ๆ ซึ่งในหลายพื้นที่ของโลกที่ยั งมี ‘วัฒนธรรมอนุรักษ์นิยม’ แค่พูดเรื่องถุงยางอนามัยก็ดู เหมือนจะเป็นเรื่อง‘ต้องห้าม’ และแม้ในอีกหลายพื้นที่ ของโลกจะมีการพูดถึงอยู่บ้าง ก็พบว่าส่วนใหญ่แล้วเรามักจะสื่ อความถึงแค่ ‘ถุงยางอนามัยสำหรับผู้ชาย’ แต่ยังละเลยในการพูดถึง ‘ถุงยางอนามัยสำหรับผู้หญิง’
การใช้ถุงยางอนามัยทั่วโลกเพิ่ มขึ้น
การใช้ถุงยางอนามัยที่เพิ่มขึ้น มักจะสอดคล้องกับความตระหนั กในด้านการป้องกันการตั้งครรภ์ ที่ไม่พึงประสงค์ การป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพั นธ์ และการวางแผนครอบครัว โดยส่วนวิจัยของ rubberasia.com ได้คาดการณ์ว่าตลาดถุงยางอนามั ยทั่วโลกจะมียอดขายสูงถึง 48,500 ล้านชิ้น หรือคิดเป็นมูลค่า 8,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ภายในปี 2565 และจากการวิจัยของ TechNavio Insights [อ้างใน 'ข้อมูลสรุปของการเสนอขายหุ้นที่ ออกใหม่และหุ้นสามัญเดิมต่ อประชาชน' บริษัท ไทยนิปปอนรับเบอร์อินดัสตรี้ จำกัด (มหาชน)] คาดการณ์ว่าในช่วงระหว่างปี 2557 – 2562 ตลาดถุงยางอนามัยของโลกจะเติ บโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยภูมิภาคที่เติบโตมากที่สุดคื อ 1. กลุ่มประเทศความร่วมมื อทางเศรษฐกิจระหว่างเขตเศรษฐกิ จในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก (APEC) อัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปีที่ร้ อยละ 9.8 อันดับ 2. กลุ่มประเทศในเขตเศรษฐกิจยู โรเมดิเตอร์เรเนียน (EMEA) อัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปีที่ร้ อยละ 8.1 และอันดับ 3. กลุ่มประเทศในทวีปอเมริกา อัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปีที่ร้ อยละ 7.9
นอกจากนี้การสนับสนุนและประชาสั มพันธ์ให้ประชาชนใช้ถุงยางอนามั ยจากหน่วยงานท้องถิ่นและระดั บโลก ก็ได้กระตุ้นให้คนใช้ถุ งยางอนามัยเพิ่มขึ้นเช่น UNAIDS ส่งเสริมและสนับสนุ นในประเทศกำลังพั ฒนาหลายประเทศทั้งในแอฟริ กาและอเมริกาใต้ เป็นต้น ส่วนอินเดียและจีนก็มีการใช้ถุ งยางอนามัยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่ องด้วย
ตลาดถุงยางอนามัยไทย
ถุงยางอนามัยถือเป็นอุ ตสาหกรรมผลิตจากน้ำยางที่สำคั ญอุตสาหกรรมหนึ่งในประเทศไทย ข้อมูลจากเครือข่ายพัฒนาอุ ตสาหกรรมผลิตภัณฑ์ยางและไม้ ยางพารา กระทรวงอุตสาหกรรม ระบุว่าไทยเป็นผู้ส่งออกถุ งยางอนามัยมากที่สุดในโลกมาตั้ งแต่ปี 2547 โดยในปี 2556 ไทยมีมูลค่าการส่งออกถึง 139.61 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และมีส่วนแบ่งตลาดโลกร้อยละ 23.81 อันดับที่สอง คือ มาเลเซีย ส่งออกถุงยางอนามัยในปี 2556 มูลค่า 112.23 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และมีส่วนแบ่งตลาดโลกร้อยละ 19.14 โดยตลาดนำเข้าถุงยางอนามัยที่ ใหญ่ที่สุดในโลก ได้แก่ จีนและสหรัฐอเมริกา
ข้อมูลจาก 'ข้อมูลสรุปของการเสนอขายหุ้นที่ ออกใหม่และหุ้นสามัญเดิมต่ อประชาชน บริษัท ไทยนิปปอนรับเบอร์อินดัสตรี้ จำกัด (มหาชน)' พบว่าในช่วงปี 2554 ถึงปี 2558 มูลค่าการจำหน่ายถุงยางอนามั ยในประเทศไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่ อเนื่องจาก 1 พันล้านบาทในปี 2554 เป็น 1.3 พันล้านบาทในปี 2558 คิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่ อปีร้อยละ 7.1 โดยปัจจัยสำคัญที่มีผลกระทบต่ อปริมาณความต้องการถุงยางอนามั ยของประเทศไทย คือ การเพิ่มขึ้ นของจานวนประชากรในประเทศไทย, จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัส HIV และการวางแผนครอบครัว ในด้านส่วนแบ่งการตลาด ถุงอนามัยในประเทศไทย ประกอบไปด้วย 4 เครื่องหมายการค้าหลัก ได้แก่ durex, One touch, Okamoto และ PLAYBOY ซึ่งทั้ง 4 รายนี้ครองส่วนแบ่งทางการตลาดถึ งร้อยละ 93.9 เลยทีเดียว (อ่านเพิ่มเติมใน ‘ จับตา: ส่วนแบ่งทางการตลาดของถุ งยางอนามัยรายใหญ่ในไทยปี 2558’)
ถุงยางอนามัยผู้หญิง ผลิตน้อย-หาซื้อยาก-วัฒนธรรมไม่ เอื้อ
ถุงยางอนามัยสำหรับผู้หญิง (Female Condom หรือ FC) มีการใช้ครั้งแรกในวงแคบ ๆ ช่วงทศวรรษที่ 1980’s จากนั้นได้มีการจดทะเบียนลิขสิ ทธิ์ในสหรัฐอเมริกาเมื่อปี 1989 ต่อมาในปี 1992 ถุงยางอนามัยผู้หญิงรุ่นแรก FC1 ก็ได้ออกวางจำหน่ายในวงกว้างขึ้ น และในปี 1993 ได้มีการพัฒนาเป็นรุ่น FC2 และเริ่มมีการวางจำหน่ายทั่วโลก
แต่กระนั้น ปัจจุบันพบว่าการจำหน่ ายและการใช้ถุงยางอนามัยสำหรั บผู้หญิงนั้นยังมีน้อยมาก โดยข้อมูลจาก TechNavio Insights, Global Condom Market 2015-2019 ระบุว่าถุงยางอนามัยในตลาดส่ วนใหญ่เป็นถุงยางอนามัยสำหรับผู้ ชาย โดยคิดเป็นประมาณร้อยละ 92.5 ของถุงยางอนามัยทั้งหมด เหลือของผู้หญิงเพียงร้อยละ 7.5 เนื่องจากถุงยางอนามัยสำหรับผู้ ชายโดยทั่วไปมีราคาถูกกว่า ในด้านการใช้งานก็พบว่าสัดส่ วนยิ่งน้อยกว่าการผลิต ทั้งนี้เป็นเพราะมุมมองที่ว่ าการใช้งานถุงยางอนามัยสำหรับผู้ หญิงเป็นเรื่องที่ยุ่งยาก รวมทั้งค่านิยมเรื่องเพศในวั ฒนธรรมต่าง ๆ หลายพื้นที่ของโลกที่ไม่เอื้ อให้ผู้หญิงจัดหาหรือมีถุ งยางอนามัยสำหรับตนเองได้สะดวก แม้แต่ประเทศที่มีค่านิยมเรื่ องเพศเสรีมากกว่าที่อื่น ๆ ในโลก อย่างสหรัฐรัฐอเมริกา ก็พบว่ามีการใช้ถุงยางอนามั ยสำหรับผู้ชายถึงร้อยละ 98 ส่วนการใช้ถุงยางอนามัยสำหรับผู้ หญิงมีเพียงร้อยละ 2 เท่านั้น
ตลาดถุงยางอนามัยสำหรับผู้หญิง ลูกค้าหลักเป็นหน่วยงานรัฐหรื อองค์กรระหว่างประเทศที่ นำไปแจกจ่ายยังประเทศต่าง ๆ ซึ่งเป็นการแจกจ่ายในเชิงการกุ ศลหรือโครงการด้านสุขภาพของรัฐ มากกว่าการค้าขายเชิงพานิชย์ ซึ่งถ้าหากยังไม่แพร่ กระจายตามร้านค้าสะดวกซื้อต่าง ๆ เช่นเดียวกับถุงยางอนามัยสำหรั บผู้ชายแล้ว ก็ดูเหมือนเป็นเรื่องยากที่ถุ งยางอนามัยสำหรับผู้หญิงจะได้รั บความนิยม รวมทั้งปัจจัยเรื่อง 'ความรู้สึก' ที่ไม่สะดวกสบายขณะมีเพศสัมพั นธ์ เป็นอีกเรื่องที่สำคัญ ที่ทำให้ถุงยางอนามัยสำหรับผู้ หญิงยังไม่ได้รับความนิยมเท่ากั บถุงยางอนามัยสำหรับผู้ชาย
สำหรับประเทศไทย เคยมีการพูดถึงประเด็นนี้เมื่ อปี 2555 ในเวที ‘ระดมสมองเรื่องทิ ศทางของนโยบายการให้บริการด้ านถุงยางอนามัยผู้หญิ งในประเทศไทย’ ซึ่งเป็นความร่วมมือของกองทุ นสหประชาชาติ ร่วมกับสำนักงานศึ กษานโยบายสาธารณสุข สวัสดิการและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล เครือข่ายสุขภาพและโอกาส มูลนิธิสร้างความเข้าใจเรื่องสุ ขภาพผู้หญิง (สคส.) และแผนงานสร้างเสริมสุ ขภาวะทางเพศ ภายใต้การสนับสนุนของสำนั กงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริ มสุขภาพ (สสส.) จากเวทีนี้ ได้ข้อมูลที่สำคัญว่าความนิ ยมในการใช้ถุงยางอนามัยสำหรับผู้ หญิงยังเทียบกับความนิยมใช้ถุ งยางอนามัยสำหรับผู้ชายไม่ได้ นั่นเป็นเพราะผู้ใช้รู้สึกว่ าไม่คุ้นเคย แต่กระนั้นถุงยางอนามัยสำหรับผู้ หญิงก็เหมือนกับผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ที่ลองใช้ครั้งแรกแล้วอาจจะไม่ ชอบ (เพราะต้องมีการสอดใส่เข้ าไปในอวัยวะเพศ) ทำให้ผู้หญิงเกิดความกังวล อย่างไรก็ตามทางการแพทย์เชื่อว่ าต้องทดลองใช้อย่างน้อย 3 ครั้งถึงจะเกิดความคุ้นชิน
นอกจากนี้ ยังมีการวิจัยกลุ่มเป้าหมาย 6 กลุ่ม คือ 1.คู่สามี-ภรรยา 2.ผู้อยู่ร่วมกับผู้ติดเชื้อ HIV 3.สาวประเภทสอง 4.ชายรักชาย 5.ผู้ขายบริการทางเพศ และ 6.ผู้ให้บริการด้านสุขภาพ จำนวน 309 คน โดยการสัมภาษณ์เชิงลึก พบว่า กลุ่ม เป้าหมายเห็นด้วยกับการมีถุ งยางอนามัยสำหรับผู้หญิงไว้ใช้ แต่ต้องมีการประชาสัมพันธ์อย่ างแพร่หลายเพื่อสร้างทัศนคติที่ ดีแก่ประชาชน เพื่อให้ผู้หญิงมีทางเลื อกในการป้องกันตนเองมากขึ้น ซึ่งหากภาครัฐมีการผลักดันอย่ างจริงจัง อย่างน้อยที่สุดฝ่ายหญิงก็มี ทางเลือกเพิ่มเติมในการร่วมรั กอย่างปลอดภัย และในเวทีครั้งนั้น ยังได้มีการเผยแพร่ผลสำรวจในเรื่ องของความนิยมใช้ถุงยางอนามั ยสำหรับผู้หญิงในกลุ่มพนั กงานขายบริการ พบว่าจุดแข็งของถุงยางอนามั ยสำหรับผู้หญิงจะช่วย 'เพิ่มอำนาจในการต่อรอง' เพราะผู้หญิงเป็นคนใส่เอง ซึ่งไม่ได้ลดความสุขในการร่ วมเพศแต่อย่างใด ที่สำคัญคือช่วยป้องกันการตั้ งครรภ์ไม่พึงประสงค์และโรคติดต่ อทางเพศสัมพันธ์ ขณะที่ห่วงของถุงยางด้านนอกยั งป้องกันการติดเชื้อ HPV ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิ ดโรคมะเร็งปากมดลูกในผู้หญิงได้ อีกด้วย
กล่าวได้ว่า ประเด็นสำคัญที่สุดของการใช้ถุ งยางอนามัยสำหรับผู้หญิงก็คือ ‘การที่ผู้หญิ งจะสามารถกำหนดการมีเพศสัมพันธ์ อย่างปลอดปลอดภัยด้วยตัวเธอเอง’
อ่านเรื่องเกี่ยวข้อง:
จับตา: ส่วนแบ่งทางการตลาดของถุ งยางอนามัยรายใหญ่ในไทยปี 2558
จับตา: ส่วนแบ่งทางการตลาดของถุ
แสดงความคิดเห็น