ทีดีอาร์ไอ เสนอ ‘ปฏิรูปรัฐ ปฏิวัติข้อมูล’ แก้โจทย์ยากของประเทศ

Posted: 14 Mar 2017 05:00 AM PDT  (อ้างอิงจากอีเมล์ข่าว เวบไซท์ประชาไท)

ทีดีอาร์ไอเสนอนโยบาย ‘ปฏิรูปรัฐ ปฏิวัติข้อมูล’ ปลดล็อคอุปสรรคในการพัฒนาประเทศ แนะแนวทางจัดเก็บ เปิด ใช้ และเชื่อมโยงข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยรูปแบบการจัดงานวิชาการที่สื่อสารเข้าใจง่าย สนุก อีกทั้งเปิดให้ผู้ร่วมงานได้มีส่วนร่วมในกิจกรรมต่างๆ ตลอดการจัดงาน


14 มี.ค. 2560 รายงานข่าวจากทีมสื่อสารสาธารณะ-ทีดีอาร์ไอ ระบุว่า สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) จัดสัมมนาวิชาการประจำปี 2560 “ฟื้นเศรษฐกิจ ปฏิรูปรัฐ ด้วยปฏิวัติข้อมูล” (Boosting the Thai Economy and Reforming the Government by Data Revolution) ณ เซ็นทาราแกรนด์ เซ็นทรัลเวิลด์ เพื่อเป็นเวทีนำเสนอผลการศึกษา ให้ข้อเสนอแนะภาครัฐกำหนดนโยบายสาธารณะบนฐานข้อมูลที่ถูกต้อง ทันสถานการณ์ เพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ยกระดับคุณภาพชีวิต ลดความเหลื่อมล้ำและคอร์รัปชัน ได้อย่างถูกต้องตรงจุด ภายใต้กรอบกฎหมายและการมีนโยบายเพื่อสร้างข้อมูลที่ดี

ดร.สมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ ประธานทีดีอาร์ไอ เปิดเวทีสัมมนา และร่วมกับ ดร.เสาวรัจ รัตนคำฟู นักวิชาการอาวุโสทีดีอาร์ไอ เสนอประเด็นปฏิวัติข้อมูลเพื่อสร้างเศรษฐกิจสารสนเทศ โดยระบุปัญหาว่า ไทยยังมีประสิทธิภาพการผลิตต่ำเพียงร้อยละ 70 ของประเทศระดับแนวหน้า ส่วนหนึ่งเพราะยังไม่มีการใช้ข้อมูลอย่างที่ควรจะเป็น เช่น SMEs จำนวนมากยังไม่ทำบัญชีอย่างเป็นระบบ จึงเกิดความสูญเปล่า แม้การที่รัฐบาลส่งเสริมให้เกิดการสร้างนวัตกรรมและธุรกิจสตาร์ทอัพเป็นสิ่งที่ดี แต่การยกระดับเศรษฐกิจที่สามารถทำได้ง่ายและได้ผลเร็วกว่าคือ การใช้ข้อมูลสร้างมูลค่าเพิ่มของทั้งภาคเกษตร อุตสาหกรรมและบริการ ทั้งนี้ หากสามารถรณรงค์ให้ภาคการผลิตใช้ข้อมูลจนทำให้ผลิตภาพของภาคเกษตร อุตสาหกรรมและบริการเพิ่มขึ้นเพียง 1 ใน 5 ของตัวอย่างในกรณีศึกษา จะทำให้ GDP ขยายตัวขึ้น 0.82% หรือเพิ่มขึ้นกว่า 8 หมื่นล้านบาท
ยกระดับคุณภาพชีวิต
ด้านการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนให้ดีขึ้น ดร.วรวรรณ ชาญด้วยวิทย์ อาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น และคณะ เห็นว่า ภาครัฐควรเชื่อมโยงข้อมูลต่างๆ เพื่อให้เห็นสภาพปัญหาตามความจริงครบรอบด้าน และมีนโยบายป้องกันแก้ไขได้ถูกต้อง เช่น การเชื่อมโยงข้อมูลด้านสาธารณสุข โดยทีดีอาร์ไอ ทำให้เห็นว่า อัตราการตายของมารดาที่เกี่ยวกับการตั้งครรภ์และคลอดบุตรของไทยสูงกว่าที่เคยเข้าใจกัน และมีความเหลื่อมล้ำระหว่างพื้นที่ต่างๆ มาก ซึ่งเป็นปัญหาที่ต้องเร่งแก้ไข

อีกทั้งปัญหาการสูญเสียชีวิตบนท้องถนน สามารถลดลงได้หากติดตามรถสาธารณะด้วย GPS ที่จะช่วยให้ทราบว่าปัญหาอุบัติเหตุบนท้องถนนที่เกิดขึ้น เกิดจากพฤติกรรมของผู้ขับหรือจากปัญหาของถนนเอง ซึ่งจะทำให้ภาครัฐกำหนดมาตรการแก้ไขปัญหาที่เหมาะสมได้

คุณภาพชีวิตของประชาชนจะดีหรือไม่ยังขึ้นกับการได้รับการศึกษาที่มีคุณภาพ และตรงกับความต้องการของนายจ้าง ดังนั้นควรนำข้อมูลประกาศหางานออนไลน์มาวิเคราะห์ เพื่อช่วยให้รัฐและสถาบันการศึกษาทราบทักษะที่ตลาดแรงงานต้องการได้อย่างละเอียด รวดเร็วและแม่นยำกว่าการสำรวจ แต่การจะปฏิรูปการศึกษาให้ได้ผล จะต้องมีการเปิดเผยผลการวัดคุณภาพของสถานศึกษาให้ประชาชนทราบ
สังคมที่เป็นธรรม ลดเหลื่อมล้ำ แก้คอร์รัปชัน
ด้านการสร้างสังคมที่เป็นธรรม ด้วยการลดความเหลื่อมล้ำ และแก้ไขปัญหาคอร์รัปชัน ชานนทร์ เตชะสุนทรวัฒน์ อาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และ ชยธร เติมอริยบุตร นักวิจัยทีดีอาร์ไอ ระบุว่า การใช้ข้อมูลขนาดใหญ่ สามารถช่วยภาครัฐกำหนดนโยบาย ลดความเหลื่อมล้ำได้ เช่น ใช้ภาพถ่ายดาวเทียมและใช้โทรศัพท์มือถือมาช่วยระบุพื้นที่ยากจนที่ควรให้ความช่วยเหลือ ซึ่งจะแม่นยำกว่า วิธีการแจ้งจดทะเบียนคนจนเพื่อขอรับสวัสดิการต่างๆ ที่ประสบปัญหาข้อมูลไม่ตรงความจริง

ส่วนการแก้ไขปัญหาคอร์รัปชันเพื่อขจัดความไม่เป็นธรรม ธิปไตร แสละวงศ์ นักวิจัยอาวุโส ทีดีอาร์ไอ ได้นำข้อมูลการจัดซื้อจัดจ้างขนาดใหญ่ของภาครัฐมาวิเคราะห์ พบว่า การจัดจ้างโครงการก่อสร้างในปัจจุบันน่าจะยังมีการแข่งขันไม่มากเท่าที่ควร โดยบางหน่วยงานมีผู้รับเหมาก่อสร้าง 5 รายใหญ่ได้งานเกินกว่าร้อยละ 60 หรือแม้กระทั่งร้อยละ 80 ของมูลค่าทั้งหมดในหลายจังหวัด และแม้ว่า ระบบอี-บิดดิ้งจะเพิ่มการแข่งขันได้มากกว่าระบบอี-ออกชั่น และทำให้รัฐได้รับส่วนลดมากขึ้นกว่า 56,000 ล้านบาทต่อปี แต่ระยะเวลาในการวิจารณ์ TOR เพื่อป้องกันการล็อคสเปค และระยะเวลาเตรียมตัวยื่นซองที่กำหนดไว้ในกฎหมายน่าจะสั้นเกินไปมาก ทำให้มีการแข่งขันจำกัด


การปฏิรูปการเปิดเผย-การจัดเก็บข้อมูลของรัฐ 

เพื่อให้ประเทศไทยได้รับประโยชน์จากการปฏิวัติข้อมูลสูงสุด ภาครัฐจำเป็นต้องปฏิรูปบทบาทด้านการบริหารจัดการข้อมูล ตั้งแต่การเปิด การจัดเก็บ และการเชื่อมโยงข้อมูลให้เป็นระบบ ดังที่ ดร.เดือนเด่น นิคมบริรักษ์ ผู้อำนวยการวิจัยด้านการบริหารจัดการระบบเศรษฐกิจ ทีดีอาร์ไอ และ ฉัตร คำแสง นักวิจัยทีดีอาร์ไอ เสนอ ว่า การปฏิรูปการเปิดเผยข้อมูล ภาครัฐต้องเปิดเผยข้อมูลอย่างน้อย 15 ชุดให้ครบตามมาตรฐานสากล เพื่อให้ผู้ประกอบการนำข้อมูลไปพัฒนาธุรกิจใหม่ๆ และประชาชนสามารถตรวจสอบบริการของรัฐได้ดีขึ้น ควบคู่กับการประกาศนโยบายข้อมูลแบบเปิด โดยให้สำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (องค์กรมหาชน) สนับสนุนการเปิดเผยข้อมูลของหน่วยงานภาครัฐ

การปฏิรูประบบการจัดเก็บข้อมูล สำนักงานสถิติแห่งชาติ ควรกำหนดมาตรฐานการเก็บข้อมูลของภาครัฐ โดยให้ผู้ใช้ข้อมูล โดยเฉพาะภาควิชาการมีส่วนร่วมในการกำหนดชุดข้อมูลที่ควรจัดเก็บ และให้มีตัวแทนของภาคส่วนต่างๆ ร่วมกำหนดนโยบายด้านการจัดเก็บข้อมูลของประเทศ อีกทั้งภาครัฐต้องจัดให้มีการเชื่อมโยงข้อมูลจากหน่วยงานรัฐต่างๆ เพื่อให้สามารถใช้กำหนดนโยบายของประเทศที่อยู่บนฐานข้อมูลแทนการคาดเดา โดยอาจให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เป็นหน่วยงานหลัก

อีกทั้ง รัฐต้องทำหน้าที่อำนวยความสะดวกให้ประชาชนสามารถเข้าถึงข้อมูลทั้งของรัฐและเอกชนที่เป็นประโยชน์ได้ โดยแก้ไขกฎหมายข้อมูลข่าวสารของราชการ ให้การเปิดเผยข้อมูลเป็นแนวปฏิบัติหลักและการปกปิดเป็นข้อยกเว้นที่มีกรอบชัดเจน เพื่อมิให้หน่วยราชการใช้เป็นข้ออ้าง ตลอดจนเร่งออกกฎหมายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อกำกับการซื้อขายข้อมูลส่วนบุคคลในเชิงพาณิชย์ให้ได้ตามมาตรฐานสากล

การจัดสัมมนาทีดีอาร์ไอ ประจำปีนี้ ยังมีกิจกรรมที่เปิดให้ผู้ร่วมงานเป็นส่วนหนึ่งในการให้ข้อมูลตั้งแต่ช่วงลงทะเบียนร่วมงานจนถึงวันจัดงาน ซึ่งข้อมูลดังกล่าวได้ถูกรวบรวมประมวลผลเป็นกิจกรรมให้ผู้ร่วมงานได้ร่วมสนุกพร้อมสอดแทรกข้อเสนอเชิงนโยบายไว้อย่างน่าสนใจตามวัตถุประสงค์การจัดเวทีวิชาการที่สื่อสารเข้าใจง่าย และสนุก ตามทันยุค 4.0

ดาวน์โหลดเอกสารประกอบที่ http://tdri.or.th/seminars/annual-conference-2017/

แสดงความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.