สมรักษ์ ชนะโรค

#นี่คือ #ข้อสังเกตุของผม-#ทนายวันชัย #บุนนาค

เนื่องจาก--ผมเห็นว่า-คนไทยจำนวนหนึ่งที่อ้างว่าเป็นพุทธแท้บ้าง--ว่าฝ่ายเห็นต่างเป็นพุทธเทียมบ้าง--แต่ไม่เข้าใจคำว่า
" ทางสายกลาง "--และไม่เข้าใจหลักที่ว่า " ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน " ทั้งฝ่ายวัดธรรมกาย-และก็ฝ่ายโจมตีวัดพระธรรมกาย--ก็ล้วนแล้วแต่มีบุคคลจำพวกนี้อยู่ทั้งนั้น--จึงออกอาการสุดโต่ง-กันทั้งสองฝ่ายในบางบุคคล---ผมไม่ได้เป็นศิษย์สำนักดังๆสำนักไหนๆหรือวัดดังๆวัดไหนๆ-ทั้งสิ้น--ผมเชื่อในกฎแห่งกรรม เชื่อหลักทางสายกลาง ไม่เชื่อว่าวิธีการแบบสุดโต่งจะแก้กรณีปัญหาเช่นนี้ได้

เรื่องธรรมกาย--จะเป็นมาอย่างไร--ตลอดเวลา 47 ปี-ผมไม่วิจารณ์--เรื่องฝ่ายสงฆ์ธรรมยุติ-ฝ่ายสงฆ์มหานิกาย--ที่มีการวิเคราะห์กันทำทองว่าพยามยามที่จะได้เป็นสังฆราช--ประชาชนยิ่งไม่มีสิทธิที่จะไปวิพากษ์วิจารณ์

เป็นหน้าที่ของฝ่ายศาสนาจักร-ฝ่ายสงฆ์ต้องปกครองและแก้ไข--

47 ปีของการมีวัดพระธรรมกาย--ทำไมถึงมาถึงวันนี้--เป็นเรื่องของสงฆ์--เราจะตัดสินไม่ได้เลย

ผมจะลำดับคดีทางโลกให้พิจารณาดูนะครับ

เหตุที่เกิด-และเป็นข่าวใหญ่โตไปทั่วโลก-ที่วัดพระธรรมกาย--แบบนี้--เพราะ

มีข้อสังเกตุทางคดี--ว่า
ถ้าเอาตามกฎหมายและคำพิพากษาฎีกาเก่าๆ-ที่เคยมีมาเป็นบรรทัดฐาน---โดยไม่มีธงที่แอบแฝง-ไม่มีเบื้องหลังซ่อนเงิ่อน

กรณีคดี-อดีต-ผู้บริหารสหกรณ์คลองจั่น--จะถูกดำเนินคดียักยอก--และก็สู้ยาก--คงจะมีความผิด-และต้องรับโทษแน่ๆ

แต่เนื่องจาก-คดียักยอกที่สหกรณ์คลองจั่นฯ--นั้น--
มีปัญหา คือ -


-คดียักยอกขาดอายุความชัดๆตามเอกสาร-ของ-กรรมการ-ชุด-ปี 2555 เป็นผู้รายงานต่อที่ประชุมคณกรรมการบริหารสหกรณ์ฯ

และ-กรรมการ---และนายทะเบียนสหกรณ์-หรือ-รองนายทะเบียนสหกรณ์ฯ-ผู้เสียหาย-ตาม พรบ.สหกรณ์ฯไม่แจ้งความร้องทุกข์ฯ--สมาชิกฯไม่ใช่ผู้เสียหาย-ไปแจ้งความคดียักยอกฯ-ได้

คดียักยอก-เคยฟ้องศาลเมื่อ มี.ค.56-โดยกรรมการฯชุดปี 2555-ชอบด้วยกฎหมาย-แต่ต่อมา มิ.ย.-ก.ค.56--ถอนฟ้องโดยกรรมการฯชุด ปี 2556-ชอบด้วยกฎหมาย--ความผิดยักยอก--เป็นความผิดยอมความได้ จึงระงับตาม ป.วิอาญา ม.39(2)

และคดียักยอกจะโยง--ไปดำเนินคดีเอากับ-พระธัมมชโย--คงจะไม่ได้--เพราะไม่ได้มีเอกสาร-หรือ-คน-หรือพฤติกรรม--ส่วนไหนของวัด-ของพระ-หรือ-คนของวัด---มาเกี่ยวข้อง-บริหารสหกรณ์ฯระหว่างปี 2551 - 2556 ด้วยเลย

เลยมีข้อกังขาว่ามีธง--หรือผู้มีอำนาจสั่งมา-จากไหนไม่ทราบ

คดีที่ 1.


คดีเริ่มต้นจาก เมื่อ พ.ค.2556-- สมาชิกสหกรณ์-ร้องทุกข์-ต่อ DSI -ดำเนินคดี-พ.ค.2556-โดยสมาชิกฯ แจ้งข้อหากับอดีตประธาน-ศุภชัย-กับพวก-ข้อหายักยอก-ใช้เวลาสอบสวน-และอัยการพิจารณา--ยาวนาน-มากๆ-ถึง มี.ค.2560 อัยการยังไม่ยื่นฟ้องต่อศาล

หลังการปฏิวัติ--กลางๆปี 2557

มีกรณีให้ตั้งคดี--เพิ่มกับอดีตผู้บริหารสหกรณ์คลองจั่น--กับพวก--ทั้งๆที่เป็นเรื่องเดิม-มูลคดีเดิมๆ คือ

คดีที่ 2

DSi ตั้งคดี-ข้อหาฉัอโกงประชาขน-แจ้งข้อหา-อดีตประธานศุภชัยฯกับพวก-ประมาณปลายปี 2557--ทั้งๆที่--สมาชิกทั้งหมด-เริ่มฝากเงินกับ สหกรณ์ฯตั้งแต่ปี 2526-มาถึง วันเกิดการตั้งคดีฉ้อโกงประชาขน--ไม่มีกรณีกล่าวหาว่าฉ้อโกงประชาชน--ตลอดเวลา 30 กว่าปี

และสมาชิกทุกคน-ฝากเงินกับ-สกกรณ์ฯ--ไม่ได้เอาเงินมามอบให้-ศุภชัยฯกับพวก--ตามที่กล่าวอ้างว่า-ถูกหลอกลวงให้มาฝากเงิน

และสมาชิกฝากเงินกับสหกรณ์ฯโดยตรง--ไม่ได้ฝากกับ-กรรมการ-กับพวก-ใดๆเลยสักคน

และตั้งคดีฉ้อโกงประชาชน-กับ-กรรมการเท่านั้น---สหกรณ์ฯที่รับฝากเงิน--ที่อ้างว่า--สมาชิกหลงเชื่อ-จึงฝากเงินกับสหกรณ์ฯ--สหกรณ์ฯคลองจั่น(ในฐานะนิติบุคคล)-ไม่ตกเป็นผู้ต้องหา--ในคดีฉ้อโกงประชาชน

และต้นปี-2558

ในคดีที่ 1 ที่เริ่มแจ้งความไว้ตั้งแต่เมื่อกลางปี 2556 นั้น---อัยการพิจารณาอยู่ เกือบ 2 ปี-เอามูลคดีเดิม-อัยการ-จึงสั่งให้ DSI แจ้งข้อหาเพิ่ม-กับ-ศุภชัยกับพวก

เป็นข้อหาลักทรัพย์--และปลอมเอกสารฯและใช้เอกสารปลอม

สรุปถึงปี 2558--มีคดีหลักๆ--ของคดี สหกรณ์คลองจั่น 2 คดี คือ

1. คดีฐานความผิด-ยักยอก-(แจ้งความโดยนายพิษณุ-กับพวกสมาชิกสหกรณ์) พ.ค.56

และอัยการสั่งแจ้งข้อหาเพิ่มเป็น-ลักทรัพย์/ปลอมเอกสาร--ใช้เอกสารปลอม
เมื่อ ก.พ.58--อัยการพิจารนาน-มาถึง มี.ค.2560 อัยการยังไม่ยื่นฟ้องต่อศาล--คาดว่าจะฟ้องภายใน เม.ย.2560

อันนี้--แจ้งเพิ่ม-เพื่อเลี่ยงปัญหา-ตามที่กล่าวมาข้างต้น-เรื่องขาดอายุความ-คดียอมความระงับแล้ว-สมาชิกแจ้งความไม่ชอบด้วยกฎหมาย

และตั้งใจ--จะใช้โยงไปดำเนินคดีฐานรับของโจร-กับ-พระธัมมชโย-ให้ได้

2.คดีฐานความผิด--ฉ้อโกง

ประชาชน--(แจ้งความโดย-ธรรมนูญฯกับพวกสมาชิกสหกรณ์ฯ)
ฟ้องคดีต่อศาลเมื่อ พ.ย.2559

คดนี้ตั้งใจจะใช้เป็นมูลฐาน-ไปดำเนินคดีฟอกเงินกับ-พระธัมมชโย-ให้ได้

ปรากฏว่า-ปลายปี 2558-ปี 2559--DSI ตั้งคดีฟอกเงิน-จากมูลฐานฉ้อโกงประชาชน--แยก-เป็น 9 สำนวนคดีฟอกเงิน--ทั้งๆที่
ตั้งสำนวนฟอกเงิน-เป็นสำนวนคดีเดียวก็ได้--แต่ตั้งใจจะแยก--เป็น 9 สำนวนคดี--เพื่อเน้นๆบางคดีตีข่าวให้ดังๆๆ--ใช้-โยงไปจัดการวัดพระธรรมกาย+พระธัมมชโย--ให้จงได้

คดีฟอกเงิน-และรับของโจร--ที่แจ้งข้อหา-ศุภชัย--ในต้นปี 2559-- และจะแจ้งข้อหา-พระธัมมชโย--และต้องออกหมายจับนี้--คือ คดีพิเศษที่ 27/2559

ตั้งเป็นคดีฟอกเงิน-ในตอนต้นปี 2559 -ในขณะที่คดีฉ้อโกงประชาชน/คดียักยอก/ลักทรัพย์/ปลอมเอกสาร/ใช้เอกสารปลอม-2 คดีหลักๆ-นั้น-ยังไม่ได้ยื่นฟ้องคดีต่อศาลเลย-สักคดีเดียว

อันนี้--มีเป้าหมายพิเศษ-หรือไม่--ไม่ทราบนะ--แต่ฝ่ายถูกตั้งข้อหา-แบบนี้-เกิดความไม่เชื่อใจ DSI-และคิดว่า-มีธง-แน่ๆ-คิดว่าทำเพื่อ-จะจับสึกพระธัมมชโย--แน่ๆ

คดีที่เกิดที่สหกรณ์คลองจั่น-นั้น

--ถ้าจะเอาผิด-กับ-อดีตผู้บริหาร-สหกรณ์คลองจั่นกับพวก---ศาลคงจะต้อง---ไปถึงจุด--ที่ต้องสร้างคำพิพากษาฎีกาใหม่ๆ---เพราะไม่เคยมีความผิดที่ทำในสหกรณ์-ไหนๆ-ที่ผ่านๆมา-ว่า-กรรมการ--ผิดฐานลักทรัพย์-และผิดฉ้อโกงประชาชน-แบบนี้มาก่อน--ในสหกรณ์ฯที่มีอยู่ทั่วประเทศ

มีแต่ผิดฐานยักยอกทรัพย์--หลายสิบ-หลายร้อย-แห่งแล้ว-ในสหกรณ์ฯ
ที่มีอยู่ในประเทศไทย-ที่มีการทำผิดโดยกรรมการสหกรณ์ฯ

จึงมีข้อกังขา-ทำนองว่า
มีธง-หรือไม่-ตั้งคดี--ให้เป็นลักทรัพย์--และคดีฉ้อโกงประชาชน-นั้น---เพื่อจะโยงไปตั้งคดี-และดำเนินคดี-ฟอกเงิน-กับ-รับของโจร--เอากับ- พระธัมมชโย-จะจริงหรือไม่--ผมไม่ทราบนะ

แต่จากการที่ DSI -ตั้งคดี
พิสดาลอย่างนี้--จึงมีการไม่เชื่อใจการทำหน้าที่ของรัฐและ DSI

และจริงๆ-ถึงตอนนี้---คดีลักทรัพย์-ที่ดำเนินคดีกับอดีตผู้บริหารสหกรณ์คลองจั่น--พนักอัยการ-ก็ยังไม่สั่งฟ้องคดี-ยังไม่ยื่นฟ้องคดีต่อศาล--

และในส่วนคดีฉ้อโกงประชาชน--ที่ดำเนินคดีกับอดีตผู้บริหารสหกรณ์ฯพนักงานอัยการฟ้องต่อศาลแล้ว--แต่อัยการก็ยังไม่พร้อมเรื่องเอกสารในการสืบพยาน--และยังไม่สืบพยาน--คดียังไม่ตัดสิน-คดียังไม่ถึงที่สุด--ว่าผิด
ศาลนัดตรวจพยานหลักฐาน 1 พ.ค.2560

แต่ DSI --ก็เร่งเอาคดีฟอกเงิน-รับของโจร-ที่ตั้งสำนวนคดีเมื่อต้นปี 2559-คดีพิเศษที่ 27/2559 ขึ้นมาทำก่อนแบบเร่งรีบ--เพื่อจะดำเนินคดีกับ--พระธัมมชโย-และจัดการกับวัดพระธรรมกาย--ให้จงได้ประมาณนั้น

และมีการตีข่าวใหญ่โต--ต่อเนื่องเป็นระยะ-หลายครั้ง--ตั้งแต่ปี 2559-2560

ทุกครั้ง-ที่จะไปค้น-ไปจับ--ตีข่าวใหญ่-ต่อเนื่อง-ก่อนนำลังพล--ไปมากๆ-ให้ดูว่าวัดไม่เคารพกฎหมาย--เสมือนว่า--จะปูทางไปสู่การใช้ ม.44 หรือไม่--และในที่สุด-ก็ใช้ ม.44 จริงๆ

ทางคดี-นั้น-
ศาลก็ถาม-อัยการ-และ-ผม-ว่า---คดีลักทรัพย์--กับ--คดีฉ้อโกงประขาชน--ถ้าคดียังไม่ถึงที่สุดว่า-อดีตผู้บริหารสหกรณ์ฯกับพวก-มีความผิด

แล้วจะให้ศาลพิจารณาและตัดสินคดีฐานฟอกเงิน--และ-คดีฐานรับของโจร--ว่าผิด--ไปก่อน--คดีลักทรัพย์-ก่อนคดีฉ้อโกงประชาชน--ได้อย่างไร--ศาลคงจะตัดสินคดีฟอกเงินก่อนไม่ได้

ตามหลักแล้ว-หมายความว่า--คดีลักทรัพย์-กับ-คดีฉ้อโกงประชาขน--ต้องจบ-และถึงที่สุดว่าผิด---เพราะคดีดังกล่าวทั้งสองคดีเป็นมูลคดีหลัก-หรือ-เป็นคดีมูลฐานที่จะนำมาดำเนินคดีฟอกเงิน-และคดีรับของโจร

แล้วจึงจะพิจารณาและตัดสินว่า--พระธัมมชโย--ว่าจะผิดฟอกเงิน-และจะผิดรับของโจร--หรือไม่--ประมาณนั้น

เพราะ-ไม่มีวัดใด-มูลนิธิ--ใด--มีหน้าที่ต้องสอบถามว่า--เงินบริจาคมาจากไหน--ไม่ใช่หน้าที่-ของพระจะต้องถามเช่นนั้นด้วย

พอเกิดกรณีแบบนี้--และมีข้อสังเกตุได้จากคดีอื่นๆของอดีตผู้บริหารสหกรณ์คลองจั่นฯ-คดียักยอก-27 ล้าน-คดีพิเศษที่ 64/2557 (เป็นคดีเดียวที่กรรมการคลองจั่นแจ้งความ)-คดีนี้ไม่เกี่ยวข้อง-ไม่มีอะไร-ไปที่วัดพระธรรมกาย-เลย

ไม่ใช่ทั้ง 2 คดีข้างต้น-และศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัว--นายศุภชัยฯตั้งแต่วันที่ 2 เม.ย.2558
เฉพาะคดีนี้เคลียร์เงินคืนสหกรณ์ฯแล้ว-สหกรณ์ฯยอมความ-ถอนคำร้องทุกข์แล้ว-เฉพาะคดีนี้คงจบเร็วๆนี้

จึงส่อว่าศาลบางส่วน-มีแนงโน้ม-ที่พอสังเกตุว่า-ศาลมีแนวโน้มจะไม่ให้ประกันตัว--และจะมีผลให้สึกพระธัมมชโย-ไว้ก่อน-ทั้งๆที่คดีจริงๆผิดหรือไม่ผิด--ยังต้องอาศัยเวลาพิจารณาคดีกันอีกยาวนาน--พอสมควร

ทั้งหมดก็เป็นมาอย่างนี้--จึงเกิดอาการ--พระท่านไม่เชื่อถือวิธีการตั้งคดี-วิธีการดำเนินคดี-ของ DSI และฝ่ายรัฐ-จึงตัดสินใจไม่ยอมมอบตัว--และก็บานปลายมาถึง-รัฐใช้ ม.44 ในวันนี้

และบานปลาย-ประหนึ่งว่าเจ้าหน้าที่รัฐบังคับใช้กฎหมาย-หรือจะทำการประกาศสงครามหรือจะสลายหรือจะจัดระเบียบกับพระและวัดพระธรรมกาย--มาถึงวันนี้

ที่เล่าให้ฟัง-ให้อ่านนี้--จะระมัดระวังเรื่องรายละเอียดทางคดีผมจะไม่ก้าวล่วงกระบวนการยุติธรรม-ผิด-หรือ-ถูก--ผมมีหน้าที่เท่าที่กฎหมายเปิดช่องให้ต่อสู้คดี-และให้ทำได้-เท่านั้น

ผู้ต้องหา/จำเลย-ที่ผมทำหน้าที่ทนายความให้ หากว่า-ข้อเท็จจริงใด--ผิดข้อกฎหมายใด ก็ควรถูกพิจารณาลงโทษตามนั้น

แต่หาก-ฝ่ายรัฐ-ทำการ-บิดขัอเท็จจริง/บิดข้อกฎหมาย--ให้เป็นหลายคดี-หลายข้อหา--ก็ไม่ถูกต้องนัก--ก็ต้องต่อสู้ไปในกระบวนการยุติธรรมครับ

ผมเป็นทนายความของ-นายศุภชัยฯ จำเลยในคดีสหกรณ์คลองจั่น-ทราบข้อเท็จจริงดีว่าอะไรเป็นอะไร--จึงอยากให้อ่านดูฝ่ายอาณาจักร-กระทำต่อศาสนจักร--น่าเป็นห่วงพระสงฆ์ไทย-และสถาบันสงฆ์ไทยจริงๆครับ

ทางฝ่ายวัดคงมีความรู้สึกว่าถูกกระทำ--และไม่ได้รับความเป็นธรรม

พอคดีนี้ ไม่ค่อยได้ผล ปัจจุบันจึงขยายคดีอื่นๆเกือบ400 คดีแล้ว

แสดงความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.