ยื่นค้านคำขอสิทธิบัตรยารักษาโรคไวรัสตับอักเสบซี ฉบับ 3 ซัด คสช.ยังไม่ทิ้งความคิดปล่อยผีสิทธิบัตรยา

Posted: 10 Apr 2017 11:46 PM PDT  (อ้างอิงจากอีเมล์ข่าว เวบไซท์ประชาไท)

ภาคประชาชน ยื่นคำคัดค้านคำขอรับสิทธิบัตรยารักษาโรคไวรัสตับอักเสบซีเป็นฉบับที่ 3 ต่อสำนักสิทธิบัตร กรมทรัพย์สินทางปัญญา หวังสกัดกั้นสิทธิบัตรด้อยคุณภาพ เพื่อให้ยาชื่อสามัญในยาชนิดเดียวเข้ามาแข่งขันและราคาถูกลง

11 เม.ย. 2560 รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ผ่านมา ตัวแทนมูลนิธิเข้าถึงเอดส์และเครือข่ายผู้ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ ประเทศไทย กว่า 30 คนยื่นเอกสารคำคัดค้านคำขอรับสิทธิบัตรเลขที่ 1401002830 ซึ่งเป็นคำขอรับสิทธิบัตรยารักษาโรค ที่ยื่นโดยตัวแทนของบริษัทยากิลิแอตในยารักษาโรคไวรัสตับอักเสบซีที่มีชื่อสามัญทางยาว่า “โซฟอสบูเวียร์”

เฉลิมศักดิ์ กิตติตระกูล เจ้าหน้าที่รณรงค์การเข้าถึงยา มูลนิธิฯ ให้ข้อมูลว่า ยาโซฟอสฯ ตัวเดียว มีการยื่นขอสิทธิบัตรถึง 13 ฉบับ โดยก่อนหน้านี้ มูลนิธิฯ ได้ยื่นคัดค้านคำขอฯ ไปแล้ว 2 ฉบับภายใน 90 วันหลังวันประกาศโฆษณา และยื่นเอกสารข้อมูลเพื่อประกอบการพิจารณาให้ยกคำขอฯ อีก 2 ฉบับ เนื่องจากยื่นคัดค้านไม่ทัน

“ในต่างประเทศมีการยื่นคัดค้านในลักษณะเดียวกัน โดยสำนักสิทธิบัตรในอียิปต์ จีน เยอรมนี และบราซิลไม่ให้สิทธิบัตรยาโซฟอสบูเวียร์ไปแล้วหลายฉบับ ซึ่งเป็นข้อมูลส่วนหนึ่งที่เราได้ยื่นให้กับสำนักสิทธิบัตรของไทยด้วย” เฉลิมศักดิ์ กล่าว

นิมิตร์ เทียนอุดม ผู้อำนวยการมูลนิธิเข้าถึงเอดส์ กล่าวว่า เครือข่ายที่ติดตามเรื่องการเข้าถึงยามีความเป็นห่วงอย่างมาก เพราะทราบมาว่า หลังวันหยุดสงกรานต์จะมีการประกาศคำสั่ง คสช. เพื่อปล่อยคำขอสิทธิบัตรที่ค้างเกิน 5 ปี แม้ว่าทางเครือข่ายจะให้ข้อมูลกับรองนายกฯ วิษณุ เครืองาม ที่ถูกมอบหมายให้ดูแลเรื่องนี้แล้วก็ตาม ว่าจะมีผลกระทบรุนแรงต่อค่ายา งบประมาณแผ่นดิน และระบบสวัสดิการรักษาพยาบาลทุกระบบ จึงไม่อาจนิ่งนอนใจได้

“จากที่ประชุมร่วมกัน รองนายกฯ วิษณุ ซึ่งเป็นประธาน กล่าวว่าคงต้องมาเจอกันอีกหลายรอบกว่าจะได้ข้อยุติ เราก็รออยู่ว่าจะมีการนัดประชุมครั้งต่อไปเมื่อไหร่และยังไม่ได้หารือกันอีก แต่กลับมีข่าวออกมาว่าจะใช้ มาตรา 44 เร่งออกสิทธิบัตรหลังสงกรานต์ เช่นนี้เท่ากับกำลังโกหกหลอกลวงพวกเราที่ร่วมประชุมในวันนั้น” นิมิตร์ ให้ความเห็น

ผู้อำนวยการมูลนิธิฯ กล่าวต่อไปว่า แม้ว่าจะมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่แล้วก็ตาม แต่ภายใต้มาตรา 265 รัฐบาลยังคงใช้มาตรการในลักษณะเดียวกับมาตรา 44 ได้อยู่ ดังนั้น ภาคประชาสังคมยังต้องติดตามอย่างใกล้ชิดและจะคัดค้านอย่างถึงที่สุด หากเร่งปล่อยสิทธิบัตรที่ด้อยคุณภาพ หรือไม่เหมาะสมออกมา

ทั้งนี้ ในคำคัดค้านฯ ระบุว่า คำขอฯ นี้ไม่สมควรได้รับสิทธิบัตรเพราะเป็นการขอจดสิทธิบัตรในเรื่องการบำบัดรักษาโรคไวรัสตับอักเสบซี ซึ่งขัดกับมาตรา 9 ของพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) สิทธิบัตร

นอกจากนี้ คำขอฯ ดังกล่าวยังขอการคุ้มครองการนำยาโซฟอสบูเวียร์ไปผสมกับยาไรบาไวริน แล้วอ้างว่ามีขั้นตอนการประดิษฐ์ที่สูงขึ้น ทั้งๆ ที่ในเอกสารคำขอฯ ไม่ได้ชี้แจงหรือพิสูจน์ให้เห็นว่า การผสมยาทั้งสองตัวเข้าด้วยกันจะเสริมฤทธิ์ทำให้การรักษามีประสิทธิภาพดีขึ้นได้อย่างไร

แสดงความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.