นักเศรษฐศาสตร์เสนอ 8 ข้อเสนอรับมือการกีดกันการค้าจากสหรัฐฯ


Posted: 09 Apr 2017 05:01 AM PDT  (อ้างอิงจากอีเมล์ข่าว เวบไซท์ประชาไท)

ผลของการประกาศใช้รัฐธรรมนูญเป็นสัญญาณก้าวแรกของการกลับคืนสู่ประชาธิปไตยและการเลือกตั้ง ส่งผลบวกต่อเศรษฐกิจโดยภาพรวมและภาคการลงทุน เสนอ 8 ข้อเสนอรับมือการกีดกันการค้าจากสหรัฐอเมริกา ลดผลกระทบต่อภาคส่งออกและเศรษฐกิจโดยรวม

9 เม.ย. 2560 ผศ.ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ รองอธิการบดีฝ่ายวิจัยและบริการวิชาการ และ คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ได้ให้ความเห็นต่อผลของการประกาศใช้รัฐธรรมนูญที่มีต่อระบบเศรษฐกิจและภาคการลงทุนโดยรวมว่า จะส่งผลบวกและเป็นสัญญาณแรกของการกลับคืนสู่ประชาธิปไตย คืนอำนาจให้ประชาชนผ่านการเลือกตั้ง การมีระบอบการปกครองโดยรัฐธรรมนูญเป็นไปตามระบบนิติรัฐอันจะสร้างความเชื่อมั่นมากยิ่งขึ้นต่อภาคการลงทุนโดยเฉพาะการลงทุนจากต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามการร่างกฎหมายลูกว่าจะเป็นไปตามหลักการประชาธิปไตยหรือไม่ และ เป็นกลไกส่งเสริมให้มีรัฐบาลหลังการเลือกตั้งที่มีเสถียรภาพและคุณภาพหรือไม่อย่างไร ยังคงไม่ปรับเปลี่ยนการคาดการณ์อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจปีนี้ที่ระดับ 3.7-4.2% ต้องรอดูว่า กฎหมายลูกสามารถร่างให้แล้วเสร็จตามกรอบเวลา 8 เดือนหรือไม่และจะเกิดความล่าช้าในกระบวนการพิจารณาของ สนช หรือไม่ ความไม่แน่นอนทางการเมืองและการกลับคืนสู่ประชาธิปไตยยังคงมีอยู่แต่ลดความเสี่ยงลงไปมาก มีความชัดเจนมากขึ้นย่อมส่งผลบวกต่อความเชื่อมั่นการบริโภค ความเชื่อมั่นในการลงทุนภาคเศรษฐกิจจริง ส่งผลดีต่อกำลังซื้อในภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ชะลอตัวมาตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว ความเชื่อมั่นภาคการผลิตอุตสาหกรรม ส่วนภาคตลาดการเงินจะได้รับผลบวกแต่ไม่มีนัยยสำคัญเพราะจะมีเลือกตั้งจริงก็น่าจะอยู่ในช่วงไตรมาสสามหรือสี่ปี พ.ศ. 2561 มีรัฐบาลใหม่จากการเลือกตั้งต้นปี พ.ศ. 2562 แม้นจะได้รับผลบวกจากการประกาศใช้รัฐธรรมนูญ การเร่งรัดการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจของรัฐบาลและการลงทุนภาคเอกชนมีความสำคัญ เนื่องจากยังมีปัจจัยเสี่ยงจากการกีดกันทางการค้าของสหรัฐอเมริกาเพิ่มขึ้น

ดร. อนุสรณ์ ธรรมใจ กล่าวอีกว่า “ ผลบวกของประกาศใช้รัฐธรรมนูญจะมีต่อภาคการลงทุนโดยเฉพาะการลงทุนจากต่างประเทศมากที่สุด ในระยะสั้นจะส่งผลบวกแต่ไม่มีนัยยสำคัญมากนักต่อการลงทุนในตลาดการเงิน ระยะต่อไป กองทุนต่างชาติน่าจะเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในหุ้นไทยและตราสารหนี้ไทยมากขึ้น รวมทั้งจะส่งผลให้เงินบาทแข็งค่าขึ้นอีกจากระดับปัจจุบัน การลงทุนของบรรษัทข้ามชาติที่ต้องการใช้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตเพื่อส่งออกไปยังประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนจะมีการตัดสินใจที่ชัดเจนมากขึ้น สำหรับประเด็นที่เนื้อหาบางส่วนของรัฐธรรมนูญที่ไม่เป็นไปตามหลักประชาธิปไตยสากลก็ต้องมีการแก้ไขกันในภายหลังหลังจากใช้ไปได้ระยะหนึ่ง ยังไม่น่าจะเป็นอุปสรรคต่อการลงทุนในระยะนี้ หลังการเลือกตั้งหากได้รัฐบาลที่มีความสามารถและโปร่งใส มีเสถียรภาพ จะทำให้ยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศเดินหน้าโดยไม่สะดุด หากไม่ได้รัฐบาลอย่างที่คาดหวัง ปัญหาความไม่มีเสถียรภาพและความไม่แน่นอนทางการเมืองกลับมาอีกหลังการเลือกตั้ง ความเสี่ยงของเศรษฐกิจและภาคการลงทุนก็จะเพิ่มขึ้น สิ่งที่ผมกังวลมากที่สุด เกรงว่าจะเกิดรัฐบาลผสมที่อ่อนแอและไร้เสถียรภาพเนื่องจากระบบเลือกตั้งแบบจัดสรรปันส่วนในรัฐธรรมนูญปี 60 จะก่อให้เกิดพรรคเล็กพรรคน้อยจำนวนมากและพรรคที่ได้ ส.ส. มากที่สุดอาจไม่ได้เป็นรัฐบาลก็ได้”

ดร. อนุสรณ์ คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ ม. รังสิต ได้กล่าวว่าสิ่งที่น่ากังวลเฉพาะหน้า คือ เรื่อง การลงนามคำสั่งของประธานาธิบดีโดนัล ทรัมป์ให้มีการดำเนินการตอบโตทางการค้ากับคู่ค้าที่ทำการค้าไม่เป็นธรรมกับสหรัฐอเมริกา โดยการเตรียมรับมือกับการกีดกันการค้าของสหรัฐอเมริกานั้น ขอเสนอข้อเสนอ 8 ข้อดังต่อไปนี้ ข้อหนึ่ง ขอให้เตรียมความพร้อมในการรับมือภาษีต่อต้านการทุ่มตลาด (Antidumping Countervailing Duty) จากสหรัฐอเมริกาในสามเดือนข้างหน้า ผู้ประกอบการไทยควรติดตามข่าวความคืบหน้าด้านนโยบายและมาตรการทางเศรษฐกิจ การค้าของสหรัฐฯอย่างใกล้ชิดเพื่อเป็นข้อมูลในการเตรียมรับมือการกีดกันการค้าที่เพิ่มมากขึ้นในอนาคต ข้อสอง ผู้นำเข้ารายใหม่หรือผู้ที่เคยละเมิดการค้า (Abuse Trade Practice) ที่เป็นกิจการสัญชาติไทยต้องวางเงินมัดจำสินค้าก่อนสินค้าถึงท่าเรือปลายทางในสหรัฐฯ อาจทำให้ต้นทุนการส่งออกสูงขึ้น หน่วยงานรัฐและเอกชนควรหารือกันเพื่อบรรเทาปัญหาดังกล่าว ข้อสาม ให้ศึกษาผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับส่งออกสินค้าและบริการต่างๆของไทยอย่างละเอียดทั้งสินค้าประเภทวัตถุดิบ สินค้าขั้นกลาง สินค้าสำเร็จรูป ประเมินผลกระทบโดยตรงและโดยอ้อมผ่านการส่งออกของจีน อินโดนีเซีย มาเลเซียและประเทศที่อยู่ในบัญชีรายชื่อ 16 ประเทศที่สหรัฐอเมริกากล่าวหาว่าทำการค้าไม่เป็นธรรมกับสหรัฐฯ เป้าหมายอุตสาหกรรมส่งออกที่สหรัฐฯจะให้ความสำคัญในการตรวจสอบเป็นพิเศษ คือ ชิ้นส่วนอิเลคทรอนิกส์ ชิ้นส่วนยานยนต์ เหล็ก อะลูมิเนียม ผลิตภัณฑ์ยาง เป็นต้น สมาคมอุตสาหกรรมเหล่านี้ควรเตรียมการรับมือให้ดี

ข้อสี่ รัฐบาลควรมอบหมายให้สำนักผู้แทนการค้าไทย กระทรวงต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการคลัง กระทรวงแรงงาน ธนาคารแห่งประเทศไทย สมาคมการค้าและสมาคมอุตสาหกรรมส่งออกต่างๆ จัดตั้งคณะทำงานเพื่อเจรจากับสหรัฐอเมริกา โดยประสานความร่วมมือไปยังสมาชิกอาเซียนอื่นในการเข้าร่วมเจรจาต่อรองการค้ากับสหรัฐอเมริกา ข้อห้า เร่งรัดการหาตลาดใหม่ๆเพื่อชดเชยการส่งออกไปสหรัฐอเมริกา ข้อหก ใช้มาตรการต่างๆในการดึงดูดบรรษัทสัญชาติสหรัฐฯในการเข้ามาลงทุนในประเทศไทยมากขึ้น ข้อเจ็ด ขจัดเงื่อนไขในการที่สหรัฐอเมริกาจะใช้เป็นข้ออ้างในการกีดกันสินค้าจากไทย เช่น แก้ไขปัญหาสิทธิแรงงาน (ปัญหาแรงงานทาส) แก้ไขปัญหาสิทธิมนุษยชน ปัญหาสารเคมีตกค้างในสินค้าอาหารและเกษตร ประเด็นเรื่องสิ่งแวดล้อม สุขอนามัย ประเด็นคุณภาพสินค้ามาตรฐานสินค้า เป็นต้น และ ข้อแปด ธนาคารแห่งประเทศไทยเตรียมชี้แจงว่า ทางการไทยไม่ได้มีนโยบายแทรกแซงให้เงินบาทอ่อนค่ากว่าปรกติเช่นประเทศจีนหรือญี่ปุ่น

และการที่ “ทางการไทย” อาจถูกกล่าวหาจากสหรัฐฯ ว่า ธนาคารแห่งประเทศไทยแทรกแซงค่าเงินให้อ่อนค่ากว่าปัจจัยพื้นฐานมากเพื่อช่วยส่งออกนั้น ไม่มีข้อเท็จจริงรองรับ เพราะทางการไทยเพียงบริหารจัดการค่าเงินให้ไปตามภาวะตลาดและป้องกันไม่ให้กระแสเงินระยะสั้นเก็งกำไรกดดันให้เงินบาทแข็งค่ากว่าความเป็นจริงเท่านั้น และตั้งแต่ต้นปีจนถึงขณะนี้ ค่าเงินบาทก็แข็งค่ามากกว่าเงินสกุลในภูมิภาคอยู่แล้ว

ดร. อนุสรณ์ สรุปทิ้งท้ายว่า จีนคือเป้าหมายใหญ่ในการแก้ไขปัญหาดุลการค้าสหรัฐฯ เพราะสหรัฐฯขาดดุลการค้ากับจีนสูงถึง 11 ล้านล้านบาท (มากกว่า 3 แสนล้านดอลลาร์) แต่ด้วยอำนาจต่อรองของจีนที่มีอยู่สูง บรรดาประเทศเล็กๆในรายชื่อ 16 ประเทศที่มีอำนาจต่อรองต่ำจะโดนกดดันการค้าอย่างหนักก่อน ไทยจึงต้องผนึกกับสมาชิกอาเซียน เวียดนาม อินโดนีเซีย มาเลเซีย เพื่อวางแผนรับมือให้ดี ฉะนั้น มีความเป็นไปได้ที่สหรัฐฯจะสร้างแรงกดดันมาที่สินค้าขั้นกลางที่ส่งเข้าจีนเพื่อส่งออก ขณะเดียวกัน ขอให้ เราเตรียมรับมือภาวะการชะลอตัวของการส่งออกสินค้ากลุ่มอาหารที่อาจเกิดขึ้นในช่วงปลายปีนี้ต่อเนื่องจนถึงต้นปีหน้าเนื่องจากมีความเสี่ยงสูงที่จะไม่ได้รับการต่ออายุสิทธิจีเอสพียกเว้นภาษีนำเข้ารอบใหม่จากสหรัฐฯ นอกจากนี้รัฐบาลไทย ควรเตรียมพร้อมเรื่องประเด็นทรัพย์สินทางปัญญาและการละเมิดลิขสิทธิ์ และ การเจรจาเปิดเสรีการค้าระดับทวิภาคีกับสหรัฐฯ

แสดงความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.