เบอร์นี แซนเดอร์ส วิจารณ์ ทรัมป์ ดึงสหรัฐฯ กลับไปจมปลักกับสงครามตะวันออกกลาง

Posted: 11 Apr 2017 12:13 AM PDT  (อ้างอิงจากอีเมล์ข่าว เวบไซท์ประชาไท)

9 เม.ย. 2560 สื่อนอกกระแสจากสหรัฐฯ คอมมอนดรีมส์รายงานในเชิงวิพากษ์วิจารณ์คำสั่งการโจมตีซีเรียด้วยอาวุธจรวดมิสไซล์ "โทมาฮอว์ก" มุ่งเป้าหมายที่ฐานทัพอากาศ โดยระบุว่าเป็นการโจมตีที่ไม่มีการขอความเห็นชอบจากสภาคองเกรสของสหรัฐฯ หรือมีหลักฐานที่น่าเชื่อถือมากพอในการอ้างความชอบธรรมโจมตีรัฐบาลของประธานาธิบดีบาชาร์ อัลอัสซาด ของซีเรีย หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ กล่าวว่าการโจมตีดังกล่าวเป็นไปเพื่อตอบโต้การใช้อาวุธเคมีช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาที่รัฐบาลซีเรียเป็นผู้ต้องสงสัยก่อเหตุ

ทางการสหรัฐฯ เผยแพร่ภาพการยิงจรวดมิสไซล์ "โทมาฮอว์ก" จากกองกำลังเรือที่ประจำการอยู่ที่ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน มีการยิงจรวด 59 ลูก ใส่ฐานทัพอากาศเชย์รัตในตอนกลางของประเทศซีเรีย โดยทางการสหรัฐฯ อ้างว่าพวกเขาเล็งเป้าหมายเป็นลานบิน โรงเก็บเครื่องบิน หอบัญชาการ และพื้นที่เก็บอาวุธ อย่างไรก็ตาม ทาลัล บาราซี ผู้ว่าการเขตปกครองฮอมของซีเรียกล่าวว่ามีชาวซีเรียที่ถูกสังหารและได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์นี้โดยไม่ได้ระบุตัวเลขที่ชัดเจน

เบอร์นี แซนเดอร์ส ส.ว.จากรัฐเวอร์มอนต์กล่าววิพากษ์วิจารณ์การโจมตีซีเรียในครั้งนี้ว่าจะเป็นการดึงสหรัฐฯ ให้กลับไป "จมปลัก" กับการปฏิบัติการทางทหารในตะวันออกลางแบบที่เคยเป็นมาในอดีต แซนเดอร์สยังเรียกร้องให้ทรัมป์อธิบายกับชาวอเมริกันว่าการยกระดับปฏิบัติการทางทหารต่อซีเรียในครั้งนี้เป็นไปเพื่อต้องการให้เกิดอะไร และจะเข้ากับเป้าประสงค์กว้างๆ ในการแก้ปัญหาด้วยวิธีทางการเมืองได้อย่างไร แซนเดอร์สเชื่อว่าวิธีการทางการเมืองเท่านั้นที่เป็นหนทางเดียวที่จะทำให้สงครามกลางเมืองซีเรียจบลงได้

อย่างไรก็ตามคอมมอนดรีมส์รายงานว่าถึงแม้แซนเดอร์สผู้สังกัดพรรคเดโมแครตจะกล่าววิจารณ์การโจมตีของสหรัฐฯ แต่เพื่อนนักการเมืองพรรคเดโมแครตหลายคนก็กล่าวสนับสนุนการโจมตีในครั้งนี้ ยกเว้นวุฒิสมาชิกจากเวอร์มอนต์อีกคนคือ แพทริก เลห์ฮี, ไบรอัน ชาตซ์ ส.ว.จากฮาวาย, ทิม เคน ส.ว.จากเวอร์จิเนีย, เท็ด ลิว และบาร์บารา ลี ส.ส.แคลิฟอร์เนีย ซึ่งทั้งหมดนี้มาจากพรรคเดโมแครต นอกจากนี้ยังมีนักการเมืองฝ่ายอนุรักษ์นิยมบางส่วนที่กล่าวต่อต้านในเรื่องนี้ด้วย

การโจมตีด้วยจรวดมิสไซล์ใส่ฐานทัพอากาศซีเรียในครั้งนี้เป็นการสั่งการโดยไม่ได้มีความเห็นชอบจากสภาคองเกรส ไม่ได้รับการสนับสนุนจากสหประชาชาติ โดยเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ อ้างว่าพวกเขามีสิทธิใช้กำลังเพื่อปกป้องคุ้มครองผลประโยชน์ของชาติและปกป้องประชาชนของตัวเอง ขณะที่สถานีโทรทัศน์ของรัฐบาลซีเรียรายงานว่าการโจมตีของสหรัฐฯ เป็น "การรุกราน"

ถึงแม้แซนเดอร์สจะเคยประกาศว่าอัสซาดเป็น "อาชญากรสงคราม" จากการใช้อาวุธเคมีเพื่อสังหารประชาชนของตนเองหลายแสนคนเพื่อปกป้องอำนาจและความมั่งคั่งของตนเองแต่แซนเดอร์สก็เตือนว่าในฐานะที่สหรัฐฯ เป็นประเทศที่มีอำนาจที่สุดในโลกก็ควรจะทำงานร่วมกับประชาคมโลกในการนำสันติภาพและเสถียรภาพกลับมาสู่ซีเรีย

"ถ้าหากมีอะไรที่เราควรจะเรียนรู้จากสงครามในอิรักและอัฟกานิสถาน ที่มีผู้กล้าชาวอเมริกันทั้งชายและหญิงหลายพันคนสูญเสียชีวิตและมีพลเรือนอิรักกับอัฟกันนับแสนเสียชีวิต มีการใช้เงินสูญไปถึงหลายล้านล้านดอลลาร์" แซนเดอร์สกล่าว "มันง่ายที่จะเข้าสู่สงครามมากกว่าจะออกมาจากสงคราม"

หลังจากการโจมตีในครั้งนี้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติได้เข้าหารือกับสหรัฐฯ ในเรื่องนี้ ขณะที่ประเทศรัสเซียเรียกร้องให้มีการประชุมหารือโดยด่วน โดยถึงแม้ว่าทางสหประชาชาติกำลังสืบสวนสอบสวนเรื่องการใช้อาวุธเคมีในซีเรียอยู่แต่ทรัมป์ก็ไม่ยอมรอแม้กระทั่งจะให้เริ่มการสืบสวน เขาได้สั่งใช้กำลังทหารโต้ตอบอย่างทันที

คอมมอนดรีมส์รายงานว่าสื่อกระแสหลักระดับบรรษัทใหญ่ในสหรัฐฯ จากที่คอยวิพากษ์วิจารณ์ทรัมป์กลับแสดงท่าทีแบบอ่อนข้อ สนับสนุนสงคราม โดยที่ไม่มีการวิพากษ์วิจารณ์ อย่างไรก็ตามมีนักวิจารณ์ข่าวในช่วงกลางคืนที่พยายามวิจารณ์โต้ตอบกลับในเรื่องนี้เท่าที่จะทำได้

ฟิลลิส เบนนิส ผู้อำนวยการของนิตยสารนิวอินเตอร์เนชันแนลลิสต์จากสถาบันวิจัยนโยบายออกรายการช่องเอ็มเอสเอ็นบีซีกล่าววิจารณ์ว่าการโจมตีซีเรียในคืนวันพฤหัสบดี (6 เม.ย.) เป็นเรื่องร้ายแรงและเป็นการยกระดับที่อันตราย ถึงแม้จะสมมติว่าทรัมป์ได้รับมติจากสภาคองเกรสให้ทิ้งระเบิดได้แต่ก็ยังเป็นเรื่องผิดกฎหมายนานาชาติอยู่ดีหากไม่ได้รับการรับรองจากคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติและมีข้ออ้างเรื่องการป้องกันภัยประเทศตัวเองที่เชื่อถือได้จริง

แซนเดอร์สกล่าวอีกว่าเขามีความกังวลอย่างมากว่าการโจมตีซีเรียจะทำให้สหรัฐฯ ถูกดึงกลับไปสู่ความขัดแย้งในระยะยาวกับตะวันออกกลางอีก จากที่ตลอด 15 ปีที่ผ่านมาการปฏิบัติการในตะวันออกกลางส่งผลเสียหายต่อความมั่นคงของสหรัฐฯ ต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ และต่อประชาชนชาวอเมริกันเอง

บาร์บารา ลี ส.ส. เดโมแครตแถลงในเรื่องนี้ว่าในขณะที่นักการเมืองกำลังอยู่ในช่วงลาพักเทศกาลอีสเตอร์ ทรัมป์ก็กำลังนำประเทศไปสู่สงครามในแบบที่ยังไม่รู้ว่าจะส่งผลและมีราคาที่ต้องจ่ายไปอีกเท่าไร เรื่องนี้สภาคองเกรสของสหรัฐฯ ไม่ควรนิ่งนอนใจ

นอกจากนี้ผู้นำสภาฝ่ายเสียงข้างน้อยอย่างแนนซี เพโลซี จากแคลิฟอร์เนีย เรียกร้องให้โฆษกสภาผู้แทนฯ พอล ไรอัน เปิดประชุมหารือถกเถียงกันในเรื่องที่สหรัฐฯ กำลังนำกำลังพลของพวกเขาไปเผชิญอันตราย

มีกลุ่มที่เรียกตัวเองว่า "ชนะโดยไม่ต้องมีสงคราม" (Win Without War) ที่เปิดล่ารายชื่อเรียกร้องให้ ส.ส. ยกเลิกการหยุดพักร้อนและหันมาอภิปราย ลงมติ "ก่อนที่จะมีการทิ้งระเบิดไปมากกว่านี้"



เรียบเรียงจาก

Sanders Warns Trump Against Dragging US Into Another Endless 'Quagmire', Common Dreams, 07-04-2017
http://www.commondreams.org/news/2017/04/07/sanders-warns-trump-against-dragging-us-another-endless-quagmire

Without Proof or Cause or Consent, 'Impetuous' Trump Bombs Syria, Common Dreams, 07-04-2017
http://www.commondreams.org/news/2017/04/07/without-proof-or-cause-or-consent-impetuous-trump-bombs-syria

แสดงความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.