เป็นเรื่องราวเมื่ออดีตรองผู้กำกับสันติบาลบุกถึงพรรคประชาธิปัตย์ขอความเป็นธรรม กรณีอ้างว่าถูกอดีตส.ส.ขอพรรคหลอกให้ค้ำประกันเสียเงินไป 7.5 ล้านบาท

วานนี้ (2 มิ.ย.)พ.ต.ท.สันธนะ ประยูรรัตน์ อดีตรองผู้กำกับสันติบาล นำนายกฤษฎิ์ ทองแดง ผู้เสียหายเข้ามาร้องเรียนต่อหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ถึงที่ทำการพรรค ถนนพระราม6 โดยมีตัวแทนพรรคนายถวิล ไพรสณฑ์ และนายศิริโชค โสภา รองเลขาธิการพรรคเป็นคนรับเรื่องแทน

เหตุร้องเรียนเกิดจากผู้ร้องเรียนอ้างว่ามีอดีต ส.ส.สุราษฎร์ธานีคนหนึ่งของพรรคประชาธิปัตย์ และหญิงสาวคนสนิท ไม่รับผิดชอบหลังจากเข้ามาอ้างเพื่อเป็นคนกลางในการดำเนินการจ่ายภาษีสรรพากรให้แก่ผู้เสียหายที่ได้รับรางวัลรถซูเปอร์คาร์ ยี่ห้อเฟอร์รารี รุ่น 458 อิตาเลีย มูลค่า 27 ล้านบาท ที่ผู้ร้องเรียนเป็นผู้โชคดีได้รับรางวัลจากแคมเปญแจกรถหรูของค่ายโทรศัพท์มือถือชื่อดัง ตั้งแต่ปี 2557

ผู้ร้องเรียนอ้างว่าอดีตส.ส.คนดังกล่าวได้เรียกรับเงินค่าดำเนินการเป็นจำนวนรวม กว่า 7.5 ล้านบาท อ้างว่าเป็นค่าอำนวยความสะดวกเพื่อติดต่อคนซื้อรถหรูในราคา 19 ล้านบาท และเสียภาษีในอัตราก้าวหน้า แต่กลับปรากฏว่ากรมสรรพากรยังแจ้งว่าไม่ได้ชำระและมีเบี้ยค่าปรับฐานล่าช้ารวมทั้งสิ้น 3.6 ล้านบาท

ทางนายกฤษฎิ์ผู้เสียหาย อธิบายต่อว่า หลังจากได้รับรางวัล จำเป็นจะต้องจ่ายภาษีให้กรมสรรพากร จำนวน 35% จากราคารถ ซึ่งคิดเป็นเงินประมาณ 7.5ล้านบาท และตนเองไม่มีเงินที่จะไปจ่าย จึงได้ปรึกษากับพี่ชาย และพี่ชายได้แนะนำให้รู้จักกับ นางสาว พรปวีณ์ หรือน้ำฝน ซึ่งอ้างว่า สามารถช่วยเจรจากับกรมสรรพากรในการลดหย่อนภาษีได้ เหลือ4.3ล้านบาท แต่ขอคิดค่าดำเนินการเป็นเงิน2ล้านบาท จึงได้หลงเชื่อ และตกลงทำสัญญากัน โดย น.ส.น้ำฝนได้ติดต่อนักธุรกิจผู้ถือหุ้นใหญ่ของมือถือค่ายหนึ่งที่สนใจจะซื้อรถคันดังกล่าว และให้ผู้ซื้อรถนำเงินมาชำระภาษีก่อนเพื่อนำรถออกมาภายใน 7 วันหลังได้รับรางวัล จากนั้น น.ส.น้ำฝนได้แนะนำให้รู้จักกับอดีต ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์คนดังกล่าว มาเป็นคนกลางเพื่อดำเนินการค้ำประกันในการซื้อขาย

จนล่าสุดปี 2559 มีหนังสือจากกรมสรรพากรแจ้งเตือนให้นำเงินไปชำระภาษีอากรค้างชำระ พร้อมค่าเบี้ยปรับอีก รวมกว่า 3.7ล้านบาท ผู้ร้องเรียนตกใจเนื่องจากคิดว่าได้มีการเคลียร์กันไปแล้วผ่าน น.ส.น้ำฝน จึงบุกไปที่บ้านและพบว่าน.ส.น้ำฝนอยู่ด้วยกันกับส.ส.คนดังกล่าว แต่จะขอให้เงินคืนเพียง 1.8ล้านบาทเท่านั้นทำให้ยังมียอดค้างชำระรวมดอกเบี้ยกว่า 5 ล้านบาท ตนจึงบุกมาร้องขอความเป็นธรรมที่พรรคในวันนี้

ทางนายศิริโชค ชี้แจงว่าส.ส.คนดังกล่าวขาดสมาชิกภาพพรรคไปแล้ว เนื่องจากช่วงเว้นวรรคการเมืองหลังรัฐประหารและได้ไปบวชที่บ้านเกิดตามกฎของพรรคเมื่อผู้สมัครครองสมณเพศให้ถือว่าหมดสมาชิกภาพไปด้วย และตอนนี้ยังไม่ได้สมัครกกลับมาที่พรรคด้วย

source :- http://news.voicetv.co.th/thailand/495472.html

แสดงความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.