Posted: 03 Jun 2017 07:05 PM PDT  (อ้างอิงจากอีเมล์ข่าว เว็บไซต์ประชาไท)

'ธวัชชัย ไทยเขียว' รองปลัดและโฆษกกระทรวงยุติธรรมระบุผลการวิจัยชี้การประหารชีวิตไม่ได้มีผลต่อการยับยั้งอาชญากรรมที่รุนแรงทำให้สังคมปลอดภัยขึ้น แต่ส่งผลกระทบต่อสังคมกระบวนการยุติธรรมทางอาญามีความเสี่ยงที่จะตัดสินผิดพลาดได้ ชี้หากไทยไม่มีการประหารชีวิต 10 ปีติดต่อกันทางองค์การสหประชาชาติจะถือว่าเป็นประเทศที่ยกเลิกโทษประหารชีวิต

เมื่อวันที่ 3 มิ.ย. 2560 นายธวัชชัย ไทยเขียว รองปลัดและโฆษกกระทรวงยุติธรรม ได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่าจากผลการวิจัยทั่วโลกการประหารชีวิตไม่ได้มีผลต่อการยับยั้งอาชญากรรมที่รุนแรง หรือทำให้สังคมปลอดภัยขึ้นได้ แต่ยังส่งผลกระทบที่เลวร้ายต่อสังคม กระบวนการยุติธรรมทางอาญาได้ เพราะย่อมมีความเสี่ยงที่จะตัดสินผิดพลาดได้ เนื่องจากไม่มีระบบใดที่จะสามารถตัดสินได้อย่างเป็นธรรม สม่ำเสมอโดยที่ไม่มีข้อบกพร่องได้ เพราะอาจมีแพะที่ถูกประหารชีวิตไปแล้ว ย่อมไม่อาจสามารถเรียกชีวิตกลับคืนมาได้ ทั้งนี้ยังมีข้อค้นพบว่านักโทษที่ถูกประหารชีวิตส่วนใหญ่จะคนยากจน และคนด้อยโอกาส ซึ่งไม่สามารถว่าจ้างทนายความที่มีความสามารถเพื่อให้ความรู้และแก้ต่างให้กับตนเองได้ นอกจากนี้นักมนุษยวิทยาเห็นว่าการประหารชีวิตเป็นการละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐานของมนุษย์ การประหารชีวิตทุกวิธีก่อให้เกิดความทรมานต่อนักโทษอย่างแสนสาหัส ถึงแม้ว่าผู้กระทำผิดเหล่านี้จะได้ก่อเหตุรุนแรงมาแล้วก็ตาม

ฉะนั้น หลักของการลงโทษนั้นต้องไม่ควรเป็นไปเพื่อการแก้แค้นทดแทน แต่ต้องเป็นไปเพื่อการแก้ไขและเยียวยาทั้งตัวผู้กระทำความผิดและเหยื่อน่าจะเกิดประโยชน์สูงสุดแก่สังคม

จากข้อมูล ณ เมษายน 2560 มีนักโทษต้องโทษประหารชีวิต ทั้งหมด 447 ราย จำแนกเป็น

1) คดียาเสพติดให้โทษ ระหว่างชั้นอุทธรณ์ เป็นนักโทษชาย 105 ราย หญิง 51 ราย, ชั้นฎีกา เป็นชาย 12 ราย หญิงไม่มี และในชั้นเด็ดขาดคดีถึงที่สุดแล้ว เป็นชาย 55 ราย หญิง 13 ราย

2) คดีความผิดทั่วไป เช่นคดีฆ่าคนตาย อยู่ระหว่างชั้นอุทธรณ์ เป็นชาย 110 ราย หญิง 6 ราย, ชั้นฎีกาเป็นชาย 6 ราย ส่วนหญิงไม่มี และนักโทษชั้นเด็ดขาดคดีถึงที่สุดแล้ว เป็นชาย 85 ราย และหญิง 4 ราย
จากสถิติดังกล่าวพบว่าโทษประหารชีวิตในคดีทั่วไปมีจำนวนมากกว่าคดียาเสพติดให้โทษ

นักโทษประหารจะถูกควบคุมจำแนกตามเรือนจำต่าง ๆ ดังนี้

1. เรือนจำกลางบางขวาง 275 คน

2. เรือนจำกลางคลองเปรม 2 คน

3. เรือนจำกลางเขาบิน 19 คน

4. เรือนจำกลางสงขลา 31 คน

5. เรือนจำกลางพิษณุโลก 6 คน

6 เรือนจำกลางนครศรีธรรมราช 46 คน

7. ทัณฑสถานหญิงกลาง 57 คน

8. ทัณฑสถานหญิงนครราชสีมา 4 คน

9. ทัณฑสถานหญิงเชียงใหม่ 7 คน

การประหารชีวิตด้วยวิธีการยิงเป้านักโทษประหารชีวิตรายสุดท้ายเมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2545 ส่วนการประหารชีวิตด้วยวิธีการฉีดสารพิษตามกฎหมายใหม่ มีจำนวน 6 ราย เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2546 เป็นชาย 4 ราย นักโทษคดียาเสพติด 3 ราย คดีความผิดต่อชีวิต 1 ราย และครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2552 เป็นนักโทษเด็ดขาดและต้องคดีเกี่ยวกับยาเสพติด 2 ราย หลังจากนั้น จนถึงปัจจุบันยังไม่มีการประหารชีวิตอีกเลย รวมเวลา 7 ปี 9 เดือน ซึ่งหากไม่มีการประหารชีวิต 10 ปีติดต่อกัน ทางองค์การสหประชาชาติจะถือว่าเป็นประเทศที่ยกเลิกโทษประหารชีวิต

แสดงความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.