Posted: 16 Jun 2017 09:59 PM PDT   (อ้างอิงจากอีเมล์ข่าว เว็บไซต์ประชาไท)


ต้องออกตัวไว้ก่อนตรงนี้เลยว่าเราอยู่ในฝ่ายที่ ไม่ สนับ สนุน กิจกรรมการรับน้องที่มีการบังคับและมีผลกระทบต่อจิตใจของผู้อื่นทั้งทางร่างกายและทางจิตใจ ทางตรงและทางอ้อม

แต่เราไม่ใช่คนที่มีอำนาจอะไรครับ เป็นแค่นิสิตที่มาเรียนธรรมดาๆ ไม่ได้ไปเข้าร่วมในกลุ่มที่ทำตรงนี้กับเค้า แต่เห็นว่าทางคณะเลือกที่จะเงียบ เราเลยเลือกที่จะออกมาเปิดเผยแทนจะดีกว่า ไม่ชอบความเงียบครับ

ในโพสนี้เราจะพยายาม "เปิดเผย" เกี่ยวกับการรับน้องของคณะศิลปกรรม จากมุมมองของคนที่เข้ามาเรียนธรรมดาๆครับ ย้ำว่าเราเป็นแค่นิสิตธรรมดาครับ

หลังจากที่เห็นกระแสด่า ฯลฯ มาค่อนข้างมาก เรื่องการเปิดเผยเกี่ยวกับการรับน้องของคณะศิลปกรรมศาสตร์จุฬาฯ และยังไม่เห็นการออกมาแถลงอย่างเป็นทางการอะไรเลยจากทางฝั่งรุ่นพี่หรืออาจารย์ เราจึงอยากจะออกมาเล่าด้วยข้อเท็จจริงที่ตรงสุดเท่าที่จะทำได้ให้กับคนภายนอกได้รับรู้สักที ยอมรับว่านี่ค่อนข้างหงุดหงิดกับการนิ่งเงียบของคนในคณะ

รับน้องของคณะศิลปกรรมศาสตร์จุฬาเริ่มตั้งแต่ตอนปิดเทอม จะเริ่มประมาณ 1 เดือนก่อนงาน 'รับน้องก้าวใหม่' ของทางมหาลัยเอง โดยที่บรรยากาศของการรับน้องตอนปิดเทอมจะเหมือนภาพของการรับน้องสร้างสรรค์ที่มหาลัยอื่นๆทั่วๆไป ก็จะเป็นการมาทำกิจกรรมสันทนาการ เล่นเกม นู่นนี่ แล้วก็มีการฝึกร้องเพลงคณะ ซ้อมเต้น อะไรทำนองนี้ โดยที่รุ่นพี่ที่ดูแลในจุดนี้จะเรียกว่า "พี่สัน" รับน้องตอนปิดเทอมนี้ไม่มีการบังคับ ใครจะมาก็ได้ ไม่มาก็ได้ รุ่นพี่ที่ดูแลน้องในช่วงปิดเทอมนั้นยอมรับว่าดูแลได้ดีมาก และกิจกรรมก็ไม่มีความรุนแรง ตัวผู้เขียนเคยสะดุดล้ม(กับพื้นคอนกรีต)จนเป็นแผล รุ่นพี่ฝ่ายปฐมพยาบาลก็ได้นำตัวออกมาและให้นั่งพัก ไม่ต้องร่วมกิจกรรมต่อ

พอรับน้องตอนปิดเทอมผ่านไปประมาณครึ่งหนึ่ง (หรือเกือบครึ่ง จำไม่ค่อยได้มาก) ก็จะมีการให้ทำมาสคอตของคณะ โดยที่จะแบ่งน้องออกเป็นกลุ่มๆ ให้ออกแบบแข่งกัน โดยนอกจากมาสคอตจะให้ออกแบบลายเก้าอี้คู่กันไปด้วย พอถึงจุดนี้การมารับน้องในแต่ละวันก็จะไม่ค่อยมีกิจกรรมอะไรให้ทำมากแล้ว นอกจากร้องเพลงบ้าง และปล่อยให้มาทำมาสคอตไปเรื่อยๆ โดยที่รุ่นพี่ทุกๆคนที่มาก็จะมาช่วยกันทำ จุดนี้ก็ไม่มีการบังคับเช่นกัน

รับน้องในช่วงปิดเทอมนั้นจะจบตอนที่งานรับน้องก้าวใหม่ของทางมหาลัยเริ่มขึ้นพอดี หลังจากนั้นก็จะเว้นช่วงไปยันเปิดเทอม

พอเปิดเทอม จะเข้าสู่ช่วงที่ขอใช้คำว่า 'ของจริง' ของการรับน้องของที่นี่ โดยที่วันแรกที่มาเรียนเราจะถูกเรียกรวมตอนเที่ยงทุกคน โดยมีการทำแผนผังกำหนดจุดที่น้องแต่ละคนจะต้องยืนในแถว และพาขึ้น "ห้องเชียร์" ที่อยู่ชั้นที่สองของตึกคณะ โดยพอเข้าห้องเชียร์เราจะเจอกลุ่มที่เรียกว่า "พี่เชียร์" และ "พี่ระเบียบ"

การปฏิบัติในห้องเชียร์ทั่วๆไปคือ เช็คยอด โดยที่การเช็คยอดจะเช็คตามแผนผังที่ทำไว้ที่กล่าวไปก่อนหน้า ถ้าเพื่อนจุดไหนขาดไปโดยที่ไม่ได้ส่งจดหมายลา คนรอบข้างทั้งหมดจะโดนสั่งลุกนั่ง ตรงนี้มีการใช้คำพูดกระทบกระทั่งและเหน็บแนมเยอะมากๆ อย่างเช่น ผู้หญิงลุกนั่ง ให้ผู้ชายยืนเฉยๆ แล้วก็ว้ากไปเรื่อยๆบ้าง หรือว้ากแบบไม่มีเหตุผลบ้าง ตรงนี้คนที่พึ่งเคยเจออะไรแบบนี้วันแรกหลายๆคนจะตกใจมาก นอกจากเช็คยอดก็มีการเช็คเครื่องแต่งกาย โดยที่เครื่องแต่งกายของที่นี่มีการกำหนดว่าปี 1 ต้องใส่ 'เสื้อตัวใหญ่ๆ' กับ 'กางเกงสีกรมท่าขากระบอก' และ 'รองเท้า' ของทางคณะ แต่ "พี่ระเบียบ" จะมีการดุน้องเพิ่มด้วย โดยเฉพาะน้องผู้หญิง โดยจะมีการดุเรื่องการทำสีผม เพราะทุกคนต้องทำสีดำ เรื่องห้ามแต่งหน้า เรื่องห้ามใส่ต่างหูบ้าง ฯลฯ

ห้องเชียร์จะมีทุกวัน ย้ำ ทุ ก วั น ทั้งเที่ยงและเย็น โดยที่ตอนเที่ยงหลายๆคนลงจากห้องเชียร์ก็ไม่ทันกินข้าวแล้ว

เรื่องจดหมายลาคือเราต้องเอาไปส่ง "พี่ลา" เพราะพี่คนอื่นไม่รับ เราเคยจะเอาไปส่งแล้วเราไม่รู้ว่าพี่ลาเป็นใคร สุดท้ายก็เลยฝากเพื่อนเข้าไปในห้องเชียร์ ซึ่งเหมือนตรงนี้เค้าจะไม่รับ เพราะได้ยินว่าเพื่อนๆก็ถูกสั่งให้ลุกนั่งอยู่ดี

ต่อด้วย "สันโต้" สันโต้จะมีในตอนเย็นหลังจากจบห้องเชียร์ตอนเย็นแล้ว คือจะให้รุ่นน้องแต่งตัวตามตีมต่างๆ เช่น ตีมสัตว์ประหลาด ตีมป่า ตีมทะเล ฯลฯ โดยที่จะให้ใช้งบน้อยที่สุดเท่าที่ทำได้ แล้วก็จะให้ไปทำกิจกรรมสันทนาการกับคณะอื่นๆในมหาลัย หรือมหาลัยอื่นๆที่มาที่นี่ (เช่น ศิลปากร) โดยที่เวลาไปจะมีพี่เชียร์และพี่สันตามไปด้วย และบางทีก็มีการว้าก (อย่างเช่นตอนสันโต้กับรัฐศาสตร์) ทีนี้ พอผ่านไปเรื่อยๆ "พี่ว้าก" ก็จะมีการขอยอดน้องให้ครบตามจำนวนที่กำหนด เช่น ขอ 80 คนได้มั้ย ถ้าน้องมาไม่ครบ สิ่งที่น้องจะเจอก็คือการ 'พัง' มาสคอต ซึ่งปีที่เราเรียนเป็นมาสคอตรูปหมาป่า เค้าก็จะค่อยๆพังไปเป็นจุด หัวบ้าง หางบ้าง ขนบ้าง

การปฏิบัติของการรับน้องของคณะนี้จะเป็นไปแบบนี้เรื่อยๆ จนครบเวลาที่กำหนด (จำไม่ได้ว่าเดือนอะไร แต่เวลาทั้งหมดประมาณเดือนสองเดือน)

ที่ว่าการรับน้องมีการบังคับ แต่ทางคณะบอกว่าไม่ได้บังคับ และไม่ได้รุนแรง จริงมั้ย?

ไม่ได้บังคับจริง แต่เฉพาะช่วงปิดเทอม แต่พอถึงช่วงเปิดเทอมที่มี 'ห้องเชียร์' นั้น มีการบังคับทางอ้อมตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นการเช็คยอด การทำโทษ การพูดกระทบกระทั่ง และนอกจากการบังคับจากรุ่นพี่ ก็ยังมีการกดดันจากเพื่อนอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะครั้งที่โดนมาสคอต จะมีการกดดันจากเพื่อนเยอะมากๆกับกลุ่มคนที่ไม่มาเข้าร่วม

มีเพื่อนเราคนนึงเคยไปโดนตามถึงที่ทำงานพิเศษในเวลาที่เค้าทำงานอยู่ให้มารับน้อง จนสุดท้ายเค้าก็เลือกที่จะลาออกแล้วไปเรียนที่ต่างประเทศ เพราะเค้ารับไม่ได้กับการอยู่ในสังคมที่โดนกระทำในรูปแบบนี้ ส่วนเรื่องความรุนแรงนั้นทางกายมีแค่การลงโทษ จนเพื่อนหลายๆคนออกมาบ่นว่าปวดขา ทางจิตใจนั้นจะมาในรูปแบบของการกดดันอย่างที่กล่าวไป โดยเฉพาะในไลน์คณะ

-------------------------------------------------------

พอจบรับน้องรุ่นพี่ก็จะเฉลยออกมาว่าทั้งหมดมันเป็นแค่ละคร แล้วทุกอย่างก็เหมือนจะจบด้วยดี รุ่นพี่ทุกคนกลายมาเป็นรุ่นพี่ที่ดี ตรงนี้เป็นข้อเท็จจริง ย้ำว่ารุ่นพี่ในคณะเป็นรุ่นพี่ที่ดี รับฟังและช่วยเหลือน้องในทุกๆเรื่อง แต่เราว่าที่มีปัญหาคือการที่คนส่วนใหญ่คิดว่าการทำแบบนี้ในการรับน้องมัน "โอเค" สำหรับตัวน้อง จุดนี้คือจุดที่มีปัญหา

ในความคิดเห็นของเรา เราย้ำอีกครั้งว่าเราอยู่ฝ่าย "ไม่สนับสนุน" การรับน้องในรูปแบบนี้ แต่เราเคยเข้าไปคุยกับทางนายกสโมฯ (ที่เป็นข่าว) แล้ว เจ้าตัวได้บอกเราแล้วว่าจะปรับปรุง เราเข้าไปเสนอแนวทางแก้หลายๆแนวทาง เจ้าตัวก็รับฟัง เค้าบอกว่าเค้าก็ไม่ได้อยากทำ แต่สิ่งที่ทำให้ยกเลิกการรับน้องไม่ได้ เพราะยังมี 'คนจำนวนมาก' ที่ยังต้องการการรับน้องอยู่ และเค้าก็ยังไม่สามารถหาอะไรมาทำแทนที่มีคนสนับสนุนมากเท่าอันนี้ได้ จึงต้องดำเนินต่อไป รวมทั้งยังมีอาจารย์ที่ยังสนับสนุนการรับน้องอยู่ (แต่อาจารย์ฝ่ายที่ไม่สนับสนุนนั้นก็มี)

เราไม่ได้อยากจะ "ล้ม" การรับน้องแต่อย่างใด ถ้าคนจำนวนมากยังต้องการที่จะมีอยู่ เราจะไม่ไปละเมิดสิทธิของเค้า แต่เราจะแสดงจุดยืนของเราว่าเราอยู่ข้างคนที่ถือว่าเป็น 'ส่วนน้อย' ที่ไม่ต้องการเข้าร่วมกิจกรรมนี้แบบเรา เราต้องการให้เค้าสามารถใช้ชีวิตการเรียนได้อย่างปกติโดยที่ไม่ต้องมีใครมากดดัน ไม่ต้องมีใครมาบังคับในเรื่องใดๆทั้งสิ้น เราไม่เห็นด้วยกับการกระทำรุนแรงที่เกิดขึ้น เท่าที่เห็นการตอบสนองของเพื่อนๆในคณะหลายๆคนนั้น ถ้าพูดตรงๆ คือไม่มีเหตุผลเลย มีแต่การปกป้องแบบที่ไม่ถูก ในหลายๆกลุ่มไลน์ เช่น กลุ่มสาขา ก็มีการด่ากระทบกระทั่งกับเพื่อนเราที่ไม่เห็นด้วยเหมือนเรา เราเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าการไม่บังคับคนอื่นหรือไม่กดดันคนอื่นมันยากตรงไหน ขนาดงานรับน้องก้าวใหม่ของทางมหาลัยที่ไม่บังคับ ยังมีคนเข้าร่วมตั้งเยอะแยะเลย แล้วก็ไม่เข้าใจว่าทำไมการรับน้องมันต้องมีในเวลาที่ยาวนานขนาดนี้เหมือนกัน

เราไม่คิดว่าการเงียบแล้วปล่อยให้เรื่องมันจบนั้นเป็นเรื่องที่ถูกต้อง รวมถึงการตอบโต้อีกฝั่งด้วยอารมณ์ด้วย ในเมื่อการรับน้องของเรามันมีปัญหาจริงๆ แล้วคนที่มีปัญหาก็มีอยู่ให้เห็น เราควรจะยอมรับตรงๆเลยว่ามันมีปัญหาแล้วหาทางแก้ จะเป็นทางออกที่ดีกว่า

ที่คิดออกมาเล่าได้ก็มีเพียงเท่านี้ ตรงนี้ก็ขอขอบคุณมากกับคนที่อ่านจนจบ ถ้าทางคณะได้มาอ่าน ก็ขอฝากให้ไปปรับปรุง เพื่อที่จะได้ไม่เกิดปัญหาแบบนี้อีก เราก็ขอให้ทุกคนอย่าพึ่งเหมารวมคณะที่เราเรียนอยู่ตอนนี้ด้วยเรื่องนี้ เพราะรุ่นพี่และอาจารย์ทุกคนก็มีความเห็นต่างกัน แต่โดยรวมแล้วทุกคนไม่ได้เป็นคนที่จะปฏิบัติแย่ๆใส่กันด้วยความสะใจ

จากนิสิตปี 1 ปัจจุบันที่กำลังจะขึ้นปี 2



แสดงความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.