Posted: 18 Jul 2017 06:29 AM PDT  (อ้างอิงจากอีเมล์ข่าว เว็บไซต์ประชาไท)


กลุ่มคนหลักประกันสุขภาพ ยันไม่เข้าร่วมประชุมแก้ไขกฎหมายบัตรทองที่ สธ. พรุ่งนี้ เหตุผู้บริหาร สธ.ยังยืนยันที่จะให้ตัวแทนรพ.ขนาดใหญ่-เล็ก บางส่วนที่หนุนการแยกเงินเดือนออกจากค่าเหมาจ่ายรายหัวเข้าร่วมประชุม แต่ไม่รับข้อเสนอของทางกลุ่มที่ให้เชิญตัวแทน รพ.ในชนบทที่จะได้รับผลกระทบเข้าร่วมประชุม


ภาพจาก เฟซบุ๊กแฟนเพจ 'กลุ่มคนรักหลักประกันสุขภาพ'

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เฟซบุ๊กแฟนเพจ 'กลุ่มคนรักหลักประกันสุขภาพ' โพสต์ข้อความว่า ตามที่ นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาธร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้มอบหมายให้ทางกระทรวงนัดหารือเรื่องแก้ไข พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ในประเด็นที่ยังเห็นต่างกัน คือ การแยกเงินเดือนออกจากค่าเหมาจ่ายรายหัว และ สัดส่วนคณะกรรมการ โดยทาง นพ.มรุต จิรเศรษฐศิริ หัวหน้าผู้ตรวจราชการ นัดประชุมวันพรุ่งนี้ (19 ก.ค.60) บ่ายนั้น

สุภัทรา นาคะผิว โฆษกกลุ่มคนหลักประกันสุขภาพ เปิดเผยว่า ทางกลุ่มฯ คงไม่สามารถเข้าร่วมประชุมดังกล่าว เนื่องจากผู้บริหาร สธ.ยังยืนยันที่จะให้ตัวแทนรพ.ขนาดใหญ่และ รพ.ขนาดเล็กบางส่วนที่สนับสนุนการแยกเงินเดือนออกจากค่าเหมาจ่ายรายหัวเข้าร่วมประชุม แต่ไม่รับข้อเสนอของทางกลุ่มฯที่ให้เชิญตัวแทน รพ.ในชนบทที่จะได้รับผลกระทบจากการแยกเงินเดือนครั้งนี้เข้าร่วมประชุมด้วย

"เราขอบคุณรัฐมนตรี สธ.ที่พยายามแก้ไขความเห็นต่างด้วยการให้ความสำคัญของการพูดคุยกันโดยใช้ข้อมูลความรู้และงานวิจัยต่างๆเพื่อหาทางออกของการแก้ไขกฎหมายบัตรทองในขณะนี้ แต่จากสัดส่วนองค์ประชุมที่หัวหน้าผู้ตรวจราชการ สธ.แจ้งมา ว่าตัวแทน สธ.จะมีโรงพยาบาลขนาดใหญ่ในภาคกลาง 2 แห่ง และอาจเพิ่ม รพ.ขนาดเล็กในภาคกลางเข้าร่วมเท่านั้น โดยไม่ได้สนใจข้อท้วงติงของทางกลุ่มฯ ที่ขอให้เชิญตัวแทนของโรงพยาบาลในชนบททางภาคอีสานหรือ 3 จังหวัดชายแดนใต้ที่จะได้รับผลกระทบจากการแยกเงินเดือนออกจากค่าเหมาจ่ายรายหัวมาเข้าร่วมประชุมด้วย ทั้งที่โรงพยาบาลในชนบทเหล่านี้ก็อยู่ในสังกัด สธ. เช่นเดียวกัน และจะกระทบกับการจ้างลูกจ้างพยาบาลและสหวิชาชีพ จนส่งผลต่อการดูแลประชาชนในชนบทในที่สุด" สุภัทรา กล่าว

"แม้รัฐมนตรีจะเจตนาดีให้มีการพูดคุย หารือเพื่อหาทางออก แต่เจ้าหน้าที่ สธ.ยังคงเดินย้ำรอยเดิม เอาคนเดิมๆเข้ามาคุย ข้อสรุปคงไม่เปลี่ยน จึงเชื่อได้ว่าเจตนารมณ์รัฐมนตรีคงเป็นหมัน" โฆษกกลุ่มคนรักหลักประกันสุขภาพย้ำ

ทั้งนี้ กลุ่มคนรักหลักประกันสุขภาพ ยังพร้อมที่จะหารือด้วยเหตุด้วยผลและใช้ข้อมูลการศึกษาและงานวิจัยต่างๆเพื่อแก้ไขกฎหมายบัตรทองให้ดีที่สุด ซึ่งสิ่งที่ควรเป็นขณะนี้คือ ต้องแก้เฉพาะในประเด็นที่เป็นไปตามคำสั่ง มาตรา 44 ที่ 37/2559 และให้เพิ่มอำนาจหน้าที่ให้ สปสช.สามารถจัดซื้อยาและเวชภัณฑ์ที่จำเป็น ตามที่ได้ดำเนินการมาด้วยดีตลอด 10 กว่าปีมานี้ได้เท่านั้น ส่วนประเด็นการแยกเงินเดือนออกจากค่าเหมาจ่ายรายหัว และการเพิ่มสัดส่วนคณะกรรมการนั้น เป็นประเด็นที่ต้องไปศึกษาเพิ่มเติมเพื่อป้องกันปัญหาวิกฤติกำลังคน และการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน ยังไม่พึงนำมาพิจารณาในการแก้ไขกฎหมายครั้งนี้

ทางด้าน นพ.เกรียงศักดิ์ วัชรนุกูลเกียรติ ประธานชมรมแพทย์ชนบท กล่าวว่า รู้สึกผิดหวังกับผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุขที่ไม่ใส่ใจผลกระทบที่จะเกิดกับ รพ.ในชนบท ทั้งที่นี่จะเป็นมหาวิกฤตสาธารณสุขครั้งสำคัญที่เกิดขึ้นจากนโยบายของผู้บริหารชุดนี้

"ขอประกาศจุดยืนว่า เงินเดือนต้องอยู่ในเงินเหมาจ่ายรายหัวไม่สามารถแยกได้ เพราะหากแยกออกไปแล้วโรงพยาบาลในเมืองก็จะไม่เกิดสำนึกทางการเงิน เวลาใครขอย้ายจากชนบทไปอยู่ในเมือง เมืองก็จะรับทันทีเพราะไม่ต้องจ่ายเงินอะไร แต่ถ้ายังรวมอยู่ในรายหัวเหมือนเดิม โรงพยาบาลเมืองก็จะประเมินแล้วว่าคนของตัวเองเยอะเกิน อาจจะไม่รับเพิ่มดีกว่า ตรงนี้จะเป็นแรงช่วยดันไว้ช่วยชะลอไม่ให้แพทย์ไหลจากชนบทไปสู่เมืองได้เร็วขึ้น การกระจายบุคคลากรจะไม่เกิด แต่จะเกิดการกระจุกตัวในเขตเมือง ในชนบทจะยิ่งขาดแคลนบุคลากรมากขึ้น เงินงบประมาณด้านสุขภาพของภาคอีสานและตะวันตกจะแย่ลง คุณภาพบริการก็จะแย่ตามไปด้วย ประเด็นทางการเมืองจะตามมา และเท่ากับผู้บริหารสธ.ผลักมิตรให้เป็นศัตรูกับรัฐบาลนี้" ประธานชมรมแพทย์ชนบท กล่าว

แสดงความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.