A TV screen shows images of U.S. President Donald Trump, left, and North Korean leader Kim Jong Un during a news program at the Seoul Railway Station in Seoul, South Korea.

คำขู่นี้มีขึ้นหลังจากสำนักงานด้านข่าวกรองสหรัฐฯ หรือ DIA มีข้อสรุปว่าเกาหลีเหนือประสบความสำเร็จในการสร้างหัวรบนิวเคลียร์ขนาดเล็กบรรจุในขีปนาวุธได้แล้ว

ประธานาธิบดีทรัมป์ มีคำเตือนไปถึงเกาหลีเหนือในวันอังคาร โดยบอกว่าเกาหลีเหนือจะต้องหยุดข่มขู่คุกคามสหรัฐฯ ได้แล้ว ไม่เช่นนั้นจะต้องเผชิญกับ 'ไฟและความเดือดดาล อย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน'

ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวกับผู้สื่อข่าวที่สนามกอล์ฟที่ตนเป็นเจ้าของ ที่เมือง Bedminster รัฐนิวเจอร์ซีย์ โดยกล่าวหาผู้นำเกาหลีเหนือ คิม จอง อึน ว่าเป็นภัยคุกคามอย่างยิ่ง และได้ส่งคำเตือนไปยังกรุงเปียงยางอีกครั้งว่าหากยังไม่หยุดพฤติกรรมข่มขู่คุกคามสหรัฐฯ เกาหลีเหนือจะเผชิญกับ “ไฟและความเดือดดาล แบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อนในโลกนี้”

คำกล่าวของประธานาธิบดีทรัมป์มีขึ้นหลังจากสื่อหลายสำนักรายงานว่า สำนักงานด้านข่าวกรองทางทหารของสหรัฐฯ หรือ DIA มีข้อสรุปเมื่อเดือนที่แล้วว่า เกาหลีเหนือประสบความสำเร็จในการสร้างหัวรบนิวเคลียร์ขนาดเล็กซึ่งสามารถบรรจุในขีปนาวุธได้แล้ว ซึ่งหากเป็นความจริง หมายความว่าเกาหลีเหนือจะเป็นประเทศที่ 9 ที่มีจรวดบรรจุหัวรบนิวเคลียร์

ก่อนหน้านี้ บรรดาผู้เชี่ยวชาญหลายคนเคยเชื่อว่า เกาหลีเหนือจะยังไม่สามารถมีเทคโนโลยีดังกล่าวในช่วงหลายปีจากนี้

หนังสือพิมพ์ Washington Post รายงานอ้างการประเมินของหน่วยงานด้านข่าวกรองดังกล่าว ที่ระบุว่าเกาหลีเหนือผลิตอาวุธนิวเคลียร์เพื่อนำมาใช้กับขีปนาวุธติดหัวรบ ซึ่งรวมถึง ขีปนาวุธที่สามารถโจมตีแบบข้ามทวีปหรือ ICBM (Inter – Continental Ballistic Missile)

ทางเกาหลีเหนือได้กล่าวอ้างในช่วงไม่กี่วันมานี้ว่า การทดสอบขีปนาวุธเมื่อเดือนที่แล้วแสดงให้เห็นว่า เวลานี้เกาหลีเหนือมีขีปนาวุธที่สามารถโจมตีได้ถึงแผ่นดินใหญ่ของอเมริกาได้แล้ว โดยสื่อของทางการเกาหลีเหนือประกาศเมื่อเดือน ก.ค. ว่า เวลานี้เกาหลีเหนือคือประเทศที่มีอาวุธนิวเคลียร์ในครอบครองอย่างน่าภาคภูมิใจ ด้วยขีปนาวุธแบบ ICBM ที่สามารถโจมตีจุดไหนก็ได้บนโลก

เมื่อต้นปีที่แล้ว สหรัฐฯ ระบุว่ากรุงเปียงยางกำลังประสบปัญหาในการสร้างขีปนาวุธแบบข้ามทวีป แต่ก็เชื่อว่าเกาหลีเหนือจะสามารถพัฒนาเทคโนโลยีทางทหารดังกล่าวได้ในที่สุด

ในวันอังคาร สื่อต่างๆ พากันระบุโดยอ้างรายงานของ DIA ว่า หน่วยงานด้านข่าวกรองของสหรัฐฯ เชื่อว่าเวลานี้เกาหลีเหนือมีหัวรบนิวเคลียร์ในครอบครองราว 60 ลูก แต่ผู้เชี่ยวชาญบางคนเชื่อว่าน่าจะมีน้อยกว่านั้นราวครึ่งหนึ่ง

อย่างไรก็ตาม คุณ Hwang อดีตที่ปรึกษาของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวกับวีโอเอว่า “รัฐบาลสหรัฐฯ ไม่เคยมีแหล่งข่าวกรองที่น่าเชื่อถือและแม่นยำเกี่ยวกับคลังอาวุธของเกาหลีเหนือ มาเป็นเวลาหลายสิบปีแล้ว ดังนั้นข้อมูลต่างๆ ที่ได้มานั้นล้วนเป็นการคาดเดา ซึ่งอาจไม่ถูกต้องหรือไม่เป็นความจริง”

รายงานของ DIA เปิดเผยออกมาในช่วงที่คณะมนตรีความมั่นคงสหประชาชาติ เพิ่งมีมติเป็นเอกฉันทน์ให้เพิ่มมาตรการลงโทษชุดใหม่ต่อเกาหลีเหนือ โดยมุ่งลดรายได้ของเปียงยางลง 1,000 ล้านดอลลาร์ต่อปี ผ่านการควบคุมจำกัดอุตสาหกรรมส่งออกสำคัญของเกาหลีเหนือ ได้แก่ ถ่านหิน แร่เหล็ก ตะกั่ว และอาหารทะเล

ถึงกระนั้น ทูตสหรัฐฯ ประจำสหประชาชาติ Nikki Haley กล่าวกับสถานีโทรทัศน์ NBC ว่า แม้มาตรการลงโทษชุดใหม่ของสหประชาชาติจะไม่สามารถยับยั้งเกาหลีเหนือไม่ให้ก่อปัญหาได้ แต่ก็ถือว่าเป็นการส่งข้อความแสดงจุดยืนที่เข้มแข็งไปยังกรุงเปียงยาง และว่า ปธน.ทรัมป์ ยังคงสั่งให้มีทางเลือกทุกอย่างเตรียมเอาไว้ รวมทั้งการใช้กำลังทหารหากจำเป็น

ทูต Haley กล่าวด้วยว่า “ผู้นำ คิม จอง อึน จะต้องตรึกตรองให้ดีดีว่า หากตัดสินใจโจมตีสหรัฐฯ จะมีโอกาสชนะจริงหรือ?”

(ผู้สื่อข่าว Steve Herman รายงาน / ทรงพจน์ สุภาผล เรียบเรียง)

source ;- http://rferl.c.goolara.net/Click.aspx?id=066994954304110079

แสดงความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.