Posted: 14 Mar 2018 10:15 PM PDT (อ้างอิงจากอีเมล์ข่าว เว็บไซต์ประชาไท)

พระณรงค์ วุฑฺฒิเมธี

อะไรเป็นสิ่งที่น่าห่วงสําหรับคนที่ศึกษามาทางศาสนาอย่างเดียว แล้วกําลังจะขับเคลื่อนศาสนานั้นด้วยการเผยแผ่หรือการปฏิบัติตัวตามหลักการศาสนานั้น

คําว่า ศึกษามาทางศาสนาอย่างเดียว อาจคํากัดความหมายไปที่การศึกษาแต่ทางพระบาลี นักธรรม หรือศึกษามาทางเทววิทยา และทางคัมภีร์อย่างเดียว โดยขาดการบูรณาการศาสตร์ทางสังคมศาสตร์ประเภท สังคมวิทยา รัฐศาสตร์ นิติศาสตร์และสิทธิมนุษยชน

ผลก็คือ ตลอดในช่วงระยะเวลาที่ประเทศไทยตกอยู่ช่วงวิกฤติความขัดแย้งต่างๆ ทั้งที่เกิดในพื้นที่ใจกลางกรุงเทพมหานคร หรือปัญหาสามจังหวัดชายแดนใต้ ปัญหาที่ประชาชนถูกเอารัดเอาเปรียบ เราเห็นท่าทีของนักการศาสนาที่เย็นชาเกินไปหรือไม่ต่อสิ่งที่เกิดขึ้นเหล่านี้ เราวางเฉย และปล่อยให้เป็นเรื่องกรรมเก่า แต่ชีวิตของผู้บริสุทธิ์กลับถูกทําร้ายทําลายอย่างไม่รู้จักหยุดหย่อน จนคําอธิบายว่า "กรรมเก่า ได้คร่าชีวิตของผู้บริสุทธิ์ไปแล้วนับครั้งมิถ้วน"

ยิ่งมีท่าทีเช่นนี้ ปัญหาของมันก็คือยิ่งเราวางเฉย ก็ยิ่งทําให้ปัญหาเกิดขึ้นมากขึ้นนั้นก็เพราะว่านักการศาสนามักไม่มีความตระหนักว่าเราเองเป็นส่วนหนึ่งของสังคม บทบาทและกิจกรรมทางศาสนาไม่สามารถแยกขาดจากพันธะทางสังคมได้ ดั่งทุกศาสดาทุกศาสนายังต้องพูดคุยกับศาสนิกเพื่อทําความเข้าใจท่าทีปฏิบัติต่อโลกผ่านคําสอนต่างๆ

หากเรายังวางเฉยและมีการเรียนศึกษาทางศาสนาอย่างไม่แยแสต่อการศึกษาถึงคุณค่าความเป็นมนุษย์แล้ว ความรุนแรงที่มาจากศาสนาและความรุนแรงที่เกิดขึ้นในพื้นที่ศาสนาจะยังคงปรากฏและไม่สามารถใช้คําว่าเขตอภัยทานได้อย่างแท้จริง

หากสถานการณ์ยังเป็นเช่นนี้ หากยังไม่ปรับวิธีการมองโลกของนักการศาสนา พื้นที่ทางศาสนาจะยังคงปราศจากความปลอดภัย ชีวิตและทรัพย์สิน และเสรีภาพที่จะคิดและพูดอย่างปราศจากความรุนแรงได้

พื้นที่ทางศาสนาจึงกลับกลายเป็นพื้นที่ที่สังเวยชีวิตของมนุษย์ไปอย่างน่ากลัวโดยไม่ต้องบอกกล่าวถึงความรับผิดชอบใดๆ

เราจะยังคงเป็นนักการศาสนาที่มองข้ามปัญหาเชิงโครงสร้าง ปัญหาเชิงวัฒนธรรม ปัญหาจากความรุนแรงทางตรง และนั้นไม่ใช่สิ่งที่สังคมในปัจจุบันต้องการนักการศาสนาเช่นนี้มากนัก

แสดงความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.