Spaceth.co

สุริยุปราคานั้นเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อดวงจันทร์มาอยู่คั่นกลางระหว่างดาวฤกษ์และดาวเคราะห์ ซึ่งนอกจากมันจะเกิดขึ้นได้บนโลกแล้วนั้น บนดาวเคราะห์ดวงอื่นที่มีดวงจันทร์บริวารก็มีเกิดขึ้นได้เช่นเดียวกัน

สำหรับดาวพฤหัส ที่มีดวงจันทร์บริวารมากถึง 79 ดวงนั้น และยังโคจรทำมุมกับระนาบเพียงแค่ 0.3 องศาเท่านั้น (โลกทำมุม 1.6 องศา) ทำให้ปรากฏการณ์สุริยุปราคานั้นเกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้งบนดาวพฤหัส

ดวงจันทร์ไอโอ ซึ่งเป็นหนึ่งในดวงจันทร์กาลิเลียน นั้นโคจรค่อนข้างใกล้กับดาวพฤหัส โดยมันมีขนาดที่ค่อนข้างใกล้เคียงกับดวงจันทร์ของโลก ที่ขนาดประมาณ 3,600 กิโลเมตร

ภาพนี้ถูกถ่ายขึ้นระหว่างที่ยานจูโนของนาซากำลังเฉียดเข้าใกล้กับดาวพฤหัส ที่ระยะห่างเพียง 7,862 กิโลเมตรจากระดับชั้นผิวเมฆ ซึ่งยานจูโนมีวงโคจรที่มีความรีค่อนข้างสูง ทำให้ยานสามารถเข้าไปใกล้กับดาวพฤหัสได้เพื่อเก็บข้อมูล และไม่โดนทำลายไปโดยสนามแม่เหล็กของดาวไปก่อน

อ่านเรื่องราวของกล้อง JunoCam ที่เป็นเบื้องหลังการถ่ายภาพ ๆ นี้ขึ้นได้ที่ https://spaceth.co/juno-cam/

Image data: NASA/JPL-Caltech/SwRI/MSSS
Image processing by Kevin M. Gill, © CC BY 3.0


Atukkit Sawangsuk

ความไม่ฉลาดของประยุทธ์ คือไปพูดถึงทักษิณ เอาตัวเองไปวัดรอยเท้าแม้ว ตอนโดนด่าเรื่องน้ำท่วม ของมันเทียบกันได้ที่ไหน ทักษิณเป็นใคร ประยุทธ์เป็นตัวอะไร

ทักษิณเก่งเรื่องบริหารจัดการ การตัดสินใจ เคยเป็นตำรวจ รู้จุดแข็งจุดอ่อนระบบราชการ แล้วออกมาทำธุรกิจ เป็น CEO เป็นอัศวินคลื่นลูกที่สาม คิดไวทำไว
ทักษิณไม่ใช่คนที่ทั้งชีวิตอยู่ในค่ายทหาร ทำตามคำสั่ง จนไต่เต้ามาออกคำสั่ง โลกกับกะลามันกว้างแคบต่างกันแล้วทักษิณก็ได้อำนาจมาจากการเลือกตั้ง จากการออกนโยบายเอาชนะใจประชาชน ไม่ใช่ใช้ปืนใช้รถถังบังคับคน
ฉะนั้น ไม่ว่าน้ำท่วมอีสาน สึนามิภาคใต้ ทักษิณก็จะไม่ไปชื่นมื่นกับหัวคะแนนภาคเหนือ ไม่เหมือนประยุทธ์ไปโอ๋ไอ้เทือก คนปิดเมืองขัดขวางเลือกตั้งปูทางรัฐประหาร
คำถามคือ ประยุทธ์คิดอะไรอยู่วะ ถึงเอาตัวเองไปเทียบทักษิณ
บังเอิญเหลือเกิน ทำไงก็หนีไม่พ้น นี่ก็เพิ่งบินไปประชุม UN มีวาระสำคัญ เป็นหน้าเป็นตา คือการประชุมระดับสูงว่าด้วยหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ที่ประเทศไทยเป็นตัวตั้งตัวตี เป็นแบบอย่าง ทำสำเร็จมา 17 ปี
ชาวบ้านได้ฟัง หัวร่อกลิ้ง พร้อมขากถุยทั่วหน้า ผลงานทักกี้นี่หว่า ประยุทธ์จะไปพูดยังไง จะมีมารยาทชมรัฐบาลก่อนๆ บ้างไหม หรือตีขลุม ทั้งๆ ที่ 5 ปี คสช.จะล้มบัตรทองอยู่รอมร่อ ดีว่าพลังต้านเข้มแข็ง
เออนะ ไม่ยักไปคุยเรื่องนโยบายแจกเงินเที่ยวหัวละพัน ประสบความสำเร็จ จนเว็บล่ม
ทำไมประยุทธ์ต้องเทียบตัวเองกับทักษิณ ก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่น่าจะมีแรงกดดัน คือคนเริ่มพูดถึงทักษิณมากขึ้นเรื่อยๆ ที่พูดไม่ใช่อยากได้แม้วกลับ เพราะใครก็รู้ว่าเป็นไปไม่ได้ แต่เพราะรัฐบาลมันห่วยไง เศรษฐกิจก็แย่ ดูไปก็ไม่มีฝีมือ
คือ 5 ปีคนเบื่อ คสช.ย่ำแย่ มีเลือกตั้งหวังว่าจะเปลี่ยนอะไรได้บ้าง อ้าว ก็ยังมี 250 ส.ว.ตั้งเองมาโหวตให้เป็นนายกฯ บางคนก็เอาวะยังมีพรรคร่วมรัฐบาล เผื่อนักการเมืองจะช่วยให้อะไรดีขึ้นมั่ง แต่ 2-3 เดือนผ่านไป ไม่เห็นอะไรเป็นมรรคเป็นผล ตู่ก็ยังกร่างเหมือนเดิม ทำอะไรไม่เคยผิด ขึ้นศาลรัฐธรรมนูญตีความได้หมด
อย่าเพิ่งแก้รัฐธรรมนูญ แก้ปากท้องดีกว่า ไม่ควรพูดเรื่องถวายสัตย์ แก้น้ำท่วมก่อน ถุย เป็นไงล่ะ มีแต่คนด่า
คนเกือบทั้งประเทศน่ะรู้ ว่าทักษิณกลับมาไม่ได้หรอก แต่ที่เริ่มหวนไปเปรียบเทียบ เพราะ 13 ปีผ่านไป หลังรัฐประหารยาว 5 ปี กลับมามีเลือกตั้งอีกครั้ง ทุกอย่างก็ยังย่ำแย่ มันก็ทำให้คนคิด เปรียบเทียบ นี่ถ้าทักษิณเป็นนายกฯ เศรษฐกิจคงไปโลด หรืออย่างน้อยก็มีวิธีแก้ดีกว่านี้ ทักษิณก็มีปัญหานะ แต่ถ้าวันนั้นไม่เกิดรัฐประหาร ประเทศคงไม่ตกต่ำดำดิ่งขนาดนี้




#พบเบาะแส! #ดวงจันทร์นอกระบบสุริยะ

ปัจจุบัน นักดาราศาสตร์ตรวจพบ #ดาวเคราะห์นอกระบบสุริยะ แล้วกว่า 4,000 ดวง ความท้าทายต่อไป คือการเก็บข้อมูลให้ละเอียดมากพอจนสามารถยืนยันได้ว่าดาวเคราะห์นอกระบบเหล่านั้นมีดวงจันทร์บริวารอยู่หรือไม่


เมื่อไม่นานมานี้ พวกเขาพบร่องรอยการมีอยู่ของดวงจันทร์ที่โคจรรอบดาวเคราะห์นอกระบบสุริยะ WASP 49-b ซึ่งเป็นดาวเคราะห์แก๊ส ห่างจากโลกเพียง 550 ปีแสง ดวงจันทร์ดวงนี้ ถูกจัดให้อยู่ในประเภทซูเปอร์เอิร์ธร้อน (Hot super-Earth) เนื่องจากพื้นผิวส่วนใหญ่ปกคลุมไปด้วยลาวา และมีการปะทุของภูเขาไฟอย่างต่อเนื่องคล้ายดวงจันทร์ไอโอของดาวพฤหัสบดี

การตรวจจับดวงจันทร์นอกระบบสุริยะโดยตรงทำได้ยากมาก เนื่องจากดวงจันทร์มีขนาดเล็ก นักดาราศาสตร์จึงพยายามแสวงหาวิธีอื่นเพื่อค้นหา เมื่อทศวรรษที่ผ่านมา พวกเขาค้นพบว่าแก๊สโซเดียมและโพแทสเซียมสามารถใช้ระบุลักษณะทางธรณีวิทยาของดวงจันทร์ที่มีการปะทุของภูเขาไฟอยู่เสมอ หรือใช้ระบุว่าดาวเคราะห์ดวงใดมีวงแหวนได้

นักดาราศาสตร์จึงใช้วิธีข้างต้นศึกษาดาวเคราะห์นอกระบบสุริยะ WASP 49-b และพบว่าดาวดวงนี้มีแก๊สโซเดียมมากผิดปกติ แก๊สดังกล่าวอยู่ห่างไกลเกินกว่าจะเป็นแก๊สที่ปลดปล่อยออกมาจากตัวดาวเคราะห์เอง พวกเขาจึงสร้างแบบจำลองการสูญเสียแก๊สโซเดียมและโพแทสเซียมจากดาวพฤหัสบดีกับดวงจันทร์ไอโอ รวมถึงดาวเคราะห์แก๊สนอกระบบสุริยะดวงอื่นอีกมากมาย เพื่อนำมาทำนายการมีอยู่ของดวงจันทร์บริวารของดาวเคราะห์นอกระบบสุริยะ WASP 49-b

เมื่อนำข้อมูลจากแบบจำลองดังกล่าวมาเปรียบเทียบกับข้อมูลที่เก็บได้จากดาวเคราะห์นอกระบบสุริยะ WASP 49-b แล้ว พวกเขาพบว่าข้อมูลทั้งสองมีแนวโน้มไปในทางเดียวกัน จึงเป็นไปได้ว่าดาวเคราะห์ WASP 49-b มีดวงจันทร์บริวารที่คล้าย #ดวงจันทร์ไอโอ โคจรอยู่ แต่ปริมาณแก๊สโซเดียมที่พบมากผิดปกตินี้ อาจเป็นผลจากวงแหวนดาวเคราะห์เมื่อได้รับพลังงานที่มากพอจะเกิดการแตกตัวเป็นไอออนออกมาได้เช่นกัน

แม้ผลการศึกษายังไม่อาจฟันธงได้ว่าดาวเคราะห์นอกระบบสุริยะดังกล่าวมีดวงจันทร์บริวารอยู่หรือไม่ แต่การเก็บข้อมูลให้มากขึ้นในอนาคต เพื่อนำมาปรับปรุงแบบจำลอง จะสามารถยืนยันการมีอยู่ของดวงจันทร์ดังกล่าวได้อย่างแน่นอน การศึกษานี้ถูกเผยแพร่ใน arXiv เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2562 ที่ผ่านมา และจะเผยแพร่ในวารสาร The Astrophysical Journal ต่อไป

เรียบเรียง : ฟ้าประกาย เจียรคุปต์
เจ้าหน้าที่สารสนเทศดาราศาสตร์ สดร.

อ้างอิง :
https://www.livescience.com/volcanic-exomoon-orbiting-giant…

เรียกได้ว่าโลกของเราทุกวันนี้เจอเหตุการณ์แปลกๆอย่างมากมายในแต่ละวัน ไม่ว่าจะเรื่องโรคร้าย หรืออากาศที่เปลี่ยนแปลงอย่างน่าเหลือเชื่อหรือจะเป็นภัยพิบัติต่างๆ จนทำให้คิดว่าโลกเราหรือมนูษย์นั้นจะสุญพันธ์คงไม่ใช่เรื่องเล่นๆอย่างแน่นอน หลายต่อหลายคนคาดการณ์ว่าโลกใกล้แตก ถึงคราวมนุษย์ต้องสูยพันธ์ โลกใกล้กลับไปสู่ยุคเริ่มต้น ซึ่งก็คือยุคน้ำแข็ง, มีข่าวคนกินคน ,เชื้อไวรัสระบาด ผู้คนล้มตาย .. เรื่องราวเหล่านี้อาจจะเป็นไปได้หรือไม่ได้ก็ได้ในอนาคต ก็เหมือน 10 เหตุการณ์ที่อาจทำให้มนุษย์สูญพันธุ์ได้ ส่วนเหตุการณ์ใดจะเป็นไปได้มากสุดก็ลองไปอ่านกันดูเลย
1. โรคระบาด
ในโลกของเรามีโรคน่ากลัวเกิดขึ้นเสมอ ไม่ว่าจะเป็นโรคซาร์ โรควัวบ้า หรือล่าสุดอย่างอีโบล่า ซึ่งไม่แน่ว่าต่อไปในอนาคตอาจจะมีโรคใหม่ที่ร้ายแรงถึงชีวิตและติดต่อได้ง่ายผ่านทางอากาศ หรือถ้าเอาแบบมโนไปไกล คนติดอาจกลายเป็นซอมบี้ ที่คอยไปแพร่เชื้อคนอื่นต่อๆ ไปก็เป็นได้
2. สงคราม
สงครามโลกครั้งถัดไปอาจจะไม่ใช่แค่สงครามนิวเคลียร์ มันอาจรุนแรงกว่านั้นกลายเป็นสงครามเคมี สงครามเชื้อโรค ที่ลุกลามกินขอบเขตพื้นที่ประเทศที่ 3 และลุกลามไปจนทั่วโลก แค่คิดก็สยองแล้ว
3. น้ำท่วมโลก
น้ำท่วมโลกนี้อาจจะเกิดได้หลายสาเหตุ แต่ที่พอมีความเป็นไปได้ก็คือเกิดจากน้ำแข็งขั้วโลกเกิดละลายเนื่องจากสภาวะโลกร้อน และอาจจะเกิดสึนามิจากแผ่นดินไหวที่มีความรุนแรงมากๆ สาเหตุเหล่านี้อาจจะทำให้หลายๆ ประเทศ จมอยู่ใต้บาดาลก็เป็นได้
4. ภูเขาไฟยักษ์ระเบิด
ภูเขาไฟยักษ์ที่ใหญ่ที่สุดคือที่อุทยาน Yellowstone ซึ่งตามสถิติว่ากันว่ามันจะระเบิดในทุกๆ 600,000 ปี ซึ่งปัจจุบันนี้อยู่ในระหว่างช่วงที่มันมีโอกาสจะปะทุอีกรอบ ซึ่งถ้าหากมันปะทุขึ้นมาเมื่อไหร่ อเมริกาจะต้องเผชิญกับแม็กม่า โลกเราจะต้องอยู่ภายใต้ฝุ่นควัน และบรรยากาศหนาวเหน็บ
5. อุกาบาตพุ่งชนโลก
ที่ผ่านมามีข่าวลือเกี่ยวกับอุกาบาตจะพุ่งชนโลกมากมาย โดยที่โด่งดังที่สุดก็คือดาวนิบิรุ หรือ Planet X ดวงดาวลึกลับนอกกาแล็คซี่ขนาดใหญ่ที่อาจโคจรมาชนโลกเรา แต่นั่นก็ยังคงเป็นเรื่องที่ถกเถียงกันอยู่ว่าเป็นเรื่องจริงหรือแค่ตำนาน แล้วถ้าหากมีอุกกาบาตอื่นนอกเหนือจากนี้อีกล่ะ อะไรมันก็ไม่แน่ไม่นอนจริงๆ
6. เปลวสุริยะ
เปลวสุริยะเกิดจากการปะทุของดวงอาทิตย์ทุกๆ 11 ปี ซึ่งปกติมันก็แค่มีผลเกี่ยวกับคลื่นรบกวนธรรมดา แต่ถ้ามีรอบการปะทุของดวงอาทิตย์ที่รุนแรงเพิ่มขึ้นแม้แต่เพียงนิดเดียว อาจระเบิดความร้อนออกมาจนทำลายโลกเราให้พินาศจนหมด เหมือนอย่างในภาพยนตร์เรื่องหนึ่งก็เป็นได้
7. สนามแม่เหล็กโลกกลับขั้ว
เป็นเรื่องฮือฮากันอยู่พักนึงสำหรับข่าวที่ว่าสนามแม่เหล็กโลกเราจะกลับขั้ว ซึ่งปกติแล้วสนามแม่เหล็กโลกนานน๊านทีจะเกิดสลับขั้วขึ้น ซึ่งครั้งสุดท้ายก็คือเมื่อ 780,000 ปีก่อน แต่หากเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นเมื่อไหร่เตรียมตัวหายนะกันได้เลย เพราะสิ่งที่ตามมาก็คือ แผ่นดินไหว น้ำท่วม อุกาบาตจะถูกดึงดูดมายังโลก โลกจะร้อนขึ้น
8. ซุปเปอร์โนวา
คือปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อดาวฤกษ์ขนาดใหญ่เผาผลาญเชื้อเพลิงจนหมดแล้วเกิดระเบิด ทำให้เกิดอนุภาคพลังงานสูงพร้อมทั้งรังสีแกมมาและรังสีเอกซ์มหาศาลกระจายออกไป ถ้ามีซุปเปอร์โนวาอยู่ในระยะ 26 ล้านปีแสงจากโลก จะส่งผลกระทบต่อโอโซนของโลกจะหายไปครึ่งนึง หายนะจะบังเกิดหลังจากนี้ แต่โชคดีที่แถวโลกเรายังไม่มีซุปเปอร์โนวาที่ใกล้ขนาดนั้น เหตุการณ์นี้จึงเกิดขึ้นได้ยาก
9. การทดลองของมนุษย์
มนุษย์เราทดลองเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่ก้าวหน้าขึ้นทุกวัน แต่เราก็ไม่รู้ได้ว่าจะมีวันใดวันนึงที่เทคโนโลยีนั้น หันกลับมาทำร้ายพวกเราเองได้หรือเปล่า อย่างในภาพยนตร์หลายๆ เรื่องก็จะเห็น Super Computer ที่สามารถควบคุมคอมพิวเตอร์ได้ทุกอย่าง รวมไปถึงอาจจะเป็นหุ่นยนต์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอย่างหนังเรื่องคนเหล็กก็เป็นได้
10. มนุษย์ต่างดาวบุกโลก
เราจะรู้ได้อย่างไรว่า นอกจากโลกเราแล้วจะไม่มีสิ่งมีชีวิตอื่นอยู่อีก เรื่องนี้ไม่สามารถมีใครรู้ได้ แต่ถ้าวันดีคืนดี เราอาจจะเจอสิ่งมีชีวิตที่มีอารยธรรมที่สูงกว่าเรา อาจจะอยากได้ดวงดาวของเราด้วยเหตุผลบางอย่าง เมื่อเวลานั้นมาถึง เราคงจะได้รู้คำตอบว่า มนุษย์ต่างดาวมีจริงหรือเปล่า
ขอบคุณข้อมูลจาก หมี เพชรมายา

อ.วรเจตน์ เหตุผลศาลรธน. ไม่รับคำร้องกรณีถวายสัตย์ไม่ครบ

ด้วยความข้องใจว่า การกระทำของรัฐบาล (Act of Government) คืออะไร เลยโทรไปถาม อ.วรเจตน์ ซึ่งเคยพูดคำนี้ตอนคดีปราสาทพระวิหาร
อ.วรเจตน์ก็เลยอธิบายยาวเหยียดพร้อมแสดงความเห็นต่อคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งสรุปได้ว่า ถ้า อ.เป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญก็จะไม่รับวินิจฉัย แต่ไม่เห็นด้วยที่ศาลระบุว่าการเข้าเฝ้าถวายสัตย์เป็น"การกระทำของรัฐบาล"
อ้าว ทำไมไม่รับวินิจฉัย เพราะมาตรา 47 พรบ.วิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญบััญญัติว่า การใช้สิทธิยื่นคำร้องมี 2 องค์ประกอบคือ
1.ต้องเป็นการกระทำที่ละเมิดสิทธิเสรีภาพอันเกิดจากการกระทำของหน่วยงานของรัฐ เจ้าหน้าที่รัฐ หน่วยงานซึ่งใช้อำนาจรัฐ
และ 2.ต้องมิใช่เป็นกรณีอย่างหนึ่งอย่างใดดังต่อไปนี้ ซึ่งมี 6 ข้อ ข้อแรกคือ การกระทำของรัฐบาล
อ.วรเจตน์เห็นว่า ข้อ 1.ก็พอแล้ว ที่จะไม่รับ คือการที่ประยุทธ์กล่าวถวายสัตย์ไม่ครบ ไม่ได้ละเมิดสิทธิเสรีภาพใครในทางกฎหมาย
คือการที่ นศ.ราม บอกว่าเสียสิทธิ ถ้าสมมติรัฐบาลปฏิบัติหน้าที่ไม่ได้ ส่งผลต่อการออกนโยบายต่างๆ ฯลฯ มันไกลตัวเกินไป คล้ายๆ กับที่ยะใสอ้างว่ามีความผูกพันกับปราสาทพระวิหารแล้วไปยื่นศาลปกครองระงับแถลงการณ์ร่วม
การกระทำที่ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ไม่จำเป็นเสมอไป ที่จะต้องมีผลละเมิดสิทธิ
ฉะนั้น คำร้องนี้ตกตั้งแต่แรก โดยไม่ต้องบอกว่าเป็นการกระทำทางรัฐบาล ซึ่ง 1.ไม่จำเป็น 2. อ.วรเจตน์ไม่เห็นด้วย
เพราะถ้าบอกว่าการถวายสัตย์ปฏิญาณของคณะรัฐมนตรี เป็นการกระทำทางการเมือง (political Issue) และอยู่ในความหมายของการกระทำของรัฐบาล (Act of Government) แล้วการถวายสัตย์ของผู้พิพากษาก่อนเข้ารับหน้าที่ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 191 การปฏิญาณตนของ ส.ส. ส.ว. (ต่อในหลวงซึ่งทรงเสด็จไปเปิดประชุมรัฐสภา) ตามมาตรา 115 จะอธิบายอย่างไร
อ.วรเจตน์เห็นว่า ทั้ง 3 กรณี 3 อำนาจ เป็น "แบบพิธีทางกฎหมายรัฐธรรมนูญ" เป็นขั้นตอนที่ต้องปฏิบัติ ถ้าไม่ปฏิบัติจะใช้อำนาจไม่ได้
การกล่าวถวายสัตย์ไม่ครบ เป็นการกระทำที่ไม่สมบูรณ์ ประชาชนเห็นประจักษ์ว่าเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ แต่ขณะเดียวกัน รัฐธรรมนูญก็ไม่ได้กำหนดไว้ ว่าจะมีผลทางกฎหมายอย่างไร จึงกลายเป็นข้อถกเถียงกัน
เพราะถ้าถึงขั้นบอกว่าสิ่งที่รัฐบาลทำโมฆะทั้งหมด ก็เกินไป จะวุ่นวาย แต่ถ้ารัฐบาลทำได้แล้วไม่เป็นไรเลย ก็จะเกิดคำถามว่า ถ้าอย่างนี้ ต่อไปรัฐบาลถวายสัตย์ไม่ครบ ส.ส. ส.ว. ศาล กล่าวถวายสัตย์ไม่ต้องเป๊ะ ขาดหรือเพิ่มก็ได้ใช่หรือไม่ แล้วจะอธิบายอย่างไร
ถามว่าถ้าร้องขัดสิทธิเสรีภาพไม่ได้ งั้นจะส่งศาลรัฐธรรมนูญทางไหน อ.วรเจตน์เห็นว่า ยากเหมือนกัน เพราะต้องเป็นไปตามเงื่อนไขในรัฐธรรมนูญ สมมติเช่น สภามีมติด้วยเสียงข้างมาก ว่าการถวายสัตย์ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ เกิดความขัดแย้งระหว่างองค์กร ส่งศาลวินิจฉัย แต่ในทางปฏิบัติเป็นไปไม่ได้ เพราะรัฐบาลมีเสียงข้างมาก
ฉะนั้น ย้อนกลับไป อ.วรเจตน์จึงเห็นว่าศาลไม่รับเพราะไม่ได้ละเมิดสิทธิเสรีภาพผู้ร้อง ก็จบแล้ว ไม่จำเป็นต้องยกเหตุผลอื่น
ส่วนที่ว่าการกระทำของรัฐบาลคืออะไร มีเกร็ดนิดหน่อย คำนี้นักกฎหมายส่วนใหญ่ใช้ว่า "การกระทำทางรัฐบาล" มีแต่บวรศักดิ์ชอบใช้คำว่า "การกระทำของรัฐบาล" แต่บวรศักดิ์เป็นคนร่างกฎหมาย 😍
การกระทำทางรัฐบาล คือการกระทำทางนโยบายซึ่งไม่สามารถตรวจสอบได้ทางกฎหมาย เช่น การกระทำทางรัฐธรรมนูญระหว่างรัฐบาลกับรัฐสภา ยกตัวอย่างการยุบสภา ไม่ใช่เรื่องถูกผิดทางกฎหมายเป็นเรื่องความเหมาะสมทางการเมือง การกระทำระหว่างประเทศ เช่นเจรจาสนธิสัญญา ตรวจสอบทางกฎหมายไม่ได้เว้นแต่กฎหมายเขียนไว้ เช่นการทำสัญญาผูกพันที่ต้องขอความเห็นชอบรัฐสภา
กรณีแถลงการณ์ร่วมพระวิหาร นั่นแหละการกระทำทางรัฐบาล ที่สัมภาษณ์กันเมื่อ 11 ปีก่อน อ.วรเจตน์ก็เห็นว่าศาลปกครองไม่มีอำนาจรับไว้
เมื่อเห็นว่าการถวายสัตย์ไม่ใช่การกระทำทางรัฐบาลแล้วฝ่ายค้านยังอภิปรายได้ไหม
อ.วรเจตน์เห็นว่าได้สิ เพราะศาลตรวจสอบทางกฎหมาย สภาตรวจสอบทางการเมือง คนละระบบกัน ที่บอกว่าศาลรัฐธรรมนูญผูกพันทุกองค์กร คือทางกฎหมาย ไม่ใช่ทางการเมือง แม้สภาเป็นองค์กรตามรัฐธรรมนูญ ศาลรัฐธรรมนูญก็ไม่มีอำนาจห้ามองค์กรทางการเมืองตรวจสอบโดยเกณฑ์ทางการเมือง
ยกตัวอย่างรัฐบาลออก พรก.ชะลอการบังคับใช้ พรบ.ครอบครัว ที่สภาส่งศาลตีความ ถ้าศาลเห็นว่าไม่ขัดรัฐธรรมนูญ ก็จะส่งกลับมาที่สภา ซึ่งสภาก็มีอำนาจตีตก ถ้าเสียงข้างมากโหวตไม่รับ เพราะสภาใช้อำนาจทางการเมืองพิจารณาความเหมาะสมทางการเมือง มีสิทธิจะเห็นว่าไม่ใช่เรื่องจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องออก พรก.แม้ศาลเห็นว่าจำเป็นเร่งด่วน
นอกจากนั้น บุคคลมีหน้าที่พิทักษ์รัฐธรรมนูญ เมื่อเห็นประจักษ์ว่ารัฐบาลถวายสัตย์ไม่ครบตามรัฐธรรมนูญ ส.ส.ก็มีสิทธิที่จะถามเหตุผลว่าทำไมไม่ครบ
บอกก่อนนะ นี่ไม่ได้ถอดเทปคำต่อคำ ผมฟังแล้วสรุปเอง ฉะนั้นถ้ามีหมายศาลไม่เกี่ยวกับ อ.วรเจตน์ 😵
ป.ล.เดี๋ยวคงสัมภาษณ์ อ.วรเจตน์โดยละเอียดอีกที แต่นี่บริ๊ฟสั้นๆ






Atukkit Sawangsuk

ถ้าไม่ยอมรับเรื่องทักษิณ ก็ไม่ต้องแก้มันหรอกครับ รัฐธรรมนูญ

เพราะรัฐธรรมนูญ 50 60 มันร่างมาเพื่อกำจัดทักษิณ อย่างที่เรียกกันว่า เผาบ้านไล่หนู ทำลายประชาธิปไตยเพื่อไล่แม้ว ทำลายนิติรัฐ หลักความยุติธรรม เพื่อเอาผิดคนตระกูลเดียว

อันที่จริง ถึงวันนี้ ทักษิณอาจชินชาไม่เดือดเนื้อร้อนใจอะไรแล้วกับคดีความ ถ้าทำใจเสียว่ายังไงก็ไม่ได้กลับบ้าน อยู่ดูไบสบายๆ บินไปไหนก็ได้ทั่วโลก

แถมสถานการณ์ต่อไป ทักษิณก็ไม่ได้เป็นเป้า ธนาธรสิ เป็นเป้ามากกว่า

แต่ประเด็นสำคัญคือ ความไม่เป็นประชาธิปไตย ความไม่ยุติธรรม ที่ใช้ทำลายทักษิณ มันไม่ใช่เรื่องของทักษิณคนเดียว

ความไม่เป็นประชาธิปไตย แบบกลัวทักษิณชนะ จนเขียนรัฐธรรมนูญมาให้เป็นรัฐบาลผสม รัฐบาลอ่อนแอ ให้ตู่ตั้ง 250 ส.ว.โหวตตัวเอง ให้มีกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ คุมประเทศไปอีก 20 ปี ฯลฯ

นี่มันเรื่องที่เกลียดกลัวทักษิณ จนทำกับประเทศ ทำกับประชาชน แล้วจะไม่ให้รื้อฟื้นเรื่องทักษิณได้อย่างไร

ความไม่ยุติธรรมที่ทำกับทักษิณ ก็เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ที่ทำกับมวลชนเสื้อแดง ผู้รักประชาธิปไตย ใครรักประชาธิปไตยเป็นพวกทักษิณ ถูกดำเนินคดีอย่างไม่เป็นธรรม ตั้งแต่ปี 50,53,57 มาจนถึงคนอยากเลือกตั้้ง

คดีความทั้งหมดที่เอาผิดประชาชนอย่างไม่ยุติธรรม มันต้องรื้อฟื้นกันใหม่ "ลบล้างผลพวงรัฐประหารตุลาการภิวัตน์" ทั้งทักษิณทั้งประชาชน แยกจากกันไม่ได้

ที่เลวร้ายไปกว่านั้น ต้องตระหนักว่า การมุ่งเอาผิดทักษิณ มุ่งสกัดกั้นทักษิณ ทำให้เกิดการสถาปนา "รัฐตุลาการเป็นใหญ่" เป็นคู่แฝดมหาภัย กับรัฐทหาร ใช้อำนาจชี้ขาดการเมือง ชี้ถูกชี้ผิดบิดเบือนความยุติธรรม อยู่เหนือประชาธิปไตย แล้วยังเป็นเทวดาที่วิพากษ์วิจารณ์ไมได้ แตะต้องไม่ได้

ก็ถูกละ ที่ว่าถ้าแก้รัฐธรรมนูญเอาเรื่องทักษิณมาเกี่ยว จะโดนต้าน แต่ถ้าไม่พูดเรื่องทักษิณ ไม่ลบล้างผลพวง แล้วจะแก้รัฐธรรมนูญไปทำไม ก็กลายเป็น่ลูบหน้าปะจมูก เป็นเครื่องมือกลบเกลื่อน ก้าวข้ามอดีต ก้าวข้ามความไม่ยุติธรรม ความเลวร้ายของรัฐประหารตุลาการภิัวัตน์ แล้วบอกว่ามาเริ่มต้นกันใหม่ มองไปข้างหน้าดีกว่า บลาๆๆ สุดท้ายก็เป็นประชาธิปไตยจอมปลอมอยู่ดี










908Y-


สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ Fan Page
·

#ทำไม เราถึงเรียงวันในสัปดาห์เป็นวันอาทิตย์ จันทร์ อังคาร พุธ พฤหัสบดี ศุกร์ และเสาร์ ?


> ชื่อวันในสัปดาห์ถูกเรียงตั้งแต่ยุคสุเมเรียน ด้วยการนับชั่วโมงบนลำดับของดาวเคราะห์ ตามระบบโลกเป็นศูนย์กลางของจักรวาล แล้วให้ชื่อดาวเคราะห์ประจำชั่วโมงที่ 1 ของแต่ละวันเป็นชื่อของวันนั้นๆ

การเรียงวันในสัปดาห์มีที่มาอย่างไร?

มีบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษรว่า มนุษย์ใช้ระบบ 1 สัปดาห์มี 7 วัน มาตั้งแต่สมัยสุเมเรียนและบาบิโลน หรือเมื่อประมาณ 2,350 ปีก่อนคริสตศักราช

ในอดีต มนุษย์เชื่อว่า “โลกเป็นศูนย์กลางของจักรวาล” ตามระบบของ ทอเลมี ดาวเคราะห์ที่เป็นบริวารของโลกมีทั้งหมด 7 ดวง ได้แก่ ดาวพุธ ดาวศุกร์ ดาวอังคาร ดาวพฤหัสบดี ดาวเสาร์ ดวงจันทร์และดวงอาทิตย์ เคลื่อนที่ผ่านกลุ่มดาวจักรราศี ดาวเคราะห์ถูกเรียงโดยใช้อัตราการโคจรรอบโลกเป็นตัววัด เรียงได้เป็น ดาวเสาร์ (มีคาบการโคจรประมาณ 30 ปี) อยู่ไกลที่สุด ต่อมาเป็นดาวพฤหัสบดี (มีคาบการโคจรประมาณ 12 ปี) ดาวอังคาร (มีคาบการโคจรประมาณ 1.5 ปี) ดวงอาทิตย์ (มีคาบการโคจรประมาณ 1 ปี) ดาวศุกร์ (มีคาบการโคจรประมาณ 243 วัน) ดาวพุธ (มีคาบการโคจรประมาณ 88 วัน) และดวงจันทร์ (มีคาบการโคจรประมาณ 27.5 วัน) อยู่ใกล้โลกมากที่สุด

1 วัน ถูกนิยามว่าเป็น ระยะเวลาที่ดวงอาทิตย์ขึ้นครั้งหนึ่งไปจนดวงอาทิตย์ขึ้นอีกครั้งหนึ่ง แบ่งออกเป็น 24 ส่วน (24 ชั่วโมง) คือ กลางวัน 12 ส่วน และกลางคืน 12 ส่วน

แล้วมีวิธีการเรียงชื่อวันอย่างไร?

[ดูภาพตารางในคอมเมนท์ประกอบ]

1. เรียงดาวบริวารทั้ง 7 ดวง จากดวงที่มีคาบการโคจรมากที่สุดมาน้อยที่สุด

2. นับ 1 - 24 ไปตามดาวเคราะห์ที่เรียงไว้ คือ เริ่มนับ 1 ดาวเสาร์ 2 ดาวพฤหัสบดี 3 ดาวอังคาร ไปเรื่อย ๆ เมื่อนับถึง 7 ดวงจันทร์ให้วนกลับมานับ 8 ดาวเสาร์ใหม่ ต่อไปเรื่อย ๆ

3. เมื่อนับครบ 24 แล้วให้กลับมาเริ่มนับ 1 ใหม่ (นับ 1 ใหม่ = เริ่มวันใหม่) นับวนไปเรื่อยๆจนกว่าจะนับ 1 ที่ดาวเสาร์อีกครั้ง

4. เรียงชื่อวันในสัปดาห์ใหม่อีกครั้งตามลำดับเลข 1 จะเรียงได้เป็น วันเสาร์ วันอาทิตย์ วันจันทร์ วันอังคาร วันพุธ วันพฤหัสบดี วันศุกร์

แล้วทำไมการเรียงลำดับวันจึงเริ่มต้นสัปดาห์ที่วันอาทิตย์?

ตามวิธีการเรียงชื่อของวันควรจะเริ่มต้นสัปดาห์ด้วยวันเสาร์ แต่ปัจจุบัน กลับเริ่มที่วันอาทิตย์ เนื่องจากดวงอาทิตย์เป็นดาวดวงสำคัญที่สุดและมีขนาดใหญ่ที่สุด ถือเป็นวันศักดิ์สิทธิ์และมีการประกอบพิธีกรรมตามศาสนาโบราณด้วย แต่หลายประเทศในยุโรป อเมริกาใต้ และบางส่วนของเอเชียถือว่าวันจันทร์เป็นวันแรกของสัปดาห์ ตามข้อตกลงวันและเวลานานาชาติมาตรฐานสากล (ISO 8601: 1988) ที่กำหนดให้วันจันทร์เป็นวันแรกของสัปดาห์และวันอาทิตย์เป็นวันสุดท้ายของสัปดาห์

เรียบเรียง : พัชริดา ยั่งยืนเจริญสุข - เจ้าหน้าที่สารสนเทศดาราศาสตร์ สดร.

อ้างอิง : หนังสือดาราศาสตร์พื้นบ้านไทย โดย วรพล ไม้สน
https://www.seiyaku.com/customs/days-months-seasons.html…





Atukkit Sawangsuk

ตู่ถวายสัตย์ไม่ครบ คนไทย 60 กว่าล้านเห็นกันเต็มสองตาได้ยินเต็มสองหู ว่าไม่ครบจริงๆ ยังรอดได้ แล้วจะเอาอะไรกับธรรมนัส

อันนี้เขียนไว้ก่อนแล้วละ แต่ก็เห็นท่าทาง แถเหมือนกันมาตั้งแต่ต้น
ซิดนีย์มอร์นิงเฮอรัลด์ เอาข้อมูลมาจากคำพิพากษา ยืนยันว่าธรรมนัสติดคุกในฐานะตัวการ ไม่ใช่กันไว้เป็นพยาน ยืนยันว่าติดคุก 4 ปี ไม่ใช่ 8 เดือน
ยังมาท้าชก หาว่าอีแอบ หาว่าคนไทยเขียนส่งให้ (เสรีพิศุทธิ์ก็พิลึก มาอวดว่าเป็นผลงานซะอีก)
เรื่องแค่นี้เป็น fact ที่พิสูจน์กันได้ง่ายๆ มงคลกิตต์ยังคิดออก ให้กระทรวงต่างประเทศขอคำพิพากษาจากออสเตรเลีย ขออย่างเป็นทางการ เอามาแปลไทย เผยแพร่ให้รู้ทั่วกัน
กลับยังเถียงอยู่ได้ ทั้งที่ตัวเองไม่มีเอกสารหลักฐานอะไรเลย วิษณุก็ยกคำพระ บริสุทธิ์หรือไม่ ต้องรู้ด้วยตัวเอง บุคคลอื่นหารู้แทนไม่
อะไรของแม่-วะ รัฐบาลสิ มีหน้าที่พิสูจน์ ประยุทธ์ต้องรับผิดชอบ ในการแต่งตั้งธรรมนัส เมื่อสังคมกังขา รัฐบาลก็ต้องขอคำพิพากษามายืนยัน
นี่คือทำท่าจะปัดให้เป็นเรื่องการเมือง แล้วก็ทำเฉย โยนให้ฝ่ายค้านไปหาหลักฐานมา
หรืออ้างว่าเรื่องอยู่ในระหว่างกระบวนการยุติธรรม (คือไปฟ้อง ปอท.ว่าซิดนีย์มอร์นิงเฮอรัลด์ผิด พรบ.คอมพ์)
แล้วเดี๋ยวธนกร เอ๋ ปารีณา ฯลฯ ก็คงจะช่วยกันแถ สื่อฝรั่งโกหก สื่อฝรั่งร้บจ้าง แผนทำลายล้างทางการเมือง (โดยสื่อไทยก็จะช่วยกันแก้ต่างข้างถูเป็นขบวน)
มันก็มาอีหรอบเดียวกัน กับถวายสัตย์ฯไม่ครบ รัฐธรรมนูญเขียนโต้งๆ ออกโทรทัศน์ให้เห็นให้ฟังทั้งประเทศ
ไม่ต้องศาลไหนตัดสินหรอก คนทั้งประเทศตัดสินได้ว่าไม่ครบ แล้วก็งง ไม่เข้าใจ ทำไมไม่ครบ กลับไม่ตอบ ไม่ชี้แจง ไม่แสดงความรับผิดชอบต่อประชาชน
ซึ่งนี่มันเป็นคนละเรื่องกับการยื่นศาล การยื่นศาลคือถามในทางกฎหมายว่า ไม่ครบแล้วจะมีผลอย่างไร ถือว่าสมบูรณ์หรือไม่ ปฏิบัติหน้าที่ได้หรือไม่
แต่ปากกาไม่ได้อยู่ที่ประชาชน เมื่อศาลบอกไม่มีอำนาจ ไม่มีใครมีอำนาจ คำถามทางกฎหมายก็จะลอยอยู่อย่างนั้น
แต่คำถามของประชาชนไม่เกี่ยวกัน คำถามของประชาชนคือ บอกหน่อยสิ มาตรา 161 มีแค่ 3 บรรทัด ทุกรัฐบาลเขาอ่านครบ นี่ทำไมอ่านไม่ครบ ง่ายๆแค่นี้เองที่ต้องรับผิดชอบต่อประชาชนผ่านสภา
ถ้าจะไม่ตอบ ถ้าจะล้มอภิปราย ก็คือการบอกว่า รัฐบาลนี้ไม่ต้องรับผิดชอบต่อประชาชน
ฉะนั้นทำอะไรผิด ไม่เหมาะไม่ควร ขัดธรรมาภิบาล จริยธรรม ก็ไม่ต้องรับผิดชอบต่อประชาชน อย่างธรรมนัส ชี้แจงแล้วฟังไม่ขึ้น ก็ไม่ต้องลาออก
มีคนเทียบณรงค์ วงศ์วรรณ แค่ถูกกล่าวหายังเป็นนายกฯไม่ได้
ปัดโธ่ นั่นมันยุคไหนแล้ว ยุคนี้ไม่ใช่ปี 35 รัฐประหารยังสืบทอดอำนาจได้อย่างหนาๆ

ขับเคลื่อนโดย Blogger.