Atukkit Sawangsuk

รู้สึกทู่เรศที่เห็นยะใสออกมาเรียกร้องให้ปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม เห็นนวยนิ่มออกมาด่าในฐานะกรรมการปฏิรูปประเทศ เห็นองค์กรต้านโกงดิ้นพล่าน

วิธีคิดต้านโกงของคนพวกนี้ คือเอากระบวนการยุติธรรมออกไปจากนักการเมือง ออกไปเป็นอิสระ อิสระกระทั่งไม่ยึดโยงประชาชน ไม่เห็นหัวประชาชน ยกตนเป็นเทวดา ไม่ว่าศาลองค์กรอิสระ
กินเงินภาษีประชาชน แต่ประชาชนไม่สามารถตรวจสอบได้ ไม่มีอำนาจแต่งตั้งถอดถอน เอาผิด หรือกระทั่งวิจารณ์ไม่ได้ ศาลวิจารณ์ไม่ได้ กกต.วิจารณ์แล้วฟ้องเอาผิด
วิธีคิดแยกกระบวนการยุติธรรมเป็นอิสระ ที่ผิดเพี้ยนที่สุด คือแยกอัยการเป็นอิสระ ในรัฐธรรมนูญ 2550 ต่อเนื่องมาถึง 2560 (แต่พอรัฐประหารเด้งอัยการสูงสุดได้)
ว่าโดยหลักการ อัยการต้องมีอิสระในการสั่งคดี อำนาจการเมืองแทรกแซงสั่งการไม่ได้ แต่โดยระบบ อัยการก็ต้องเกาะเกี่ยวอยู่กับอำนาจบริหาร เพราะอัยการเป็นทนายของรัฐ ทำหน้าที่ฟ้องคดีอาญาแทนรัฐบาล ซึ่งต้องรับผิดชอบความสงบเรียบร้อยความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สินประชาชน
อัยการต้องรับผิดชอบต่อรัฐบาล แล้วรัฐบาล(ที่มาจากเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย)รับผิดชอบต่อประชาชนอีกที
ไม่ใช่อัยการไม่ต้องรับผิดชอบต่อใคร ทำงานไม่มีประสิทธิภาพ ฉ้อฉล สำนวนอ่อน ฟ้องโจรผู้ร้ายฆาตกรหลุดเพียบ ประชาชนหวาดผวา แล้วรัฐบาลก็แบะๆ เราทำอะไรอัยการไม่ได้ ไม่อยู่ใต้อำนาจรัฐบาลที่ประชาชนเลือกมา ทั้งที่เป็นอำนาจบริหาร เป็น "ทนายแผ่นดิน" จะอยู่ใต้อำนาจต่อเมื่อมารับเบี้ยประชุมแพงๆ เป็นบอร์ดรัฐวิสาหกิจ
อันนี้ไม่ใช่ไม่ยอมรับหลักวินิจฉัยอิสระ แต่จะต้องมีความยึดโยงที่ประชาชนให้คุณให้โทษได้ และโดยหลักการแบ่งแยกอำนาจก็ต้องอยู่ใต้ฝ่ายบริหาร ไม่ใช่ศาลซึ่งแยกไปเป็นอำนาจตุลาการ (กระนั้นก็ควรยึดโยงอำนาจประชาชนเหมือนกัน)
โครงสร้างแต่เดิมมา อัยการก็มีอิสระระดับหนึ่ง จากกรมอัยการสังกัดมหาดไทย แยกมาเป็นสำนักงานอัยการสูงสุด มี ก.อ.แต่งตั้งโยกย้าย เพียงยังเกาะเกี่ยวอยู่ใต้นายกฯ แล้วช่วงหนึ่งก็มาเกาะเกี่ยวกับกระทรวงยุติธรรม
ปัญหาของคำว่าอิสระ ยังมีอีกข้อ คือไม่ใช่คิดแต่อิสระจากนักการเมือง แต่นายสั่งได้ ระบบภายในสำนักงานกลายเป็นเจ้าขุนมูลนาย ผู้น้อยผู้ใหญ่ ถ้าอย่างนั้นอิสระก็ไม่มีความหมายอะไร (เหมือนอิสระของผู้พิพากษาคุณากร)
คนชั้นกลางเกลียดนักการเมือง รัฐธรรมนูญ 2540 จึงงอกองค์กรอิสระ คิดว่าจะมีเทวดาเปาบุ้นจิ้นลอยจากฟากฟ้าบริสุทธิ์ผุดผ่อง
ที่ไหนได้ กลายเป็นข้าราชการแก่ๆ ผู้พิพากษาแก่ๆ มีอคติต่อประชาธิปไตย มีคอนเนคชั่นในแวดวงขุนนาง
พอเกลียดกลัวทักษิณเห็นว่าจะแทรกแซงองค์กรอิสระได้ ก็ไม่ให้ยึดโยงอำนาจเลือกตั้ง แล้วบ้าอิสระ รธน.50 ก็มาแยกอัยการเป็นอิสระ ซึ่งไม่ได้เพิ่มประสิทธิภาพตรงไหนเลย อัยการเอาแต่เรียกร้องให้ตัวเองได้ทุกอย่างใกล้เคียงผู้พิพากษา ได้เงินเดือนเงินประจำตำแหน่งค่ารถประจำตำแหน่งและได้เข้าเฝ้าถวายสัตย์ก่อนรับตำแหน่งเหมือนผู้พิพากษา



Atukkit Sawangsuk

คดีบอสเป็นเรื่องของระบอบ ไม่ใช่แค่ตำรวจอัยการ 2-3 คนอุ้มคนรวยพ้นคดี
:
เงินทองใช้ภูตผีโม่แป้งได้ แต่ไม่เคยเย้ยสังคมได้ถึงขั้นนี้ อย่างเก่งก็เล่นกลชั้นตำรวจ ชั้นพนักงานสอบสวน แต่ครั้งนี้ เตะถ่วงทั้งตำรวจ ข้ามไปถึงอัยการ ใช้กรรมาธิการ สนช. ที่มาจากรัฐประหาร มีน้องชายพี่ใหญ่เป็นประธาน มีตำรวจคับคั่ง มี 3 ผบ.ตร. มีอดีตอัยการสูงสุดด้วย
:
มันแสดงว่าอำนาจที่เป็นปึกแผ่น สามารถใช้บิดเบือนกระบวนการยุติธรรม
ซึ่งใครจะด่าว่าอย่างไรก็ตาม ระบอบนักการเมืองไม่สามารถทำได้ถึงขั้นนี้
:
กระทั่ง ปปช.ชี้มูลความผิดตำรวจ 7 นายที่ไม่สั่งฟ้องเมาขับ ไม่ตั้งข้อหาเสพยา ก็บอกว่าผิดวินัยไม่ร้ายแรง พนักงานสอบสวนเจ้าของสำนวนโดนกักยามแค่ 3 วัน
นี่ถ้ามีการร้อง 7 ตำรวจพร้อมกับเอาผิดยิ่งลักษณ์ฐาน "ปล่อยปละละเลย"
ไอ้ 7 คนนี่โดนไล่ออกแหง
:
กระบวนการยุติธรรมมันพังหมดแล้ว เพราะใช้เล่นงานฝ่ายตรงข้าม ใช้เล่นงานคนเห็นต่างทางการเมือง ใช้ตำรวจยัดข้อหาเกินกว่าเหตุได้ หรือตั้งข้อหาอ่อนกว่าที่ควรจะเป็นได้ อัยการบอกว่าเป็นอิสระ แต่ คสช.ย้ายอัยการสูงสุดได้ ม.44 เด้งอัยการได้
:
ภายใต้ระบอบอำนาจเบ็ดเสร็จ กระบวนการยุติธรรมสั่งได้ อภิสิทธิ์ชนสวมรอยขอใช้บ้าง จะเป็นไรไป
นี่จึงไม่ใช่เรื่องของคนไม่กี่คน ไม่ใช่เรื่องที่ประยุทธ์จะลอยตัว ตั้งวิชา มหาคุณ มาสอบเอาผิด เพื่อฟอกตัวเอง


ขอเขียนแชร์ความคิดเห็นส่วนตัว:

.

.

1. บุคคลที่กล่าวว่า นักเรียนนิสิตนักศึกษา ไม่ได้เสียภาษีให้กับรัฐ จะมาเรียกร้องอะไร เพราะตนเองมีหน้าที่เรียนหนังสืออย่างเดียว  

.

.

คนที่คิดแบบนี้คงจะไม่ทราบว่า บุคคลเหล่านี้แหละ (รวมทั้งลูกหลานของพวกเขา/พวกเธออีกหลายรุ่นที่จะต้องเป็นผู้รับผิดชอบกับการจ่ายดอกเบี้ย ภาษี เงินกู้ยืมของรัฐบาลในปัจจุบัน รวมทั้งส่งบำเหน็จบำนาญให้กับบุคคลที่รับราชการและเกษียณอายุไปในเวลานี้ ซึ่งอาจจะเป็นเวลาหลายสิบปีสำหรับชีวิตรุ่นของเขา/ของเธอ  

.

ภาษีอากรที่ใช้จ่ายไป มันคุ้มค่าสำหรับใครบ้าง และแทนที่จะจ่ายอย่างนั้น มาจ่ายเป็นแบบนี้แทนจะดีกว่าหรือไม่  คำถามแบบนี้ มีให้เห็นอยู่ทั่วไป 

.

อย่างไรก็ตาม คนที่มีอำนาจกู้ยืม ก็ยังได้รับบำเหน็จบำนาญอย่างปกติตลอดจนชั่วชีวิตของตนเองู่

.

.

2. เมื่อระบบที่แฟร์ในการสร้างโอกาสการหางานจากฝีไม้ลายมือของพวกเขา/พวกเธอเองถูกลดลงจากการใช้เส้นสาย และการช่วยเหลือพวกพ้อง นิสิตนักศึกษาที่สำเร็จการศึกษาจะเผชิญกับสถานการณ์การว่างงานนับแสนคน ซึ่งเปรียบเสมือนกับการปิดประตูสำหรับชีวิตการทำงานและสร้างชีวิตในอนาคตอีกหลายสิบปีข้างหน้า  

.

เพราะฉะนั้น มันไม่มีอะไรสูญเสียอีกแล้วสำหรับการเรียกร้องโดยใช้เสียงและสิทธิ์ของตนเองเป็นเดิมพันในเวลานี้

.

.

-------------------------------------------------------

.

.

3. นิสิตนักศึกษาส่วนใหญ่ เติบโตขึ้นมาจากโลกอินเตอร์เนท โลกออนไลน์ รวมไปถึงการค้นคว้าข้อมูลที่เข้ามานับร้อยชิ้นต่อวัน ทำให้นักศึกษาเหล่านี้ ได้รับฟังข้อมูลหลายด้าน บวกกับการเห็นการปฏิบัติตัวของ "ผู้มีอำนาจและการกระทำหลายมาตรฐานในเรื่องคล้ายคลึงกัน แต่ผลออกมาแตกต่างกันแทบทั้งสิ้น

.

เมื่อเห็นการกระทำแบบนี้กันอยู่ทุกๆ วัน ก็ทราบกันดีว่า ชีวิตในอนาคตจะต้องตัดสินใจอย่างไร เพื่อตนเองสามารถมีที่ยืนอยู่ในสังคมได้

.

เพราะฉะนั้น ระบบ “ท่องจำ” “ยัดเยียดความคิด” มันไม่สามารถประสบความสำเร็จได้เนื่องจากเด็กๆ รุ่นใหม่ ตั้งคำถามง่ายๆ ว่า “ทำไม” หรือ “เพราะอะไร” อยู่เสมอ เพื่อหาเหตุผลจากเรื่องนั้นๆ  ต้องลองถามตนเองว่า ความคิดความอ่านของกลุ่ม Baby Boomers ที่พยายามนำเข้ามาปฏิบัตินั้น มันประสบความสำเร็จมากน้อยแค่ไหน

.

.

4. นักเรียน นิสิต นักศึกษารุ่นนี้ทราบดีว่า สิ่งที่ตนเองเรียกร้องจริงๆ คือ ความยุติธรรมในสังคม ข้อเรียกร้องที่เกิดขึ้น มันมีเรื่องใหญ่อยู่เรื่องเดียวคือ ความยุติธรรมที่แสวงหากันอยู่ เพราะจากที่เห็นจากการปฏิบัติและมาตรฐานต่างๆ แล้ว มันมีความแตกต่างกันซึ่งขึ้นอยู่ว่า บุคคลนั้นเป็นใคร  มันไม่ใช่แบบ Justice is blind อย่างที่สอนๆ กันมาในชั้นเรียนกันเลย

.

นิสิตนักศึกษาเหล่านี้ ทราบดีถึง "ความยุติธรรมว่าอะไรเป็นอะไร ไม่ใช่คิดแต่ว่า ฝ่ายผู้ใหญ่” เองอาบน้ำร้อนมาก่อน จะต้องรู้ดีกว่าทุกอย่าง  หากรู้ดีกว่าและเกิดมาก่อนเด็กๆ ทำไมถึงปล่อยให้เวลาผ่านไปโดยไม่พัฒนาประเทศให้กลายเป็น "เสืออีกตัวหนึ่งของเอเชียกัน

.

ยิ่งไปกล่าวหาว่า เด็กๆ นักศึกษาเหล่านี้ "ถูกจ้างมาโดยใช้วาทะกรรมแบบเดิมๆ มันยิ่งเป็นการพิสูจน์ให้เห็นถึง "การกล่าวร้ายป้ายสีอย่างที่พวกเขา/พวกเธอได้ยินกันมาให้ประสบโดยตาตนเองได้

.

สิ่่งที่เด็กๆ นักศึกษาเห็นกันตอนนี้ ตัวอย่างคือ การอนุญาตให้ใช้สถานที่ทำกิจกรรมซึ่งผู้มีอำนาจเอง เคยยินยอมมาก่อนกับพวกพ้อง แต่ไม่สามารถใช้ได้ในเวลานี้ หรือแม้แต่มีการใช้อำนาจของ "การเป็นครูเข้ามาข่มขู่ นักศึกษา ผู้ปกครอง รวมทั้ง "ตัดคะแนนความประพฤติอะไรแบบนั้น ก็เป็นเรื่องที่ "ขัดกับการใช้สิทธิเสรีภาพตามที่รัฐธรรมนูญระบุไว้  จะอ้างว่า มี พรก ฉุกเฉิน แต่กลุ่มที่สนับสนุนรัฐบาลก็สามารถกระทำได้โดยสะดวก  เด็กๆ เหล่านี้ ถึงเห็นการปฏิบัติหลายมาตรฐานโดยตนเอง

.

สงสัยเหมือนกันว่า การที่ครูอาจารย์เอา "คะแนนมาใช้ข่มขู่กันแบบนี้ มันต่างกับ"โจรเรียกค่าไถ่หรือเปล่า รวมทั้งต้องมีการลงนามสัญญาเพื่อความเข้าใจซึ่งกันและกัน (Memorandum of Understanding หรือ MOU)  เพื่อที่จะ "กวาดซุกปัญหาให้ไปอยู่ใต้พรมต่อหรืออย่างไรก็ไม่ทราบ ถ้าลงนามแล้ว ก็ถือว่า "ปล่อยตัวไปได้...

.

.

-------------------------------------------------------

.

.

ถ้ากล่าวจริงๆ สิ่งที่เรียกร้องนี้ ก็คือ What is in it for me? อนาคตเขาจะเป็นอย่างไรจากการกระทำและการปฏิบัติของผู้มีอำนาจในปัจจุบัน เมื่อพวกเขาและพวกเธอเกิดความหวั่นใจ การเรียกร้องเหล่านี้ จึงเกิดขึ้นอย่างที่เห็นๆ กัน 

.

และท่านก็คงทราบกันดีว่า วิธีการปลุกระดมอย่างที่เคยเกิดขึ้นมาก่อนนั้น มันจะไม่เหมือนกับสมัยก่อนๆ แล้ว เพราะทุกๆ คน ต้องการมีโอกาสที่ดีสำหรับชีวิตเพื่ออนาคตของตนเอง

.

.

ขอตัวไปพักฟื้นต่อ Have a great and pleasant day. Stay safe ค่ะ

.

.

Doungchampa Spencer-Isenberg

[full-post]




ชาว "แฮมสเตอร์" วิ่งฉลุย ด้านบก.ลายจุดเลี้ยงแมคโดนัลด์คนต่อคิวคึกคัก

วันที่ 26 กรกฎาคม 2563 มีกำหนดจัดกิจกรรมที่แยกราชดำเนินในเวลาไล่เลี่ยกัน 3 กิจกรรม กิจกรรมแรกในเวลา 16.00 น. สมบัติ บุญงามอนงค์หรือ บก. ลายจุด นัดเลี้ยงแมคโดนัลด์ในกิจกรรม #กรูไม่ทนกรูหิว ที่ร้านแมคโดนัลด์ สาขาราชดำเนิน จากนั้นในเวลา 16.30 น. กลุ่มเยาวชนที่ใช้ทวิตเตอร์รวมตัวกันเฉพาะกิจจัดกิจกรรม "วิ่งกันนะแฮมทาโร่" วิ่งรอบอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ก่อนที่กลุ่ม นวชีวิน ที่มีสมาชิกบางส่วนปักหลักค้างคืนอดอาหารบริเวณถนนลูกหลวง คลองผดุงกรุงเกษม จัดกิจกรรมปราศรัยผ้าเบรกครม. โดยกิจกรรมทั้งสามผ่านไปด้วยดีตามลำดับเหตุการณ์ดังนี้ 

15.30 น. ผู้สังเกตการณ์ไอลอว์เดินทางไปถึงที่หน้าร้านแมคโดนัลด์ ถนนราชดำเนิน พบว่าทางตำรวจนำแผงเหล็กมากั้นระว่างขอบทางเท้ากับผิวจราจรแล้วเพื่อป้องกันไม่ใช้ผู้มาร่วมกิจกรรมลงบนผิวจราจร ขณะที่บนอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยก็มีการกั้นรั้วติดข้อความ “ห้ามเข้าก่อนได้รับอนุญาต อยู่ระหว่างปรับปรุง” และมีเจ้าหน้าที่ตำรวจในเครื่องแบบยืนรักษาการอยู่ในรั้ว นอกจากนั้นก็พบว่า บริเวณหน้าร้านแมคโดนัลด์ สถานที่นัดหมายทำกิจกรรมทั้ง #วิ่งกันนะแฮมทาโร่ และ #กรูหิวกรูไม่ทน มีการตัดต้นไม้ใหญ่สามต้นจนโล่งแม้ว่าพื้นที่ดังกล่าวไม่มีบ้านเรือนหรือเสาไฟฟ้าแต่อย่างใด เทียบกับพื้นที่อีกมุมหนึ่งของวงเวียนอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยที่มีต้นไม้ใหญ่ร่มรื่น

ผู้จัดกิจกรรม #วิ่งกันนะแฮมทาโร่ นำป้ายผ้าเขียนข้อความ "ทำไม่ได้ก็ไสหัวไป" มาแขวนกับแนวรั้วของเจ้าหน้าที่ นอกจากนั้นก็นำป้ายไวนิลโปสเตอร์กิจกรรมมาติดตั้ง ในส่วนของเครื่องเสียงทางผู้จัดเตรียมลำโพงมาสองตัว และมีการแจกจ่ายเมล็ดทานตะวันซึ่งเป็นอาหารของหนูแฮมสเตอร์ซึ่งเป็นตัวการ์ตูนในเรื่องแฮมทาโร่มาแจกจ่ายผู้ร่วมกิจกรรมด้วย 

15.42 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้เครื่องขยายเสียงชี้แจงข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งมาตรการป้องกันโรคระบาดตามพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ นอกจากนั้นก็ขอความร่วมมือให้ผู้ร่วมกิจกรรมอยู่บนทางเท้าไม่ลงไปบนพื้นผิวจราจรด้วย  

15.58 น. สมบัติ บุญงามอนงค์ ผู้จัดกิจกรรม #กรูไม่ทนกรูหิว ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวหน้าร้านแมคโดนัลด์พร้อมชี้แจงกติกาว่าทำอย่างไรจึงจะได้กินฟรี หลังชี้แจงเป็นเวลาสั้นๆ ก็กลับไปยืนที่หน้าเคาน์เตอร์เพื่อรอชำระเงินให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรม โดยมีประมาชนไม่ต่ำกว่า 150 คน ที่เข้าไปต่อคิวรอกินแมคโดนัลด์ฟรีทำให้ร้านแมคโดนัลด์ราชดำเนินแน่นขนัด โดยคาดว่าหลังรับประทานแมคโดนัลด์ ผู้เข้าร่วมกิจกรรมบางส่วนน่าจะตามมาร่วมกิจกรรม #วิ่งกันนะแฮมทาโรด้วย สำหรับกิจกรรมของสมบัติ เป็นเพียงการเลี้ยงอาหาร ไม่มีการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์อื่น และไม่มีเจ้าหน้าที่เข้ามาชี้แจงข้อกฎหมายใดๆ เหมือนกรณีกิจกรรม #วิ่งกันนะแฮมทาโร

16. 43 น. มีรายงานว่าเครื่องปั่นไฟของทางผู้จัดกิจกรรม #วิ่งกันนะแฮมทาโร่ ชำรุด ไม่สามารถใช้ลำโพงได้ กิจกรรมจึงล่าช้าจากเดิมที่จะเริ่มรวมตัวทำความเข้าใจก่อนวิ่งในเวลา 16.30 น. ต่อมาในเวลา 16.45 น. ทางกลุ่มใช้โทรโข่งประชาสัมพันธ์ให้ผู้เข้าร่วมทั้งหมดเริ่มมารวมตัวเพื่อซ้อมร้องเพลงแฮมทาโร่ที่มีการดัดแปลงให้เป็นเพลงเสียดสีรัฐบาล

16.57 น. ทางผู้จัดเริ่มตั้งแถววิ่ง จัดผู้เข้าร่วมยืนเป็นแถวตอนเรียงสอง หัวแถวอยู่บริเวณโรงเรียนสตรีวิทยา หางแถวยาวไปถึงหน้าศึกษาภัณฑ์ จากนั้นก็มีคนมา
ต่อแถวเรื่อยๆ 

17.07 น. ทางผู้จัดแจ้งผู้เข้าร่วมผ่านโทรโข่งว่า ตำรวจจราจรจะดูแลความปลอดภัยและจัดการจราจรระหว่างการวิ่งให้ ระหว่างนั้นมีประชาชนทยอยมาสมทบเรื่อยๆ จนกระทั่งในเวลา 17.15 น. น่าจะมีคนมาร่วมขบวนไม่ต่ำกว่า 1000 คนแล้ว ทางผู้จัดจึงต้องปรับขบวนจากแถวตอนเรียงสองเป็นแถวตอนเรียงสามและจัดให้มีการเว้นระยะห่าง ทั้งในและระหว่างแถว 

17.29 น. ทางผู้จัดเริ่มปล่อยแถววิ่ง เส้นทางวิ่งคือหน้าโรงเรียนสตรีวิทย์ฯ ข้ามถนนราชดำเนินผ่านอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยไปฝั่งกองสลาก จากนั้นวิ่งตรงมุ่งหน้าไปอนุสรณ์สถาน 14 ตุลา แยกคอกวัว จากนั้นข้ามถนนราชดำเนินและวิ่งกลับมาจุดออกตัวที่โรงเรียนสตรีวิทย์ ระหว่างการวิ่งมีเจ้าหน้าที่ทำรวจคอยดูแลความปลอดภัยในการใช้ถนนให้ ในช่วงที่มีการข้ามถนน เจ้าหน้าที่ไม่ได้ปิดถนนโดยสิ้นเชิงแต่ตัดขบวนวิ่งปล่อยรถวิ่งชั่วระยะหนึ่งแล้วจึงหยุดรถให้ขบวนที่เหลือวิ่งต่อ ระหว่างนั้นจะมีรถตำรวจจราจรติดลำโพงคันหนึ่งคอยวิ่งตามและประกาศให้ผู้ร่วมวิ่งอยู่บนทางเท้าไม่ลงมาบนผิวจราจร 

17.56 น. หัวขบวน #วิ่งกันนะแฮมทาโร่  วิ่งถึงจุดเริ่มต้นหน้าร้านแมคโดนัลด์หลังวิ่งครบ 2 รอบ ทางผู้จัดประกาศขอให้หยุดขบวนวิ่งก่อนเพื่อจะร้องเพลงชาติร่วมกัน เมื่อท้ายขบวนทั้งหมดตามมาทันในเวลาประมาณ 18.09 ทางผู้จัดก็เปิดเพลงชาติด้วยลำโพงหลวงจากซ่อมเครื่องปั่นไฟจนใช้การได้ ระหว่างการเคารพธงชาติ ทางผู้จัดยังขอให้ผู้เข้าร่วมชูสัญลักษณ์ 3 นิ้วด้วย หลังร้องเพลงชาติ ทางผู้จัดประกาศให้ผู้เข้าร่วมหันหน้ามองอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยและตะโกนว่า "สวนสวยจริงๆ 10 ครั้ง" จากนั้นจึงประกาศยุติกิจกรรม

18.10 น. หลังกิจกรรม #วิ่งกันนะแฮมทาโร่ ยุติลง กลุ่มนวชีวิน ซึ่งมีสมาชิกคนหนึ่งทำกิจกรรมอดอาหารและค้างคืนที่บริเวณคลองผดุงกรุงเกษมได้เปิดเวทีปราศรัยสั้นๆ ภายใต้ชื่อ #ผ้าเบรกครมสัญจร ที่บริเวณเวทีจัดกิจกรรม #วิ่งกันนะแฮมทาโร่ การปราศรัยใช้เวลาสั้นๆและยุติลงในเวลาประมาณ 18.39 น. ด้วยความเรียบร้อย

ทั้งนี้กิจกรรมกินแมคโดนัลด์ #กรูไม่ทนกรูหิว ไม่มีข้อเรียกร้อง ข้อเสนอ หรือประเด็นในการสื่อสารที่ชัดเจน สำหรับกิจกรรม #วิ่งกันนะแฮมทาโร สื่อสารด้วยเพลงของการ์ตูนให้มีเนื้อหาเสียดสีรัฐบาล เรียกร้องให้ยุบสภา ที่ใช้แฮมทาโร่ซึ่งเป็นหนูแฮมสเตอร์เป็นสัญลักษณ์เพราะต้องการเปรียบเทียบประชาชนและผู้เข้าร่วมเป็นหนูที่อยู่ในกรงจึงต้องออกนอกกรงเพื่อมาเรียกร้องสิทธิเสรีภาพ ส่วนกลุ่มนวชีวินปราศรัยสะท้อนปัญหาการบริหารประเทศของรัฐบาลและมีข้อเรียกร้องคือให้ยุบสภาคืนอำนาจให้ประชาชน




หมายเหตุ ขอขอบคุณภาพประกอบบางส่วนจาก ประชาไท Prachatai.com



ธำรงศักดิ์ เพชรเลิศอนันต์

ประวัติศาสตร์เก็บขยะ : จากความสะอาดของบ้านเมือง ถึงการสร้างประชาธิปไตย
ครงเรื่องเนื้อหา

1. เจ้านายนำเก็บขยะ : กำเนิดสุขาภิบาลสมัยรัชกาลที่ 5
2. คณะราษฎรให้ประชาชนร่วมเก็บขยะ : กำเนิดเทศบาล 2476
3. คณะทหารรัฐประหารนำเก็บขยะ : ระบอบรัฐทหาร 2494-2518 รวมศูนย์อำนาจ หัวหน้าหน่วยปกครองท้องถิ่น ผู้ว่า นายอำเภอ กร่างทั้งแผ่นดิน ภายใต้ผู้บัญชาการทหารบก และแม่ทัพภาคทั้งสี่
4. ประชาชนลุกขึ้นเก็บขยะ : ปฏิวัติตุลาคม เลือกตั้งปกครองท้องถิ่น
5. คณะรัฐประหารแย่งชิงเป็นขยะ : การเก็บขยะพฤษภา 2535 ทำให้เกิด อบต. ทั้งประเทศ และปี 2546 เลือกตั้งผู้นำท้องถิ่นทุกแห่งโดยประชาชน นายก อบต. นายกเทศมนตรี นายก อบจ.
6. คณะรัฐประหารแช่แข็งท้องถิ่นไม่ให้ประชาชนเข้าร่วมเก็บขยะ 2557-ปัจจุบัน
7. นักเรียนนักศึกษาประชาชนอยากเก็บขยะรัฐประหาร
บทสรุป ขยะ การต่อสู้เพื่อนำการเก็บขยะ และการแปรเป็นขยะรัฐประหาร ในหนึ่งศตวรรษ
วันนี้ การชุมนุมที่แหลมแท่น ชลบุรี ที่นักเรียนนักศึกษาไปช่วยกันเก็บขยะ ทำให้ภาพ "ขยะ" ในสังคมไทยชัดเจนมากว่า ขยะ คืออะไร
ขอบคุณที่ทำให้ได้บทความวิชาการว่าด้วยขยะที่แท้จริงของประเทศไทยเมื่อมุ่งสู่ประชาธิปไตยสากล คนเท่ากัน
ขอบคุณภาพ voice TV.
#ประชาธิปไตย #นักเรียนนักศึกษาประชาชน #เก็บขยะ #รัฐประหาร



ไทย ในกะลา

[ญัตติด่วนให้สภามีมติให้รัฐบาลเปิดรับฟังความคิดเห็นของนศ.]

วันเสาร์ที่ 18 ก.ค.ที่ผ่านมา ดิฉันในฐานะกมธ.พัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชน ได้เข้าไปสังเกตการณ์ชุมนุมของนศ.ปชช.ที่อนุสาวรีย์ปชต.

ข้อสังเกตแรกคือ ช่วงกลางวัน มีการนำกระถางต้นไม้ไปเรียงไว้แน่นขนาดรอบ ๆ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ลานรอบอนุสาวรีย์ไม่เหลือที่ให้ใครได้ยืนทำกิจกรรม
ดิฉันได้พบว่าการชุมนุมของพวกเขามีข้อเรียกร้อง 3 ข้อคือให้ยุบสภา ให้หยุดคุกคามประชาชน และให้มีการแก้ไขรธน.
ประเมินโดยพื้นที่แล้วผู้มาชุมนุมมีไม่ต่ำกว่า 3 พันคนคำถามคือพวกเขาโกรธอะไรกันคะ อยู่ดี ๆ เขาออกมากันทำไมมากมายขนาดนี้ ทั้งที่ทุกคนในประเทศนี้อยู่ในบรรยากาศของความกลัว ที่ผ่านมามีคนที่ออกมาทำกิจกรรมแม้แต่เล็กน้อยแต่ถูกตั้งข้อกล่าวหาดำเนินคดีมากมายโดยอ้างพรก.ฉุกเฉินมากมาย
ท่านสงสัยหรือไม่ทำไมเขาถึงออกมา ทำไมไม่กลัวทั้ง ๆ ที่มีการเชือดไก่ให้ลิงดูเป็นระยะ ๆ
ผู้ที่ออกมาชุมนุมมีเหตุผล 4 ข้อดังนี้ค่ะ
1. ท่านเป็นรัฐบาลที่มีที่มาไม่ชอบธรรม ดำรงอยู่จนถึงขณะนี้ก็ไม่ชอบทำเพราะจนป่านนี้ก็ยังไม่มีการถวายสัตย์ปฏิญาณให้ครบ
2. ท่านไม่เคยมีเสถียรภาพเพราะมีพรรคการเมืองถึง 19 บาทเป็นรัฐบาล จึงไม่สามารถบริหารงานอย่างมีประสิทธิภาพได้
3. ท่านคุกคามประชาชนผู้เห็นต่างอย่างต่อเนื่อง เพื่อกดเสรีภาพการแสดงความคิดเห็นของประชาชนไว้ เป็นวิธีอำนาจตามความเคยชินแบบเผด็จการ
4. ท่านไร้ความสามารถทำงานไม่เป็นแต่ใช้เงินเก่ง
ท่านจึงเป็นนายกคนที่ 29 ที่ถูกตราหน้าว่าสร้างหนี้ทิ้งไว้ให้พวกเขามากที่สุดคือก่อหนี้ 4.1 ล้านล้านบาทในช่วงเวลา 7 ปี
ความไม่เป็นธรรมที่นศ. ที่ทำงานพาร์ทไทม์ไม่ได้รับเงินเยียวยา 5,000 บาทจากรัฐ
ใครมันคุกคามมาใกล้ตัว พวกเขาเรื่อยๆ จะมีคนตกงาน ถึง 8.4 ล้านคน และนักเรียนนักศึกษาจะต้องหลุดออกจากระบบการศึกษาถึง 6.7 แสนคน เนื่องจากครอบครัวยากจนและรายได้หดหาย ซึ่งพิษภัยทางเศรษฐกิจนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะการมาเยือนของโควิด-19 แต่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ท่านยึดอำนาจ
รัฐประหารเข้ามา
6 ปีกว่าที่ผ่านมาท่านไม่มีอดีตที่น่าจดจำ ท่านไม่มีอนาคตหรือความหวังให้พวกเขาและอย่าว่าแต่อนาคตเลยแม้ปัจจุบันท่านก็ไม่มีที่ยืนให้กับพวกเขาเพราะไม่มีการปกป้องคุ้มครองเสรีภาพในการแสดงความเห็นที่มีรองรับไว้ตามรธน.
ถ้าเปรียบประเทศไทยเป็นหนังสือเล่มหนึ่งที่หน้าปกเขียนตัวโต ๆ ว่าประชาธิปไตย เมื่อพลิกดูเราจะพบว่า เป็นหนังสือที่มีเนื้อหาด้านในไม่ตรงปกค่ะ
.
รัฐบาลการ์ดตกกับโควิช-19 ความเสียหายที่ตอนนี้ยังประเมินค่าไม่ได้ แต่ไม่เคยการ์ดตกกับการจำกัดสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของประชาชนเลยตลอด 6 ปีกว่าที่ผ่านมา
.
ยุคสมัยที่เปลี่ยนไปสิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนไป
ค่านิยมของคนหนุ่มสาวยุคนี้ต่างไปจากยุคของพวกเรามาก พวกเขาใส่ใจให้คุณค่าต่อเรื่องศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ความเท่าเทียม สิทธิเสรีภาพ และพวกเขาต้องการมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นมีส่วนร่วมเปลี่ยนแปลงสังคมผิดปกติที่พวกเขาอาศัยอยู่นี้ให้ดีกว่าเก่า
.
หากท่านอยากประสบความสำเร็จในการเป็นรัฐบาล อยากแก้ปัญหาได้ตรงจุด ท่านต้องเริ่มจากการปรับทัศคติของตัวเอง ไม่ใช่ปรับธรรมดาแต่ต้องปรับอย่างเข้มข้น
.
ประเทศในโลกใบนี้ไม่ได้ถูกล้อมรั้วอีกต่อไปแล้วมันเป็นโลกที่ไร้พรมแดน
.
รั้วของกองทัพรั้วของด้ามขวานทอง ที่เคยจำกัดลานสายตาของท่านวันนี้ถูกรื้ออกไปหมด มันไม่มีอีกแล้ว
ท่านต้องเชื่อก่อนว่าคนรุ่นใหม่ในยุคโลกไร้พรมแดนพวกเขามีแหล่งศึกษาหาความรู้ที่ได้อย่างไม่จำกัด ในวัยเท่ากันเทียบกับคนรุ่นก่อนพวกเขาเฉลียวฉลาดและคิดเองเป็น มีการตัดสินใจที่จะกระทำหรือไม่กระทำสิ่งใดด้วยตัวเอง
.
ทัศนคติกล่าวหาดูถูกนร.นศ.คนรุ่นใหม่ที่ออกมาเคลื่อนไหวว่ามีกลุ่มคนชักใย คอยยุยงสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง เป็นทัศนคติที่ผิดพลาด หากตั้งต้นแบบนี้ท่านไม่มีทางจะแก้ปัญหาอะไรได้
คนที่มีเบื้องหลังก็คือพวกท่านค่ะไม่ใช่นร.นศ.
ท่านจำเป็นต้องปรับทัศคติเสียใหม่และโอบรับความคิดเห็นที่แตกต่างหลากหลายให้ได้
.
ก่อนหน้านี้ ประเทศเราเคยได้รับยกย่องว่ามีภาคประชาชนที่มีการเคลื่อนไหวค่อนข้างชัดเจน มีความเป็นอิสระเสรีของสื่อ มีความเคลื่อนไหวเรื่องการปฏิรูปสื่อ และมีการขยายกำแพงพัฒนาเรื่องเสรีภาพประชาชน
แต่จากรายงาน Freedom on the NET ปี 2019 เราได้คะแนนเพียง 35 เต็ม 100 นั่นแสดงว่าเรามาถึงจุดที่มีอันตรายแล้วค่ะ
.
ท่านประธานคะ สิ่งที่นักเรียนนักศึกษาและคนหนุ่มสาวรุ่นใหม่ต้องการในขณะนี้ไม่ใช่แค่การเปิดพื้นที่รับฟังความคิดเห็น ที่พวกเขาต้องการมากกว่าคือการปกป้องคุ้มครองสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของพวกเค้า เขาพื้นที่ที่ปลอดภัยในการแสดงค.คิดเห็น
.
นอกจาดกการปิดกั้นทำลาย เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นแล้ว ยังมีหาเหตุยัดเยียดคดีความให้กับนร.นศ.และกลุ่มคนที่มีความตื่นตัวทางการเมือง
ผู้บริหารสถานศึกษายังกีดกันกิจกรรมที่เป็นการแสดงความคิดเห็นทางการเมืองโดยสุจริตด้วยทัศนะแบบเก่า
ทั้งที่การชุมนุมหรือการประท้วงใด ๆ ที่ทำตามขอบเขตของรธน.เป็นสิ่งสามัญที่สากลโลกให้การยอมรับ ทั้งยังเป็นเรื่องปกติพบเห็นกันในชีวิตประจำวันของปท.ที่ปกครองระบอบปชต.
การชุมนุมตามขอบเขตของรธน.โดยสงบ สันติปราศจากอาวุธไม่เท่ากับความวุ่นวายค่ะ
การชุมนุมที่สร้างสรรค์คือการเสนอทางออกบอกความขัดแย้ง ที่จะนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงสังคมนี้ให้ดีขึ้น
(แสดงคลิปแฟลชม็อบ)
ถ้าท่านมีทัศนคติที่ถูกต้องปัญหาก็จะลดน้อยลง
ทุกวันนี้สังคมเรายังมีการ ประจานตีตราและลดทอนด้อยค่าศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของนร. ด้วยการกล้อนผมเด็กนร. ตามที่เป็นข่าวอยู่ทั่วไป ทั้งๆที่การละเมิดสิทธิเด็กเป็นสิ่งที่โลกใบนี้ไม่สามารถยอมรับได้อีกต่อไป
.
นร.นศ.และกลุ่มพลังต่าง ๆ ของคนหนุ่มสาวหมดหวังกับระบอบเผด็จการและการสืบทอดอำนาจ และต่อมาก็หมดหวังกับระบบรัฐสภา
.
พวกเขาตั้งคำถามว่าสภาทำอะไรให้พวกเขาได้บ้าง
ฟางเส้นสุดท้ายของพวกเขาคือการยุบพรรคฝ่ายค้านที่เป็นพรรคที่คนรุ่นใหม่ส่วนใหญ่ของประเทศเลือกเข้ามาเป็นตัวแทนพวกเขาในสภา เมื่อถูกทุบทำลายความหวัง พวกเขาจึงออกมาตั้งคำถามผ่านทางรูปแบบกิจกรรมของแฟลชม็อบ การแสดงออกผ่านแคมเปญต่าง ๆ ถูกกีดกัน ถูกคุกคามโดยเจ้าหน้าที่รัฐอย่างที่เรารู้เห็นกันอยู่
.
ล่าสุดเวทีรับฟังความคิดเห็นเมืองอุตสาหกรรมต้นแบบที่อำเภอจะนะ จ.สงขลา ซึ่งดิฉันได้ลงไปสังเกตการณ์ด้วยตัวเองในฐานะกมธ.พัฒนาการเมืองฯ ก็พบว่าทางรัฐบาลโดยศอ.บต. ได้สร้างบรรยากาศแห่งความกลัวปกคลุมไปทั่วพื้นที่ 3 ตำบลของอ.จะนะ
มีการใช้กำลังเจ้าหน้าที่ มหาศาลมาควบคุมเวทีการรับฟังความคิดเห็น
มีการปิดถนนทั้งสองฝั่งมีการตรึงกำลังตรวจค้นหลายจุด และ
มีข้อกังวลขอบคนในพื้นที่ไม่เชื่อมั่นในความโปร่งใสเรื่องปิดกั้นกลุ่มคนที่คัดค้านไม่เห็นด้วยไม่ให้เข้ามาในพื้นที่
มีการนำมวลชนบางส่วนเข้าไปนอนค้างคืน เตรียมการไว้ล่วงหน้าในสถานที่ที่จัดเวทีรับฟังความคิดเห็น
.
ล่าสุด 22 เม.ย.พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายก ได้มอบนโยบายการปฏิบัติงานแก่ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม
โดยขอให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติจัดตั้งหน่วยงานขึ้นมาดูแลเฟคนิวส์ทั่วประเทศและย้ำว่าต้องมีการดำเนินคดีตามกฎหมายต่อผู้กระทำผิดกรณีข่าวปลอมอย่างจริงจังเด็ดขาด เพื่อให้เกิดความสงบในบ้านเมืองช่วงวิกฤตโควิด
นี่หมายความว่าอะไร ท่านเข้าใจความสงบในระบอบปชต.ว่าอย่างไร สงบแบบเกาหลีเหนือหรือไม่ที่ท่านต้องการ
แทนที่จะสร้างค.เชื่อมั่นให้ประชาชน ท่านกลับกำลังรุกคืบพื้นที่การแสดงความเห็นในโลกออนไลน์อีก ขอให้พิจารณาเรื่องนี้ให้ดีค่ะว่าต่อไปเราจะอยู่กันอย่างไรตัวอย่างการไม่เปิดรับฟังความคิดเห็นอีกอย่างนึงคือ
การประกาศต่ออายุพรก.ฉุกเฉินที่เปรียบเสมือนเป็นการทำรัฐประหารซ้ำเป็นครั้งที่ 2 เพราะเป็นกฎหมายที่ให้อำนาจเบ็ดเสร็จต่อนายกการต่อพรก.ฉุกเฉินคือการถือโอกาสใช้มันเป็นเครื่องมือใหม่ของรัฐบาลในการจำกัดสิทธิเสรีภาพของประชาชนต่อไป
พรก.นี้มีเนื้อหานิรโทษไปในตัวให้กับข้าราชการคือข้าราชการไม่ต้องรับผิดถ้าปฏิบัติตามคำสั่งของนายก
การต่ออายุพรกฉุกเฉินนี้ไปเรื่อย ๆ ไม่มีประเทศไหนทำกันเพราะมันไม่ใช่กฎหมายที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อใช้ในสถานการณ์โรคระบาด
แต่พรกฉุกเฉินถูกสร้างขึ้นมีเจตนาเพื่อใช้แก้ไขสถานการณ์รุนแรงใน 3 จังหวัดชายแดนใต้เป็นถูกสร้างขึ้นมาในสมัยรัฐบาลนายกทักษิณ
.
และเหตุที่ต้องมีการต่ออายุทุกๆ 3 เดือนก็เป็นเครื่องยืนยันว่ากฎหมายนี้ไม่มีความเหมาะสมที่จะประกาศใช้อย่างต่อเนื่องไปนาน ๆ โดยไม่มีความจำเป็นพอ
.
เป็นที่ชัดเจนว่ารัฐบาลมีวัตถุประสงค์อื่นที่ไม่ใช่เรื่องของโรคระบาดค่ะ
.
จากการรวบรวมความคิดเห็นของนร.นักศึกษาดิฉันได้ข้อเสนอแนะมาดังนี้ค่ะ
.
พวกเขาต้องการมีตัวแทนของนักศึกษาร่วมอยู่ในสภามหาวิทยาลัยด้วยในแบบที่สภามหาวิทยาลัยรามคําแหงมีแต่ตอนนี้มหาวิทยาลัยอื่น ๆ ยังไม่มี
การเปิดโอกาสให้นศ.ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในสภามหาวิทยาลัยจะทำให้นักศึกษาได้มีสิทธิ์ร่วมลงคะแนนเสียงเลือกอธิการบดีของเขา และมีโอกาสได้แสดงความคิดเห็นได้ร่วมตัดสินใจลงมติในวาระต่าง ๆ ในฐานะที่พวกเขาเป็นประชากรกลุ่มใหญ่ที่สุดของมหาวิทยาลัย
ทำให้มีอำนาจต่อรองและมีสิทธิ์มีเสียงเพิ่มมากขึ้น เสียงเรียกร้องของพวกเขาจะดังขึ้นและถูกได้ยินมากขึ้น
.
พวกเขาอยากให้มีการแก้ไขพรบ.ของมหาวิทยาลัยต่างๆซึ่งเป็นประดุจธรรมนูญสูงสุด และขอให้มีการรับรองสิทธิเสรีภาพของนักศึกษาไว้ในพ. รบ.ด้วย
.
ในส่วนของกระบวนการทางรัฐสภา พวกเขาต้องการมีสิทธิ์มีเสียงและมีส่วนร่วมมากกว่านี้ อยากให้รัฐสภาจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นเมื่อมีการพิจารณาเรื่องใดเรื่องหนึ่งที่เกี่ยวข้อง เช่น สิทธิเด็ก การศึกษา การเคลื่อนไหวของนักศึกษา
และให้มีเวทีนี้ในชั้นกรรมาธิการในการแต่งตั้งกรรมาธิการวิสามัญต่างๆขอให้มีสัดส่วนที่เป็นตัวแทนเยาวชนด้วย
.
ในการอภิปรายเรื่องที่เกี่ยวข้องกับพวกเขาขอให้มีการเชิญตัวแทนจากองค์กรนิสิตนักศึกษามาให้ถ้อยแถลงกับรัฐสภาได้ด้วยเช่นกัน
.
ท่านประธานคะหมดเวลาของ"สังคมห้ามคิดชีวิตห้ามสงสัย"
ถึงเวลาของการสนับสนุนให้ตั้งคำถาม
ถึงเวลาสร้างพื้นที่ปลอดภัยให้เยาวชนรุ่นใหม่ได้แสดงความรู้สึก ได้ตั้งคำถามและเรียกร้องการเปลี่ยนแปลง
.
ขอบคุณมากตั้งแต่การตั้งคำถามทั่วไปถึงครัวจานเช่นทำไมพวกเขาต้องถูกให้ถอดรองเท้าเข้าอาคารเรียนแต่คุณครูไม่ต้อง ไปจนถึงเรื่องในสเกลที่ใหญ่กว่านั้น เช่น
▪︎ การเข้ามามีอำนาจโดยไม่ชอบธรรมของกองทัพ
▪︎ ทำไมรมต.สาธารณสุขและทีมโฆษกสบค.ถึงไปแออัดในงานเลี้ยงที่สถานทูตในวันชาติอเมริกา 4 ก.ค.ที่ผ่านมาได้โดยไม่ต้องใส่หน้ากากและเว้นระยะห่างไกล ๆ ในขณะที่ประชาชนไปยืนหน้าสถานทูตเพื่อทวงถามเรื่องผู้ลี้ภัยที่ถูกอุ้มหาย นายวันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ ถูกหมายเรียกถูกดำเนินคดีทำผิดพรก. ฉุกเฉิน
▪︎ ทำไม นักศึกษาที่ออกมาทำกิจกรรมผูกโบว์ขาวทวงคืนความเป็นธรรมในแคมเปญผูกโบว์ขาวทวงคืนค.ยุติธรรม ถึงถูกนำตัวไปโรงพักและพยายามยัดเยียดข้อหาตามพรก.ฉุกเฉินให้
สุดท้ายทำไม่ได้ก็ยังอุตสาหะแจ้งข้อหาพรบ.ความสะอาดและความผิดไม่พกบัตรประจำตัวประชาชนกับน้องนศ.
▪︎ ทำไมหมู่อาร์ม ออกมาเปิดโปงทุจริตการเบิกจ่ายเบี้ยเลี้ยงของผู้บังคับบัญชาถึงโดนปลด ทั้งที่ไปยื่นเรื่องขอคุ้มครองพยานที่ปปช.ล่วงหน้านานเป็นเดือนแล้ว
เหล่านี้สะท้อนว่าแค่เล็ก ๆ น้อย ๆ ก็เอา ก็ทำให้เป็นเรื่องเพื่อเขียนเสือให้วัวกลัว
.
เมื่อคดีความเหล่านี้ขึ้นสู่ศาลก็ถูกตัดสินว่าไม่มีความผิดท่านก็ทราบดีอยู่แล้ว แต่ก็ยังทำมาต่อเนื่อง
.
ดิฉันขอเรียกร้องให้ท่านเปิดรับฟัง ให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วม
ดิฉันขอให้นายกรมต.และรัฐบาลหยุดการลุแก่อำนาจปราศจากความละอาย
▪︎หยุดสร้างบรรยากาศแห่งความกลัว ปรับท่าทีให้เป็นรัฐบาลที่รับฟังตามมาตรฐานประเทศปชต.แบบสากล
▪︎ดิฉันขอให้ท่านให้ความคุ้มครองปกป้องกันผู้ที่ออกมาแสดงความคิดเห็นแทนการยัดเยียดคดีความ
▪︎ดิฉันเรียกร้องให้สภาแห่งนี้สนับสนุนให้มีการศึกษาในคณะกมธ.เพื่อเปิดช่องทางรับฟังความคิดเห็นของกลุ่มพลังทางสังคมหนุ่มสาว โดยมอบให้เป็นหน้าที่ของกมธ.พัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชน ที่เป็นกรรมาธิการที่มีอำนาจหน้าที่ตรงกับเรื่องการมีส่วนร่วมนี้มากที่สุด
ขอบคุณค่ะ
.
อมรัตน์ โชคปมิตต์กุล
สส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล
22 กรกฎาคม 2563
https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=3274962825917775&id=100002122704302

[full-post]



จักรภพ เพ็ญแข - Jakrapob Penkair

ต่อจิ๊กซอว์ขบวนการประชาชน
โดย จักรภพ เพ็ญแข


ชัดเจน สง่างาม กล้าหาญ สำหรับการแสดงออกทางการเมืองของคนรุ่นใหม่ ไม่มีอะไรในระบบการเมืองจะยิ่งใหญ่ไปกว่าอุดมการณ์ที่ทำเพื่อคนส่วนมากในสังคม อะไรที่ทำเพื่อคน ๆ เดียว หรือเพื่อคนกลุ่มเดียว โดยอ้างว่าเป็นตัวแทนของคนส่วนใหญ่แต่ไม่ยอมผ่านการพิสูจน์ใด ๆ เลยนั้น ต่อให้มีกองทัพโจร ศาลโจร พรรคโจร มหาวิทยาลัยโจร บริษัทโจร สื่อโจร หรือมูลนิธิโจร ฯลฯ เพราะจัดตั้งมานาน และทำลายคู่แข่งที่เป็นประชาธิปไตยมานาน ก็ช่วยอะไรไม่ได้เมื่อเวลาที่แท้จริงมาถึง อนิจจังต้องเกิด เราเห็นกันมามากแล้วในประวัติศาสตร์ ใครที่พร่ำพูดว่าเมืองไทยไม่เหมือนใคร มั่นใจว่าจุดจบของปัญหาบางอย่างในเมืองไทยจะแตกต่างจากสังคมอื่น ๆ สังเกตได้ว่าคนที่พูดนั้นกำลังพูดแบบปากกล้าขาสั่น
ชื่นชมแล้วก็ขอร่วมคิดแบบสั้น ๆ ครับ:
1. นักสู้เพื่อเสรีภาพ (freedom fighters) โปรดหนีให้ห่างที่สุดจากระบบยึดตัวบุคคล อย่าให้หลักการและอุดมการณ์ในการต่อสู้เล็กกว่าตัวบุคคลที่กำลังนำ หรือตาม หรือช่วยเราต่อสู้อยู่ เรารักผู้นำของเราได้ครับ แต่กรุณาอย่าหลง และอย่ายกย่องจนเขาทั้งหลายลืมความเป็นคน ก็ความหลงลืมว่าเป็นคน นึกว่าตัวเป็นหิ้งพระนี่มิใช่หรือ ที่ทำให้สังคมไทยของเราเข้าสู่วิกฤติกันจนถึงทุกวันนี้
2. อย่าโกรธกันเลยครับว่าผู้ประท้วงรุ่นไหนมาก่อนรุ่นไหน ผมร่วมก่อตั้งขบวนการเสื้อแดงมากับพวกเรามวลชน ในใจก็ยังระลึกถึง เจ้าตาก ระลึกถึง หมอเหล็ง ศรีจันทร์ แห่งขบวนประชาธิปไตย ร.ศ. 130 ระลึกถึง คณะราษฎร นึกถึงทหารเรือแมนฮัตตัน ระลึกถึง ครูครอง จันดาวงศ์และคณะพรรค ระลึกถึง ครูบาศรีวิชัย ผู้นำมวลชน ระลึกถึง ส.ส. เตียง ศิริขันธ์ ระลึกถึง คนเดือนตุลาทุก ๆ ตุลา ระลึกถึง พฤษภาทมิฬ ระลึกถึงสมาชิกพระราชวงศ์กลุ่มหนึ่งที่มีสติพอจะเขียนจดหมายถึงรัชกาลที่ 5 ให้พิจารณาการมีส่วนร่วมของประชาชน ก่อนที่จะสายเกินแก้ คนเหล่านี้เป็นครูการเมืองของพวกเราทั้งนั้น ความรู้ในชีวิตไม่ได้อยู่ที่ครูสอนอย่างเดียว แต่อยู่ในสิ่งที่ครูทำ ถ้าคิดแบบนี้ได้ ความผิดพลาดของครูก็ย่อมเป็นครูของเราได้ด้วย
3. ผมจะป้องกันขบวนการประชาชนอย่างเต็มที่ ขอให้นักสู้เพื่อเสรีภาพเดินหน้ากันต่อไปอย่างสมัครสมานกันเถิด คำพูดประโยคนี้ผมไม่ได้พูดเพื่อปลุกใจ สนุกปาก หรือคุยโม้โอ้อวด ขอตราเอาไว้ตรงนี้ครับ
โปรดดูสถานการณ์กันให้ดี ตีความให้แตก อย่าเตะหมูเข้าปากหมา อย่าทะเลาะกันรุนแรงเกินไป มีอะไรก็เตือนกันแบบเบาะ ๆ ให้มองหน้ากันได้ต่อไป นี่เพิ่งจะช่วงหัวค่ำเท่านั้นเอง.
ขอแสดงความคารวะต่อมวลชนผู้เคารพในความเป็นมนุษย์ที่แท้ของตนเอง
จักรภพ เพ็ญแข
21 กรกฎาคม พ.ศ. 2563



iLaw

นักกิจกรรมบุกกองทัพบก จี้ปมคุกคามประชาชนและรัฐธรรมนูญไม่ชอบธรรม
20 กรกฎาคม 2563 เวลา 17.00 น. อานนท์ นำภา ทนายความและนักกิจกรรมประกาศนัดทำกิจกรรมที่หน้ากองทัพบก จากกรณีพ.อ.หญิง นุสรา วรภัทราทร รองโฆษกกองทัพบกโพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวถึงการชุมนุมของ #เยาวชนปลดแอก เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2563 ทำนองว่า เป็นม็อบมุ้งมิ้ง กิจกรรมเริ่มเวลา 16.30 น.และสิ้นสุดเวลา 19.22 น. ในการปราศรัยของแกนนำมีการพูดถึงประเด็นการคุกคามประชาชนและการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2560 มีผู้เข้าร่วมไม่น้อยกว่า 50 คน มีตำรวจในเครื่องแบบประมาณไม่น้อยกว่า 30 คน และเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบไม่ทราบสังกัดไม่น้อยกว่า 20 คน เจ้าหน้าที่เทศกิจไม่น้อยกว่าสิบคน
เราขอลำดับเหตุการณ์ดังนี้
• เวลา 16.30 น. เริ่มมีประชาชนมานั่งถือป้ายแสดงออกบริเวณใกล้ประตูทางเข้ากองทัพบก มีเจ้าหน้าที่ตำรวจในเครื่องแบบจากสน.นางเลิ้งและเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบคอยสังเกตการณ์ถ่ายภาพและวิดีโอของผู้เข้าร่วมกิจกรรม เจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบบางคนติดกล้องขนาดเล็กไว้ที่เสื้อด้วย
• เวลา 17.15 น. สน.นางเลิ้งใช้เครื่องขยายเสียงประกาศข้อห้ามตามกฎหมาย คือ ประกาศห้ามชุมนุมตามพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ, ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 215, 216 และมาตรา 114 ของพ.ร.บ.จราจรฯ
• เวลา 17.54 น. สุวรรณา ตาลเหล็ก นักกิจกรรมประกาศว่า ตำรวจคุกคามคนขับรถกระบะที่ขนเครื่องเสียงมาส่ง เมื่อสอบถามคนขับรถระบุว่า ก่อนเริ่มกิจกรรมเขาขับรถมาจอดหน้ากองทัพบก ติดเครื่องไว้ เมื่อตำรวจสอบถามจึงบอกว่า ขอจอดรถสักครู่ ต่อมาทีมงานขนของลงจากท้ายกระบะ เมื่อเสร็จแล้วเขาจึงขับออกไปหาที่จอดรอ ระหว่างที่จอดติดไฟแดงแยกหน้าองค์การสหประชาติ มีตำรวจหนึ่งคนขับรถมอเตอร์ไซด์ของตำรวจมาเคาะกระจก เมื่อคนขับลดกระจกลงตำรวจนายดังกล่าวระบุว่า ขอโทษครับ ผมขอบัตรประจำตัวหรือใบขับขี่ก็ได้ คนขับจึงแจ้งว่า ตอนที่ผมจอดอยู่ก็ถ่ายรูปไปเยอะแล้ว หากจะมีอะไรให้เรียกไปที่สน. ตำรวจนายดังกล่าวจึงวิทยุสื่อสารกับอีกคนและตอบคนขับว่า ไม่เป็นไร จากนั้นคนขับจึงขับออกมา แต่รู้สึกเหมือนถูกติดตามจึงขับวนไปมา ก่อนจะไปจอดพักรอในที่ปลอดภัย
•เวลา 18.10 น. ตำรวจในเครื่องแบบสองนายมาคุยกับอานนท์ขอให้ขยับเวทีเพื่อจะนำแผงเหล็กมาล้อม แต่อานนท์บอกว่า รถไม่ได้ติดและกิจกรรมก็กำลังจะเสร็จ
•เวลา 18.13 น. รถจากสน.นางเลิ้งขนแผงเหล็กกั้นมาบริเวณหน้ากองทัพบก ระบุว่า นำมากั้นเพื่ออำนวยความสะดวก เพราะว่าบริเวณกิจกรรมเป็นทางรถผ่าน
•เวลา 18.30 น. มีเทศกิจประมาณสิบคนเข้ามาในพื้นที่กิจกรรม บางคนเข้ามาถ่ายรูปผู้เข้าร่วมกิจกรรม บางคนเข้ามาคุยกับตำรวจ
• เวลา 19.22 น. สิ้นสุดกิจกรรม





[full-post]


iLaw

สถานการณ์ทางการเมืองในปี 2563 ภายใต้รัฐบาล “คสช.2" แม้จะมีสภาผู้แทนราษฎรจากการเลือกตั้งแล้ว แต่ผู้ถืออำนาจก็ยังคงปกครองประเทศแบบผูกขาดอำนาจและขาดการตรวจสอบถ่วงดุล แทบไม่ต่างจากยุค คสช.1 ที่มาจากการรัฐประหาร

กล่าวคือ กฎหมายที่เป็นฐานในการใช้อำนาจทางการเมืองเกือบทุกฉบับ ทั้งรัฐธรรมนูญ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ พระราชบัญญัติ ประกาศและคำสั่ง คสช. ฯลฯ ต่างก็เขียนขึ้นโดยคนของ คสช. และประกาศใช้โดยองค์กรของ คสช. ขณะที่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญและกรรมการในองค์กรอิสระแทบทั้งหมด ซึ่งต้องทำหน้าที่ตีความบังคับใช้กฎหมายต่างก็มาจากระบบการคัดเลือกภายใต้อำนาจของ คสช. จึงกลายเป็นระบบกฎหมายแบบ “ชงเองตบเองสบายเอง”

เมื่อสภาผู้แทนราษฎรที่มาจากการเลือกตั้งจะทำหน้าที่ตรวจสอบอำนาจรัฐ ก็ถูกเสียง ส.ส. ที่มาจากการ “เปลี่ยนสูตรคำนวน” หลังเลือกตั้งและ ส.ส. ที่ถูกอำนาจเงิน “ดูด” ให้ย้ายข้างครอบงำไว้เบ็ดเสร็จ แม้ฝ่ายรัฐบาลจะกลายเป็นส่วนน้อยบ้างในบางครั้ง ประธานสภาผู้แทนราษฎรซึ่งเลือกมาโดยฝ่ายรัฐบาลก็อนุญาตให้ลงมติใหม่ได้เรื่อยๆ จนกว่าจะชนะ ส่วนวุฒิสภา ซึ่งควรจะทำหน้าที่เป็นฝ่ายนิติบัญญัติถ่วงดุลอำนาจกับรัฐบาล สมาชิกที่ คสช. คัดเลือกทั้ง 250 คน ก็กลายเป็นเพียงหุ่นยนต์ยกมือตามสั่ง และเมื่อรัฐบาลต้องการอำนาจเบ็ดเสร็จแบบเร่งด่วนก็ยังกล้าใช้ทางลัดออก “พระราชกำหนด” โดยไม่ต้องผ่านการอภิปรายของสภาผู้แทนราษฎรได้อีก

ปรากฏการณ์เช่นนี้ ทำให้รัฐบาล “คสช.2” ภายใต้การนำของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ปกครองประเทศด้วยอำนาจเบ็ดเสร็จยิ่งกว่า “เผด็จการรัฐสภา” แต่เป็น “เผด็จการด้วยสภาที่ออกแบบเอง”
ดังนั้น หนทางในแง่มุมกฎหมายที่จะลบล้างอำนาจของ “ระบอบ คสช.” และเดินหน้ากลับสู่ “ประชาธิปไตย” จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน อันเป็นต้นทางของกฎหมายอีกหลายฉบับที่สร้างกลไกสนับสนุนอำนาจให้คณะรัฐประหาร
ในฐานะที่ไอลอว์ติดตามกระบวนการออกกฎหมาย รวมทั้งการจัดทำรัฐธรรมนูญ ของ คสช. มาตลอดตั้งแต่ต้น จึงมีข้อเสนอต่อสังคมไทย เพื่อหาทางออกจาก “ระบอบ คสช.” และเดินหน้ากลับสู่ “ประชาธิปไตย” ผ่านการแก้รัฐธรรมนูญ โดยต้องจัดทำเป็นสองขั้นตอน ดังนี้
.
ขั้นตอนที่ 1 ลบล้าง “ระบอบ คสช.” และเปิดทางการมีส่วนร่วม
เริ่มจากการเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อยกเลิกกลไกการสืบทอดอำนาจของ คสช. และเปิดทางให้เกิดกระบวนการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่มาจากประชาชน โดยมีเนื้อหา คือ
ยกเลิกกลไกการสืบทอดอำนาจที่ คสช. สร้างไว้ ได้แก่
1. ยกเลิกรัฐธรรมนูญ มาตรา 272 ที่เปิดทางให้มีนายกรัฐมนตรี “คนนอก” ที่ไม่ต้องมาจากการเลือกตั้ง
2. ยกเลิกรัฐธรรมนูญ มาตรา 65 และ 275 ที่ให้ คสช. ตั้งคนของตัวเองมาเขียนแผน “ยุทธศาสตร์ 20 ปี” ขึ้นเอง เพื่อกำหนดอนาคตแทนคนทั้งประเทศ
3. ยกเลิกรัฐธรรมนูญ หมวด 16 ว่าด้วย การปฏิรูปประเทศ ตั้งแต่มาตรา 257 - 261 และ มาตรา 270 ที่ให้ คสช. ตั้งคนของตัวเองมาเขียน “แผนปฏิรูปประเทศ” ขึ้นเองและจะใช้บังคับเอง
4. ยกเลิกรัฐธรรมนูญ มาตรา 252 ที่เปิดช่องให้มีผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรูปแบบพิเศษ ที่ไม่ต้องมาจากการเลือกตั้ง
5. ยกเลิกรัฐธรรมนูญ มาตรา 279 ที่กำหนดให้การกระทำทุกอย่างของ คสช. ไม่เป็นความผิด และรับรองให้ประกาศและคำสั่งของ คสช. ยังมีผลใช้บังคับอยู่ตลอดไป
แก้ไขกลไกการสืบทอดอำนาจที่ คสช. สร้างไว้ ได้แก่
1. แก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 269 ยกเลิกสมาชิกวุฒิสภาชุดพิเศษ 250 คน ที่มาจากการคัดเลือกของ คสช. เปลี่ยนเป็น ในวาระเปลี่ยนผ่าน 5 ปี ให้มีสมาชิกวุฒิสภา 200 คน มาจากการเลือกตั้งของประชาชนในแต่ละจังหวัด ด้วยระบบเดียวกับรัฐธรรมนูญปี 2540
2. แก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 159 วรรคหนึ่ง และวรรคสอง ยกเลิกระบบ “บัญชีว่าที่นายกฯ” ที่ให้พรรคการเมืองเสนอชื่อ “ใครก็ได้” สามรายชื่อเพื่อเป็นนายกรัฐมนตรี และเปลี่ยนเป็นกำหนดว่า นายกรัฐมนตรีต้องมาจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
3. แก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 203 และ 267 ยกเลิกกระบวนการสรรหาองค์กรอิสระตามระบบปัจจุบันที่ให้คนจากองค์กรอิสระหมุนเวียนเก้าอี้เลือกกันเอง เปลี่ยนเป็นกระบวนการสรรหาที่เหมาะสมตามแต่ภารกิจของแต่ละองค์กร และ “เซ็ตซีโร่” ยกเลิกกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญที่เขียนโดยคนของ คสช. ทั้ง 10 ฉบับ ให้ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญและกรรมการองค์กรอิสระชุดปัจจุบันพ้นจากตำแหน่ง เปิดทางให้จัดทำกฎหมายเลือกตั้ง กฎหมายพรรคการเมือง กฎหมายวิธีพิจารณาคดีผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับองค์กรอิสระขึ้นใหม่ทุกฉบับ
4. แก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 256 ให้กระบวนแก้ไขรัฐธรรมนูญ ไม่ต้องพึ่งพาเสียงของสมาชิกวุฒิสภาเป็นพิเศษ สามารถทำได้โดยเสียงครึ่งหนึ่งของรัฐสภา และไม่บังคับให้ต้องลงประชามติ
5. แก้ไขรัฐธรรมนูญ เพิ่มบทเฉพาะกาลอีกหนึ่งมาตรา ให้มีการจัดตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) ที่เป็นตัวแทนจากการเลือกตั้งของประชาชนทั้งหมด เพื่อศึกษาและรับฟังความคิดเห็น สำหรับการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ภายใน 2 ปี ก่อนส่งให้รัฐสภาเป็นผู้มีอำนาจพิจารณาตามกระบวนการในข้อ 4.
โดยข้อเสนอในขั้นตอนที่ 1. หากดำเนินการไปตามวิธีการที่มาตรา 256 กำหนดไว้ในปัจจุบัน ต้องผ่านการทำประชามติจากประชาชนทั้งประเทศ รัฐบาลจึงยังมีหน้าที่ต้องรับรองว่า การจัดทำประชามติจะไม่มีการปิดกั้นเสรีภาพการแสดงความคิดเห็น ไม่ปิดกั้นการนำเสนอเนื้อหาของสื่อมวลชน ไม่แทรกแซงการจัดกิจกรรม และไม่คุกคามข่มขู่ผู้จัดกิจกรรมไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม
.
ขั้นตอนที่ 2 เดินหน้ากลับสู่ “ประชาธิปไตย” และจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ของประชาชน
หากการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ตามขั้นตอนที่ 1. ดำเนินไปจนสำเร็จลุล่วง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรีต่อเพราะขาดคุณสมบัติเนื่องจากไม่ได้เป็น ส.ส. ไม่ว่า ใครจะเป็นผู้นำรัฐบาลก็จะไม่มีอำนาจพิเศษและกลไกตามรัฐธรรมนูญที่ปกป้องให้อยู่ในอำนาจได้อย่าง “ผิดปกติ” อีกต่อไป ผู้ที่เป็นรัฐบาลจะต้องใช้อำนาจภายใต้ขอบเขตจำกัดและถูกตรวจสอบได้โดยกลไกรัฐสภาและกฎหมายในระบบปกติ
สภาผู้แทนราษฎรจะเริ่มต้นทำงานใหม่ไปตามระบบปกติ จะต้องมีการจัดการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาใหม่แทนชุดปัจจุบัน ต้องมีการจัดทำกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญเพื่อสร้างระบบพรรคการเมือง ระบบเลือกตั้ง และวิธีการได้มาซึ่งองค์กรอิสระชุดใหม่ทั้งหมด และจัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ ขึ้นเพื่อจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่มาจากประชาชน
สภาร่างรัฐธรรมนูญ ที่มีตัวแทนจากประชาชนจะทำงานโดยมีอิสระ ศึกษาปัญหาที่เกิดขึ้นจากรัฐธรรมนูญฉบับก่อนๆ รวบรวมความคิดเห็น ความต้องการจากประชาชนทุกกลุ่ม ในขั้นตอนนี้ โอกาสจะเปิดกว้างสำหรับการพูดคุยลงรายละเอียด ถึงระบบเลือกตั้ง ส.ส. ที่ควรจะเป็น แผนการกระจายอำนาจให้ท้องถิ่นจัดการตัวเอง สิทธิเสรีภาพที่ประชาชนควรจะมี และข้อจำกัดสิทธิที่ไม่เกินสมควรแก่เหตุ ช่องทางให้มีส่วนร่วมทางการเมือง หน้าที่ของรัฐในการจัดบริการสาธารณสุข สวัสดิการ การศึกษา จัดสรรทรัพยากร คุ้มครองความปลอดภัย ฯลฯ
ร่างรัฐธรรมนูญ ฉบับใหม่ที่จัดทำโดยสภาร่างรัฐธรรมนูญที่มาจากประชาชน จะถูกนำเสนอเข้าสู่สภา ซึ่งมี ส.ส. และ ส.ว. มาจากการเลือกตั้งทั้งหมด และต้องผ่านการพิจารณาด้วยขั้นตอนแบบใหม่ อาศัยเสียงจากผู้แทนครึ่งหนึ่งของสองสภารับรอง และประกาศใช้
รัฐธรรมนูญฉบับใหม่จึงจะสามารถพาประเทศไทยกลับสู่ระบบการปกครองที่ปกติ ไม่มีการสืบทอดอำนาจโดยคณะรัฐประหาร ประชาชนมีสิทธิเสรีภาพ และมีช่องทางให้ร่วมกำหนดอนาคตของตัวเองได้
.
ไอลอว์จึงเสนอไปยังผู้ที่กำลังทำกิจกรรมเรียกร้องประชาธิปไตยให้ช่วยกันพิจารณาข้อเสนอเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญชุดนี้ในฐานะหนทางหนึ่งที่จะกลับสู่ประชาธิปไตย หรือพัฒนาข้อเสนอชุดใหม่ขึ้นมา ด้วยความเข้าใจว่า รัฐธรรมนูญ 2560 ของ คสช. นั้น คือ อุปสรรคสำคัญสำหรับโอกาสที่อำนาจสูงสุดจะเป็นของประชาชนอย่างแท้จริง
ดูข้อเสนอเต็มๆ ได้ที่ https://ilaw.or.th/node/5564

[full-post]



การเมืองไทย ในกะลา

'โตโต้’ ลั่น เตรียม ‘มุ้งมิ้ง’ ทั่วประเทศ ชวนผู้พันเจี๊ยบแวะดู ถาม 'ประยุทธ์' บ่นเหนื่อย ใครขอให้อยู่
เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) ถนนราชดำเนินนอก นายอานนท์ นำภา ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน พร้อมด้วย นายปิยรัฐ จงเทพ หรือโตโต้ อดีตผู้สมัคร ส.ส. อดีตพรรคอนาคตใหม่ จังหวัดกาฬสินธุ์, นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ สหภาพนักเรียน นิสิต นักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนท.) และนายภาณุพงศ์ จาดนอก แกนนำนักเคลื่อนไหวทางสังคมเยาวชนตะวันออกเพื่อประชาธิปไตย ผู้ชูป้ายขณะ พล.อ.ประยุทธ์ เดินทางไประยอง รวมตัวกันแสดงออกในฐานะประชาชนที่ไม่พอใจกับการกล่าวหาของ พ.อ.หญิง นุสรา วรภัทราทร นายทหารประจำ กรมยุทธการ ทบ. อดีตรองโฆษกกองทัพบก ต่อการชุมนุมโดยกลุ่มเยาวชนปลดแอก เพื่อต่อต้านเผด็จการ และ สนท. ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เมื่อวันที่ 18 ก.ค.ที่ผ่านมา
ผู้สื่อข่าวรายว่า เมื่อเวลา 16.30 น. มีนักศึกษา ประชาชนทยอยเดินทางมายังบริเวณหน้า กองบัญชาการกองทัพบก อย่างต่อเนื่อง โดยจับกลุ่มพูดคุยและล้อมวงนั่งบริเวณเกาะกลางถนนฝั่งตรงข้ามเวทีมวยราชดำเนิน เบื้องต้น นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน นักศึกษาคณะรัฐศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ และ นางสาว ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล โฆษกสหภาพนักเรียน นิสิต นักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนท.) เดินทางมาถึงและหารือถึงสถานที่จัดตั้งเวทีปราศรัย
17.46 น. นายแพทย์ทศพร เสรีรักษ์ เดินทางมาถึง โดยกล่าวว่า ตนเตรียมวาดภาพผู้พันเจี๊ยบไว้ แต่ยังไม่ได้วาด
ทั้งนี้ การชุมนุมดังกล่าว ยังมีการนำภาพนายวันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ หรือต้าร์ ที่ถูกบังคับขึ้นรถยนต์หายตัวไปจากหน้าที่พักในกรุงพนมเปญ กัมพูชา มาแขวนเรียงไว้บนเชือกฟางผูกระหว่างต้นมะขามหน้าประตูกองทัพบกอีกด้วย
บรรยากาศทั่วไปในเวลาประมาณ 18.00 น. เป็นไปอย่างสงบเรียบร้อย
ในตอนหนึ่ง นายปิยรัฐ จงเทพ หรือโตโต้ อดีตผู้สมัครส.ส. กาฬสินธุ์ อดีตพรรคอนาคตใหม่ ขึ้นปราศรัยโดยกล่าวว่า ตนอยากให้ผู้พันเจี๊ยบมาดูบรรยากาศการชุมนุมก่อนเรียกว่านี่คือม็อบมุ้งมิ้ง เพราะมีประชาชนมาร่วมประเมินแล้วราว 3,000 คน ที่ผ่านมาผู้พันเจี๊ยบมีหน้าที่สร้างภาพลักษณ์ให้ทหาร อย่างไรก็ตาม สิ่งมี่ผู้พันเจี๊ยบในเฟซบุ๊กในประเด็นต่างๆนั้น อยากให้พิจารณาข้อเท็จจริงด้วย เช่น กรณีที่สอบถามว่า เหตุใดไม่รออีกเพียง 2 ปีครึ่ง ทั้งที่ 6 ปีที่ผ่านมา พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา อยู่ในอำนาจมานาน มีการออกแบบกฎหมาย ตั้งแต่รัฐธรรมนูญ กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ มีกลไกที่ออกแบบเองเพื่อฉีกแล้วร่างใหม่ ไม่ให้แก้ไข เป็นรัฐธรรมนูญที่ออกแบบเพื่อให้ตัวเองอยู่ในอำนาจ
“ผมเป็นผู้สมัคร สส. กาฬสินธุ์ บ้านเกิด แม้รู้ว่านั่นคือการเลือกตั้งที่ไม่ชอบมาพากล แต่ตราบใดที่มีช่องทางการขยับ ผมก็จะขยับ ส่วนที่บอกว่าที่ผ่านมาไม่มีใครถูกดำเนินคดี อยากถามว่า ทำไมจะไม่มี หลายคนก็โดน ผมก็โดน ทั้งยังมีการยุบพรรคการเมือง ให้อำนาจฝ่ายการเมืองของตัวเอง มีการอุ้มหาย นี่คือเหตุผลที่ต้องมาพูดในวันนี้ทั้งที่หลีกเลี่ยงการปราศรัยมาโดยตลอด” นายปิยรัฐ กล่าว
นายปิยรัฐ กล่าวว่า พลเอกประยุทธ์ไม่เคยตัดขาดจากอำนาจ ไม่ว่าจะเปลี่ยนเสื้ออย่างไร ก็คือคนเดียวกัน วันก่อนบอกเหนื่อย คำก็เหนื่อย 2 คำก็เหนื่อย ถามว่า แล้วจะอยู่ทำไม ใครขอให้อยู่ ตั้งแต่อยู่มา ประเทศมีอะไรดีขึ้นบ้าง หลังจากนี้ การชุมนุมของประชาชนจะเกิดขึ้นต่อเนื่องและเข้มข้นขึ้นอีก
https://www.matichon.co.th/politics/news_2274000[full-post]



Peace News

ลั่นไม่ทน มมส.ลุกชุมนุม 22 ก.ค.
ลูกพระจอม ปชต.รับสมัครการ์ด


พลัง นศ.ไม่ทนลามไปต่างจังหวัด มหาสารคามประกาศ “อีสานสิบ่ทน” นัดชุมนุมไล่รัฐบาล 22 ก.ค. ร้อยเอ็ดยังขยับ ลูกพระจอม ปชต.ประกาศรับศิษย์เก่าเป็นอาสาสมัคร ทีมรักษาความปลอดภัย สนับสนุนการชุมนุมของ ปชช.

เมื่อ 20 ก.ค. 2563 การเคลื่อนไหวของนักศึกษา ประชาชนลุกลามประกาศชุมนุมปลดแอกในหลายพื้นที่ โดยนักศึกษาทางภาคอีสาน ภาคเหนือ และใน กทม.ยังมีการเคลื่อนไหว ประกาศลั่นผ่านเชียลให้ประชาชนมาร่วมชุมนุมด้วย

เพจเฟชบุ๊ก ลูกพระจอม ปกป้องประชาธิปไตย ขึ้นข้อความว่า ด่วน !! รับสมัครอาสาสมัคร –ทีมรักษาความปลอดภัย – ทีมงานฝ่ายเทคนิค สำหรับสนับสนุนการชุมนุมของประชาชน จากนักเรียน นักศึกษา และนักศึกษาอาชีวะ #สถาบันพระจอมเกล้าฯ ทั้งศิษย์เก่า และปัจจุบัน อายุไม่เกิน 35 ปี ในทุกสาขาวิชา โดยเฉพาะสาขาไฟฟ้า อิเล็คทรอนิกส์ ไอที คอมพิวเตอร์
นอกจ่ากนี้ เพจเฟซบุ๊กของ แนวร่วมนิสิต มมส.เพื่อประชาธิปไตย - MSU Democracy Front ได้ประกาศโปรเตอร์ว่า “อีสานสิบ่ทน” พร้อมเชิญชวนมาร่วมชุมนุมเวลา 17:00 น. ของวันที่ 22 กรกฎาคมนี้!! ที่ลานแปดเหลี่ยมมหาวิทยาลัยมหาสารคาม (มมส.)
เพจแนวร่วม มมส.ระบุข้อความว่า ให้มันจบในรุ่นของเรา ถึงเวลาพี่น้องชาวอีสาน จะไม่ทนอีกต่อไป มาร่วมกันแสดงพลังของเราอีกครั้งหนึ่ง #สารคามเผด็จการบ่ต้อง
ขณะเดียวกัน สหภาพร้อยเอ็ดปลดแอก ได้แถลงการณ์ฉบับที่ 1 เรียกร้องให้ประชาชนหมดความอดทนมาร่วมชุมนุม โดยระบุว่า ถ้าพวกมึงไม่สู้ ก็จงอยู่อย่างทาส! #จงใส่เสื้อสีดำเพื่อตำหน้าเผด็จการ พกหน้ากากอนามัยและเจลล้างมือ เราไม่ทนกันอีกต่อไปแล้ว ถึงเวลาแล้วที่จะเปลี่ยนแปลง!
เวลาไหนกันที่เราจะออกมาเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่างก่อนที่มันจะสายเกินไป?
เวลาที่เพื่อนๆของคุณ ถูกจับไปทีละคนสองคน
เวลาที่พ่อแม่พี่น้องของคุณ อดอยากและแร้นแค้น
เวลาที่เขาปลูกฝังอำนาจนิยมบ้าๆ ลงในเวลาเรียนของลูกๆคุณ
ถ้ารอให้ถึงเวลานั้น มันอาจจะสายเกินไป เรารอมากว่า 80 ปีแล้ว จะต้องรอไปอีกนานซักเท่าไหร่กัน
เวลานี้เราไม่ทนอีกแล้ว! 17:00น. เป็นต้นไป 2 สิงหาคมนี้! มุ่งตรงไปยังลานหน้าบึงพลาญชัยร้อยเอ็ด ลุกขึ้นสู้กับต้นตอของปัญหา ถอนโคนเผด็จการที่ฝังรากลึกมายาวนาน โปรดสวมหน้ากากอนามัยและพกเจลล้างมือ! ปล.ของหวานราดกะทิอย่ามานะ!
สำหรับการเคลื่อนไหวในภาคเหนือนั้น มีการประกาศจาก คนลำพูนก็จะไม่ทนโว้ย โดยนัดชุมนุมวันศุกร์ที่ 24 เวลา 17.00น. ณ ลานอนุสาวรีย์พระนางจามเทวี จ.ลำพูน
อย่างไรก็ตาม การเคลื่อนไหวที่เริ่มลุกลามออกไปสู่ต่างจังหวัดมากขึ้นนั้น นับเป็นปรากฎการณ์สนับสนุนการชุมนุมของเยาวชนปลดแอก ที่ชุมนุมเป็นครั้งแรกที่อนุเสาวรีย์ประชาธิปไตยเมื่อวันที่ 18 ก.ค. ที่ผ่านมา และมีประชาชน นักศึกษามาร่วมคับคักโดยปิดการจราจรของถนนราดำเนินทันที
ถัดจากนั้น วันที่ 19 ก.ค. ที่ผ่านม กลุ่มนักศึกษา ประชาชนชาวจังหวัดอุบลราชธานีที่เรียกตัวเองว่า “คนอุบลฯ ไม่ทนเผด็จการ” จัดกิจกรรมด้านหน้าศาลหลักเมืองเพื่อให้กำลังใจกลุ่มเยาวชนปลดแอกที่ กรุงเทพฯ
การจัดกิจกรรมครั้งนี้เป็นการสนับสนุนแนวทางของกลุ่มเยาวชนปลดแอกที่มี 3 ข้อเรียกร้องต่อรัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา คือ 1) ยุบสภา 2) หยุดคุกคามประชาชน 3) ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ให้เป็นประชาธิปไตย
ไม่เพียงเท่านั้น เมื่อ 19 ก.ค.ที่ผานมา ที่ประตูท่าแพ จ.เชียงใหม่ ตั้งแต่เวลา 17.00 น. มีนักศึกษาและประชาชนกว่าพันคน นัดชุมนุมแฟลชม็อบ #เชียงใหม่จะไม่ทน too หนุนข้อเรียกร้องกลุ่มเยาวชนปลดแอก ได้แก่ รัฐบาลประกาศยุบสภา หยุดคุกคามประชาชน และร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
ในช่วงท้ายกิจกรรม นายประสิทธิ์ ครุธาโรจน์ นักศึกษามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้ทบทวนข้อเรียกร้อง 3 ข้อ ก่อนชวนผู้ร่วมกิจกรรมชูสามนิ้ว แล้วประกาศยุติกิจกรรมในเวลา 18.30 น. โดยประกาศจะนัดหมายทำกิจกรรมอีก แต่ยังไม่ระบุวัน
PEACE NEWS
ติดตามPEACE NEWS ผ่านช่องทาง SOCIAL MEDIA ได้ที่
--------------------------------------------------------
Youtube : https://www.youtube.com/user/thaipeacetv
Line@ : https://line.me/R/ti/p/%40xin4263v
Twitter : https://twitter.com/PeacenewsThai?lang=th
Peace News Page : https://www.facebook.com/PeaceNewsOfficial
Google+ : https://plus.google.com/u/0/+PEACETVTHAI


Atukkit Sawangsuk

อาฟเตอร์ช็อค #เยาวชนปลดแอก
ม็อบที่มาเกินคาดคิด มากที่สุด ท้าทายที่สุด นับแต่หลังรัฐประหาร

ฝ่ายประชาธิปไตยเองยังไม่คาดคิด
ฝ่ายรัฐบาล เครือข่ายอนุรักษ์นิยม นี่ช็อคไปเลย
แม้จะโกรธ แต่ก็ยังตั้งหลักไม่ทัน ว่าจัดการอย่างไรดี
เพราะหลังช็อคยังมีอาฟเตอร์ช็อค มีเชียงใหม่ มีอุบล มีหน้า ทบ.และจะมีอีกหลายจังหวัด ต่อเนื่องไปถึง 14 วัน
คน Gen-Z Gen-Y ไม่ทน ซ้ำยังจะปลุกความกล้า ให้คนออกมาอีกมาก
ในสถานการณ์ที่รัฐบาลย่ำแย่ทั้งการเมืองเศรษฐกิจ
:
แน่ละว่าหลังม็อบจะมีการป้ายสี โทษว่ามีเบื้องหลัง ปลุกความเกลียดชังว่าล้มล้าง สลิ่มรวมพลังตอบโต้ กล่าวหา พวกเชียร์ลุงขู่จะออกมา
เป็นความพยายามเข็นมวลชนฝั่งตัวเองออกมา สร้างกระแสหนุนตอบโต้ เพื่อทำลายความชอบธรรม เพื่อใช้อำนาจบดขยี้
แต่ตอนนี้กระแสหนุนม็อบแรงกว่า 10 ล้านทวีต อาฟเตอร์ช็อคยังต่อเนื่อง
:
รัฐบาลมันจะใช้มาตรการอย่างไร ออกหมายเรียกแกนนำ ยัดข้อหา ทำให้เสี่ยงต่อการแพร่เชื้อ? ไม่มีใครกลัว ยื่นประกันแล้วเดี๋ยวก็ม็อบใหม่
จับให้หมด? ไล่ดูเฟซบุ๊ก ใครโพสต์ภาพไปม็อบ จับคนเป็นร้อยๆ เป็นพัน แน่ใจนะว่ายับยั้งได้ ไม่ทำให้อารมณ์โกรธลุกลาม
นั่นละครับที่มันยังเงียบอยู่ เพราะไม่ใช่แค่ม็อบแล้วจบ อีก 2 สัปดาห์มาใหม่ และมีแนวโน้มว่าคนจะมากกว่าเดิม
นี่ยังเกี่ยวพันถึงยุทธศาสตร์ต่อไปด้วยว่าระบอบประยุทธ์จะเอาอย่างไร จะลากไปแบบนี้หรือ ไม่ไหวแน่





คุยกับ"นิธิ"จุดเปลี่ยนประเทศไทย แรงและเร็ว อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน (ฉบับเต็ม): Matichon TV


คุยกับ"นิธิ"จุดเปลี่ยนประเทศไทย แรงและเร็ว อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน (ฉบับเต็ม): Matichon TV

[full-post]



ประชาไท Prachatai.com

20.40 น. ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ตัวแทนผู้ชุมนุมอ่านประกาศข้อเรียกร้อง 3 ข้อ คือ ‪1. หยุดคุกคามประชาชน‬ ‪2. ประกาศยุบสภา‬ และ ‪3. เดินหน้าแก้รัฐธรรมนูญ‬ พร้อมระบุด้วยว่า หากภายใน 2 สัปดาห์นับตั้งแต่นี้ หากไม่มีการตอบรับใด ๆ จากทางรัฐบาลเกี่ยวกับข้อเรียกร้องทั้ง 3 ประการนี้ จะทำการยกระดับการชุมนุมต่อไป

ประกาศข้อเรียกร้อง 3 ประการ!

1. “ต้องประกาศยุบสภา” รัฐบาลสืบทอดอำนาจภายใต้การนำของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ล้มเหลวในการบริหารเศรษฐกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเกิดวิกฤตการแพร่ระบาดของไวรัส Covid-19 รัฐบาลได้ประกาศภาวะฉุกเฉินและออกมาตรการ Lockdown ส่งผลให้มีคนตกงานและขาดรายได้เป็นจำนวนมาก แต่รัฐบาลก็มิได้เยียวยาอย่างถ้วนหน้าและทั่วถึง มิหนำซ้ำยังปล่อยให้ประชาชนเดือดร้อนจากพิษเศรษฐกิจโดยที่ไม่แยแสแต่อย่างใด ยิ่งไปกว่านั้นยังได้ปล่อยปละละเลยให้แขก VIP ที่มีเชื้อไวรัสเข้ามาในประเทศโดยที่ไม่ได้กักตัวซึ่งถือว่าสุ่มเสี่ยงต่อโอกาสที่จะมีการแพร่ระบาดครั้งใหญ่รอบ 2
ด้วยเหตุนี้เราจึงไม่อาจไว้วางใจให้รัฐบาลชุดนี้บริหารบ้านเมืองต่อไปได้ จึงขอยื่นคำขาดว่า นายกรัฐมนตรีต้องประกาศ “ยุบสภา” เพื่อคืนอำนาจให้ประชาชนและเปิดทางให้คนที่มีความรู้ความสามารถมาแก้ไขปัญหาทางการเมืองและเศรษฐกิจ

2. “หยุดคุกคามประชาชน” ภายหลังการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2562 เราต่างก็หวังกันว่าประเทศไทยจะมีความเป็นประชาธิปไตยมากขึ้น ประชาชนจะมีเสรีภาพในการแสดงออก และเสรีภาพในการชุมนุมโดยที่ไม่ถูกคุกคามและยัดข้อกล่าวหาหรือคดีความ แต่ความเป็นจริงแล้วหาเป็นเช่นนั้นไม่การคุกคามทั้งทางกายภาพและทางจิตวิทยายังคงดำเนินต่อไปแทบไม่ต่างจากเมื่อสมัยที่คสช.ยังมีอำนาจอยู่ เพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ ลูก ๆ หลาน ๆ ของเราถูกยัดคดีไปทีละคน ทีละคน มีการอ้างความมั่นคงเพื่อปิดปากประชาชนที่ออกมาเรียกร้องประชาธิปไตยและความยุติธรรม ดังนั้นเราจึงขอเรียกร้องให้หยุดคุกคามประชาชน ทั้งทางกายภาพ ทางจิตวิทยาตลอดจนการยัดข้อหาเพื่อดำเนินคดีรวมไปถึงให้รัฐสภายกเลิกกฎหมายที่ละเมิดเสรีภาพในการแสดงออกและเสรีภาพในการชุมนุมตามระบอบประชาธิปไตย

3. “ร่างรัฐธรรมนูญใหม่” เรามีรัฐธรรมนูญที่เอื้อต่อการสืบทอดอำนาจของรัฐบาลเผด็จการ โดยแรกเริ่มเดิมทีก็มีที่มาที่ไม่ชอบธรรมตามระบอบประชาธิปไตยแล้ว เพราะ คณะผู้ร่างไม่ได้มีความยึดโยงกับประชาชน ผู้ที่รณรงค์ให้ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญในการลงประชามติก็ถูกคุกคามและยัดข้อหากันไปหลายคน เนื้อหาของรัฐธรรมนูญก็เป็นไปเพื่อรักษาระบอบเผด็จการในคราบประชาธิปไตย ไม่ว่าจะเป็น
- ส.ว.250 ยกมือโหวตให้หัวหน้าคณะรัฐประหารเป็นนายกรัฐมนตรีเพื่อสืบทอดอำนาจ
- องค์กรอิสระ และศาลถูกใช้เป็นเครื่องมือในการกำจัดประชาชนและนักการเมืองที่เห็นต่างจากผู้มีอำนาจทั้งที่พูดถึงได้และพูดถึงไม่ได้
- ระบบเลือกตั้งแบบจัดสรรปันส่วนผสมและบัตรใบเดียวที่บิดเบือนเจตจำนงของประชาชน และทำให้เกิดรัฐบาลที่ไม่เข้มแข็ง ไร้ประสิทธิภาพ ไม่สามารถแก้ไขปัญหาประเทศได้ รวมไปถึงการผุดของงูเห่าหรือผู้แทนราษฎรที่ทรยศต่อประชาชน
- นอกจากนี้ยังมีโครงสร้างที่ไม่เป็นธรรมอื่น ๆ อีกที่เป็นต้นตอปัญหาที่เรื้อรังมาเป็นเวลายาวนาน
สิ่งเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่ารัฐธรรมนูญฉบับสืบทอดอำนาจนี้เป็นต้นตอของปัญหาทั้งทางการเมือง เศรษฐกิจและสังคม ดังนั้นการจะปลดล็อกกุญแจดอกแรกที่จะนำพาประเทศไทยเปลี่ยนผ่านไปสู่ระบอบประชาธิปไตยที่อำนาจสูงสุดเป็นของประชาชนอย่างแท้จริงได้ คือ การแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อเปิดทางให้มีการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ โดยคำนึงถึงหลักการสิทธิมนุษยชนเป็นหลักและปราศจากการแทรกแซงของคนที่ประชาชนไม่ได้เลือก

หากภายใน 2 สัปดาห์นับตั้งแต่เราอ่านประกาศวันที่ 18 กรกฎาคมนี้ หากไม่มีการตอบรับใด ๆ จากทางรัฐบาลเกี่ยวกับข้อเรียกร้องทั้ง 3 ประการนี้ เราจะทำการยกระดับการชุมนุมต่อไป
เผด็จการจงพินาศ ประชาธิปไตยจงเจริญ



ประชาไท Prachatai.com

“เราไม่กลัวประยุทธ์ เพราะมันไม่ใช่พ่อของเรา”
ภานุพงษ์ จาดนอก ขึ้นเวทีปราศรัยที่ อนุสาวรีบ์ประชาธิปไตย กล่าวว่า วันนี้เดินทางมาจากระยองเพื่อไล่รัฐบาลประยุทธ์ แล้วย้ำว่าไม่กลัวพล.อ.ประยุทธ์ เพราะเขาไม่ใช่พ่อของพวกเรา
เขาเล่าถึงเหตุการณ์ที่ระยองจริงๆ แล้วไม่ได้มีแค่สองคน เเต่เป็นเพราะประเมินความเสี่ยงจากการที่เจ้าหน้าที่รัฐอ้าง พรก. ฉุกเฉิน จึงต้องรักษากำลังพลไว้
“เมื่อกลางวันก็มีหมายมาถึงที่บ้าน แม่บอกว่า ถ้าไม่ถึง 100 หมายไม่ต้องกลับบ้าน ถ้าท่านคิดว่าจะเอาหมายพวกนี้มาหยุดผมได้ ท่านคิดผิด คนอย่างผมเกิดหนเดียวตายหนเดียว แค่ชูป้าย การ์ดไม่ตกพ่อง ทำเป็นรับไม่ได้ ถ้ารับไม่ได้ไม่ต้องมาเป็นนายกฯ ลาออกไป”
ภานุพงศ์ ประกาศด้วยว่า ถ้าวันนี้เจ้าหน้าที่ทำร้ายประชาชน จะปักหลักอยู่ที่นี่ ไม่กลับระยอง และคนจะออกมาเยอะขึ้นเรื่อยๆ จนถนนเส้นนี้ไม่พอที่จะรวมคน พร้อมให้เจ้าหน้าที่ ที่แอบมองอยู่บนตึก ให้ออกมาแสดงตัวให้ชัดจะได้รู้ว่าใครเป็นใคร



ประชาไท Prachatai.com

ไผ่ จตุภัทร์ ขึ้นปราศรัยย้ำหลัง รปห.-หลังเลือกตั้ง ไม่มีอะไรแตกต่าง ภารกิจคนรุ่นนี้คือขับไล่เผด็จการทหารเหมือนเดิม ซ้ำร้ายรัฐยังฉวยโอกาสช่วง Covid-19 ผลักดันโครงการขนาดใหญ่ ทั้งเหมือง เขื่อน โรงไฟฟ้า ทั้งที่ชาวบ้านกำลังเดือดร้อน
จตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หนึ่งในสมาชิกวงสามัญชน ขึ้นเวทีร่วมกับกลุ่มผู้ชุมนุม พร้อมปราศรัยว่า สถานการณ์ทางการเทืองในเวลานี้ไม่มีอะไรแตกต่างจากช่วงหลังรัฐประหาร เพียงแค่เปลี่ยนจากรัฐบาลประยุทธ์ 1 เป็นรัฐบาลประยุทธ์ 2
“วันนี้พวกเราออกมาคนเยอะมาก ทำให้เครืองเสียงไม่พอ คนที่มีความตื่นตัวทางการเมืองมากที่สุดคือ เจ้าหน้าที่รัฐ แต่มาปิดกันการชุมนุม มันแสดงว่า ประเทศนี้ไม่เป็นประชาธิปไตย มันเป็นประชาธิปไตยจอมปลอม พวกผลพวงเผด็จการออกไปให้หมด”
“วันนี้ผมไม่ฮานะครับ ผมจริงจัง ทุกวันนี้ชาวบ้านเดือดร้อน โควิดเข้ามา รัฐบาลสั่งประชาชนหยุดเคลื่อนไหวเรียกร้อง แต่รัฐกลับไม่หยุด และผลักดันโครงการขนาดใหญ่ต่างๆ ทั้งเหมือง เขือน โรงไฟฟ้า ซึ่งประชาชนในพื้นที่ไม่มีส่วนร่วม”
“ถ้าเรามีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ชีวิต และเศรษฐกิจจะดีขึ้น แต่พวกเขาไม่เชื่อ พวกคนมีอำนาจมันมีอยู่ไม่กี่คน แต่พวกเราประชาชนคนธรรมจะล้มเผด็จการทหารเอง นี่คือภารกิจของเรา เราไม่ต้องการเจอกับรัฐมนตรีแป้งมัน นาฬิกายืมเพื่อน ไม่ต้องการกระบวนการอยุติธรรม อยากให้พวกเราออกมากันให้มากขึ้น อย่าไปกลัว พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพราะนี่ไม่ใช่กฎหมายนับตั้งแต่มีการฉีกรัฐธรรมนูญเป็นต้นมา”




ผมดูคลิปข่าวที่ตำรวจระยองใช้กำลังบังคับเอาตัวประชาชนที่ออกมาถือป้ายกระดาษที่เขียนคำว่า “การ์ดอย่าตกพ่องง” และ “อยู่ต่อไปก็ฉิบหายออกไปไอ้สัส” ขึ้นรถกระบะแล้วนำตัวไปควบคุมด้วยความรู้สึกสังเวชและรังเกียจความไร้ศักดิ์ศรีของตำรวจ

การที่ประชาชนออกมาถือป้ายดังกล่าวถือเป็นเสรีภาพในการแสดงออกตามรัฐธรรมนูญมาตรา 34 ถ้อยคำที่ปรากฏในป้ายทั้งสองไม่เป็นความผิดต่อกฎหมายอาญาอันจะทำให้ตำรวจมีอำนาจควบคุมตัวผู้ถือป้ายไปควบคุมหรือดำเนินคดี การกระทำของตำรวจจึงเป็นความผิดฐานหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกายโดยมีอาวุธและมีผู้ร่วมกระทำความผิดเกินห้าคนขึ้นไป

เห็นพฤติกรรมของตำรวจที่ทำกับประชาชนแล้วรับไม่ได้จริงๆ ตำรวจมีหน้าที่รักษากฎหมายเป็นต้นทางของกระบวนการยุติธรรม เรียกตัวเองว่าเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์แต่ไม่เคารพกฎหมาย ไม่เคารพสิทธิและเสรีภาพของประชาชน ใช้กำลังกับประชาชนและเป็นผู้กระทำความผิดเสียเองจึงสมควรจะถูกประณามและถูกดำเนินคดีไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง

จึงเรียกร้องไปยังผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สั่งให้มีการสอบสวนและดำเนินคดีกับตำรวจที่กระทำความผิดดังกล่าว พยานหลักฐานมีทั้งพยานบุคคลและคลิปข่าว ตำรวจสองคนที่แต่งเครื่องแบบยศพันตำรวจเอกทั้งคู่ คนหนึ่งเป็นรองผู้บังคับการส่วนอีกคนเป็นผู้กำกับ

ผมได้ข่าวว่าเมื่อเกษียณแล้วท่าน ผบ.ตร. จะลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้ว่า กทม. ลองแสดงความกล้าหาญให้ประชาชนได้พึ่งพา เพราะถ้าอยู่ในตำแหน่งแล้วยังไม่สามารถปกป้องศักดิ์ศรีของตำรวจและไม่สามารถคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของประชาชนได้ ท่านจะเอาอะไรไปหาเสียง ส่วนตำรวจที่ทำกับประชาชนแบบนี้เสียศักดิ์ศรี “โคตรกระจอก” ครับ



วัฒนา เมืองสุข
15 กรกฎาคม 2563
ขับเคลื่อนโดย Blogger.