การเมืองไทย ในกะลา

'ณัฐวุฒิ' 'โพสต์ 'บัตรเขย่ง'ฉุดเชื่อมั่นกกต.ทรุดโทรม เหน็บเลือกตั้งอาจมี'บัตรซบ'

29 มี.ค. 62 นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำกลุ่มก้าวต่อไปเพื่อประชาธิปไตย และอดีตประธานคณะกรรมการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง พรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) ได้โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า

คือ คนรับบัตรเลือกตั้งไปแล้วไม่ใช้ลงคะแนน อาจเป็นเพราะ รอคิวนาน หรือ มีเหตุอื่นกะทันหัน

อธิบายแบบนี้ก็ได้เหรอ ?

ทุกหน่วยเลือกตั้ง จะคิวยาวแค่ไหนไม่เคยได้ยินว่ามีการเอาบัตรไปเดินแจกให้ยืนถือไว้ ต้องเดินตามคิวไปเรื่อยๆจนถึงโต๊ะเจ้าหน้าที่ แล้วเซ็นชื่อในบัตรเขาถึงจะฉีกจากเล่มมาให้ ขั้นตอนต่อจากนั้นคือเดินเข้าคูหาลงคะแนนเลย

ใครจะมาตัดสินใจเลี้ยวกลับเอาตรงนั้น แล้วถ้ามีจริงเจ้าหน้าที่ประจำหน่วยคงต้องเป็นอัมพาต จึงไม่ทักท้วงถามไถ่ ปล่อยให้คนมาเซ็นชื่อแล้วเอาบัตรเลือกตั้งเดินจากไปต่อหน้าต่อตา

จำนวนคลาดเคลื่อนอาจไม่มาก แต่อธิบายแบบนี้เรื่องจะไปกันใหญ่ ความน่าเชื่อถือที่ทรุดโทรมลงเป็นลำดับจะยิ่งพังเร็ว

ตอนนี้สงสัยกันใหญ่แล้วว่าจำนวนผู้ใช้สิทธิ์ที่อยู่ๆเพิ่มขึ้น 4 ล้านกว่าคนมายังไง

หรือการเลือกตั้งครั้งนี้จะมี “บัตรซบ”

หมายถึงบัตรเลือกตั้งที่ถูกจัดการโดยคนที่ซบแนบแอบอิงกับผู้มีอำนาจ

เอาดีๆนะครับกกต. อย่าดูแคลนความรู้สึกประชาชน


การเมืองไทย ในกะลา

‘ภูมิธรรม’ จวกยับ เลือกตั้ง62 สกปรกที่สุด ซัด ‘ราคาค่าสืบทอดอำนาจ แพงเหลือกิน’

29 มี.ค. นายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรคเพื่อไทย(พท.) โพสต์เฟชบุ๊กแฟนเพจ “Phumtham Wechayachai” วิพากษ์วิจารณ์ ปัญหาการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 24 มีนาคม ที่ผ่านมา โดยระบุว่า

“ราคาที่ต้องจ่าย เพื่อการต่อท่ออำนาจ ของใครบางคน…แพงเหลือเกิน”

ภายหลังจากการเลือกตั้งวันที่ 24 มีนาคม 2562 มีปรากฎการณ์ที่ผิดปกติหลายอย่างเกิดขึ้น โดยเฉพาะผลคะแนนการเลือกตั้ง ที่แปรเปลี่ยน สับสน จนหาข้อสรุปไม่ได้ ทั้งที่การเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาสามารถจัดการผลคะแนนได้ภายในเวลาเพียง 3-4 ชั่วโมงหลังปิดหีบคะแนน ก็ทราบผลอย่างไม่เป็นทางการแล้ว

ผมอยากตั้งคำถามว่าการออกแบบกลไกการเลือกตั้งวันนี้กำลังสร้างผลกระทบอะไรกับประเทศ…ทำไมสังคมไทยเราต้องยอมจ่ายราคาแพงมากมายขนาดนี้ เพื่อแลกกับการต่อท่ออำนาจให้บุคคลคนหนึ่งได้นั่งในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อไป ประชาชนไทยเราจะได้อะไรจากการลงทุนขนาดนี้หรือ?

ตั้งแต่การตีความแบบมหัศจรรย์กับนิยามคำว่า “เจ้าหน้าที่รัฐ” ที่คนใกล้ชิดต่างให้ความหมายปกป้องกันไปมา และสลับกันใช้ตำแหน่งในรัฐบาลไปทำกิจกรรมที่เกื้อหนุนประโยชน์กลุ่มตน การจัดการเลือกตั้งที่ เสมือน ”ไร้การจัดการ “บิดเบี้ยว ผิดเพี้ยนอย่างมโหฬารของ กกต.จนผู้คนหลายแสนคนพร้อมใจกันตั้งคำถามต่อ ความน่าเชื่อถือและประสิทธิภาพของ กกต. ครั้งนี้

การใช้”กลไกรัฐ”เข้าคุกคามนักการเมืองฝ่ายตรงข้ามในหลายพื้นที่รวมถึงการสร้างความหวาดกลัวแก่ประชาชนเพื่อยุติความสนับสนุนพรรคการเมืองที่เขาไว้วางใจ ยังไม่นับรวมข้อมูลที่ว่อนในโซเชียล มีเดีย ถึงการใช้เงินจำนวนมากก่อนวันเลือกตั้ง แม้ไม่มีหลักฐานเชิงประจักษ์ แต่ข้อมูลที่บอกเล่ากันมาก็ส่งสัญญาณความไม่ปกติให้สังคมรับรู้

สิ่งที่”ผู้คุมอำนาจ” ใช้อำนาจกระทำการทั้งหมดในเวลานี้ เป็นการส่งผลกระทบด้านลบอย่างยิ่งต่อศักดิ์ศรีของประเทศ หลังจากการเลือกตั้งส่งผลให้”ต่างชาติ”ขาดความเชื่อมั่นในการลงทุน ดัชนีตลาดหุ้นตก นานาประเทศกล่าวถึงการเลือกตั้งว่าส่อแสดงถึงความไม่ปกติและเรียกร้องให้มีการจัดการอย่างโปร่งใสเป็นธรรม แม้จะแสดงออกว่าไทยมีการจัดการเลือกตั้ง แต่ผลที่ออกมาก็ไม่ได้สร้างความมั่นใจให้แก่ประชาชน อันรวมถึงรัฐบาลจากประเทศต่างๆที่แสดงความห่วงใยและส่งข้อเรียกร้องมายัง กกต.

การกระทำใดๆ ที่ผู้มีอำนาจทั้งหลายได้ดำเนินการในวันนี้ กำลังเป็นการนำเอาต้นทุนความน่าเชื่อถือของประเทศและความมั่นคงของประชาชน ไปแลกกับการยึดพื้นที่เพื่อต่อท่ออำนาจ เป็นการเลือกตั้งที่จ่าย”ราคาแพง” ไม่ใช่เพียงงบประมาณแผ่นดินเท่านั้น แต่หมายถึงการสูญเสียเวลาและโอกาสที่ประชาชนจะสร้างทางเลือกใหม่ให้แก่อนาคตตนเอง

การเลือกตั้งปี 2562 จึงเป็นความทรงจำในหน้าประวัติศาสตร์ที่ต้องจารึกไว้ ซ้ำรอยเฉกเช่นเดียวกับ การเลือกตั้งในปี 2500 ที่ถูกบันทึกไว้ว่า เป็นการเลือกตั้งที่สกปรกที่สุดครั้งหนึ่งของการเมืองไทย

https://www.khaosod.co.th/election-2019/news_2360128


การเมืองไทย ในกะลา

อาจารย์ ม.เกษตร โต้มหาลัย ห้ามล่าชื่อถอด กกต. ทีตอนเป่านกหวีด ไม่เห็นต้องขอ!

จากกรณี ที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มีเรื่องวุ่นวายเกิดขึ้น โดยเจ้าหน้าที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ไม่ยอมให้นิสิตทำกิจกรรมลงชื่อถอดถอน กกต. อ้างว่ากิจกรรมต้องได้รับการอนุญาตจากผู้บริหารมหาวิทยาลัยก่อน โดย ดร.ชลิตา บัณฑุวงศ์ รองหัวหน้าภาควิชาสังคมวิทยา และมานุษยวิทยา คณะสังคมศาสตร์ ม.เกษตรศาสตร์ โพสต์ภาพและคลิปวิดีโอ ระบุว่า

ตามที่นิสิต ม.เกษตร จัดเตรียมให้เพื่อนนิสิตและประชาชนมาลงชื่อเพื่อเรียกร้องการตรวจสอบการทำงานของ กกต. โดยนัดหมายที่อาคาร ศร. 1 มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน เวลา 11.30 น. นั้นปรากฎว่าได้มีหน่วยรักษาความปลอดภัยของมหาวิทยาลัย และเจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบจำนวนหนึ่งมาที่นี่ และทางมหาวิทยาลัยก็ปิดประกาศห้ามมิให้นิสิตทำกิจกรรมที่ไม่ได้รับอนุญาตจากทางผู้บริหารมหาวิทยาลัย

ดร.ชลิตา บัณฑุวงศ์ รองหัวหน้าภาควิชาสังคมวิทยา และมานุษยวิทยา คณะสังคมศาสตร์ ม.เกษตรศาสตร์ ได้ตอบโต้ถึงกรณีนี้ ผ่านทางเฟซบุ๊ก โดยระบุว่า

คืบหน้าของนิสิต ม. เกษตรที่ทำกิจกรรมรวบรวมรายชื่อถอดถอน กกต.

หลังจากที่ทางมหาวิทยาลัยส่ง รปภ. จำนวนหนึ่ง (จำนวนมากกว่านิสิตที่ริเริ่มทำกิจกรรม) มาประจำอยู่ที่อาคารศูนย์เรียนรวม 1 (ศร.1) เพื่อห้ามไม่ให้นิสิตทำกิจกรรม นิสิตก็ย้ายมาที่ม้าหินอ่อนหน้าหอสมุดกลาง และก็ถูกเจ้าหน้าที่กองอาคารสถานที่ฯ ตามมาไล่

และเจ้าหน้าที่กองกิจการนิสิตตามมาบันทึกภาพ นิสิตจึงย้ายมานั่งพักเหนื่อยที่ใต้อาคารคณสังคมศาสตร์ (ซุ้มภาควิชาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา หรือ “ซุ้มสัง-มา”) และก็โดนเลขานุการคณะและเจ้าหน้าที่มาขับไล่อีก สุดท้ายนิสิตจึงระเห็จมาตั้งโต๊ะ (จริงๆ คือ ตั้งพื้น เพราะไม่มีโต๊ะ) ที่นอกรั้วมหาวิทยาลัยบริเวณประตูพหลโยธิน ขณะนี้ก็กำลังรวบรวมรายชื่ออยู่ค่ะ และมีคนทยอยมาลงชื่อตลอด

เหตุผลที่ทางเจ้าหน้าที่มหาวิทยาลัยบอกแก่นิสิต ถึงการไม่ยอมให้นิสิตทำกิจกรรม คือ 1) นิสิตไม่ได้ขออนุญาตจากทางมหาวิทยาลัยก่อน (ถ้าขอ จะได้รับอนุญาตมั้ยยยย) ทั้งนี้ ทรัพย์สิน โต๊ะ เก้าอี้ ม้าหินอ่อน แม้แต่พื้นดินที่นิสิตยืนก็เป็นสมบัติของมหาลัย

ดังนั้น จึงต้องได้รับอนุญาตก่อน (เหรอ นึกว่าเป็นของประชาชน) และ 2) มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์เป็นกลางทางการเมือง จึงห้ามใช้สถานที่ของมหาวิทยาลัยแสดงออกทางการเมือง

(เอ่อ แล้วตอนเป่านกหวีดหล่ะ 555 และยังไม่นับรวมว่านี่ไม่ใช่เรื่องของการเมืองฝ่ายไหน แต่เป็นการเรียกร้องให้ กกต.ทำงานอย่างโปร่งใส บริสุทธิ์ ยุติธรรม เพื่อที่สังคมจะมีความเชื่อมั่นต่อการเลือกตั้ง และเพื่อประเทศไทยจะสามารถเดินต่อได้อย่างสันติ)

https://www.khaosod.co.th/election-2019/news_2359594


4289 วิสัยทัศน์Follow

อ.ปิยบุตร แสงกนกกุล - เลขาธิการพรรค #อนาคตใหม่ แถลงเงื่อนไขตั้งรัฐบาล 3 ข้อ ดังนี้ 1. แก้ รธน. 2560 เพื่อเพิ่มเติมบทบัญญัติหมวดใหม่ว่าด้วยการจัดทำร่าง รธน.ใหม่ทั้งฉบับ 2. แก้ไข รธน. เพื่อยกเลิกมาตรา 279 3. ปฎิรูปกองทัพให้สอดคล้องกับประชาธิปไตย


คำนวณให้แล้ว! จำนวน ส.ส. เขต และปาร์ตี้ลิสต์ล่าสุด 

VOTE62 เข้าสู่เฟสที่ 3 คือการเปิดเผยข้อมูลสู่สาธารณะ
หลังจากต้องเวียนว่ายกับความสับสนของตัวเลขและไฟล์ที่ผิดพลาดจากคณะกรรมการการเลือกตั้งมาหลายรอบ ล่าสุด เมื่อเวลาราว 17.00 น. เว็บไซต์ของ กกต. อัปโหลดไฟล์ที่ว่าเป็นคะแนน 100% เราได้นำข้อมูลมาคำนวณ ส.ส. 350 เขต และ ส.ส. ปาร์ตี้ลิสต์ 150 เขต เผยแพร่แล้วบนเว็บ VOTE62.com เป็นที่เรียบร้อย
VOTE62 เป็นความร่วมมือกันของ 4 องค์กร ได้แก่ The Momentum, a day BULLETIN, iLaw และ opendream กำลังเดินหน้าเข้าสู่เฟสต่อไปของพวกเรา โดยมีองค์กรเข้ามาร่วมงานกับเราเพิ่มขึ้นอีก คือ TDRI
หลังจากเฟสหนึ่ง ตลอดเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เราให้บริการค้นหาหมายเลขผู้สมัครและพรรคการเมืองในเขตต่างๆ ตามมาด้วยเฟสสอง เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เราสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชน ให้มาช่วยกันรวบรวมข้อมูล crowdsourcing และแสดงผลแบบ Real Time
จากกิจกรรมเมื่อวันอาทิตย์ ทำให้เรามีข้อมูลดิบเป็นภาพถ่ายกระดานนับคะแนนส่วนหนึ่ง ที่เตรียมจะเผยแพร่ต่อสาธารณะ เพื่อเข้าสู่เฟสที่สามของ vote62 คือการร่วมกันตรวจสอบความถูกต้องของการนับคะแนนโดย กกต. โดยจะมีการเผยแพร่ภาพถ่ายทั้งหมดในเร็วๆ นี้
ในเบื้องต้น ข้อมูลล่าสุดจาก กกต. เมื่อคำนวณคะแนนออกมาก็เป็นที่เซอร์ไพรส์ว่า มีผู้มาใช้สิทธิสูงถึง 74.69% หรือคิดเป็น 38,268,375 คน จากผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 51,239,638 คน บัตรเสีย 2,130,327 ใบ หรือคิดเป็น 5.57% บัตรไม่ประสงค์ลงคะแนน (โหวตโน) 605,392 ใบ (1.58%) โดยสรุปแล้ว มีบัตรดี 35,532,647 ใบ
เว็บไซต์ VOTE62 คำนวณตัวเลขที่นั่งส.ส.ออกมา ปรากฏผลดังนี้
1. เพื่อไทย ได้ ส.ส. เขต 137 ที่นั่ง ส.ส. ปาร์ตี้ลิสต์ 0 ที่นั่ง รวมเป็น 137 ที่นั่ง
2. พลังประชารัฐ ได้ ส.ส. เขต 97 ที่นั่ง ส.ส. ปาร์ตี้ลิสต์ 21 ที่นั่ง รวมเป็น 118 ที่นั่ง
3. อนาคตใหม่ ได้ ส.ส. เขต 30 ที่นั่ง ส.ส. ปาร์ตี้ลิสต์ 57 ที่นั่ง รวมเป็น 87 ที่นั่ง
4. ประชาธิปัตย์ ได้ ส.ส. เขต 33 ที่นั่ง ส.ส. ปาร์ตี้ลิสต์ 21 ที่นั่ง รวมเป็น 54 ที่นั่ง
5. ภูมิใจไทย ได้ ส.ส. เขต 39 ที่นั่ง ส.ส. ปาร์ตี้ลิสต์ 13 ที่นั่ง รวมเป็น 52 ที่นั่ง
6. เสรีรวมไทย ได้ ส.ส. เขต 0 ที่นั่ง ส.ส. ปาร์ตี้ลิสต์ 11 ที่นั่ง รวมเป็น 11 ที่นั่ง
7. ชาติไทยพัฒนา ได้ ส.ส. เขต 6 ที่นั่ง ส.ส. ปาร์ตี้ลิสต์ 5 ที่นั่ง รวมเป็น 11 ที่นั่ง
8. เศรษฐกิจใหม่ ได้ ส.ส. เขต 0 ที่นั่ง ส.ส. ปาร์ตี้ลิสต์ 6 ที่นั่ง รวมเป็น 6 ที่นั่ง
9. ประชาชาติ ได้ ส.ส. เขต 6 ที่นั่ง ส.ส. ปาร์ตี้ลิสต์ 0 ที่นั่ง รวมเป็น 6 ที่นั่ง
10. เพื่อชาติ ได้ ส.ส. เขต 0 ที่นั่ง ส.ส. ปาร์ตี้ลิสต์ 5 ที่นั่ง รวมเป็น 5 ที่นั่ง
11. รวมพลังประชาชาติไทย ได้ ส.ส. เขต 1 ที่นั่ง ส.ส. ปาร์ตี้ลิสต์ 4 ที่นั่ง รวมเป็น 5 ที่นั่ง
12. ชาติพัฒนา ได้ ส.ส. เขต 1 ที่นั่ง ส.ส. ปาร์ตี้ลิสต์ 2 ที่นั่ง รวมเป็น 3 ที่นั่ง
13. พลังท้องถิ่นไทย ได้ ส.ส. เขต 0 ที่นั่ง ส.ส. ปาร์ตี้ลิสต์ 2 ที่นั่ง รวมเป็น 2 ที่นั่ง
14. รักษ์ผืนป่าประเทศไทย ได้ ส.ส. เขต 0 ที่นั่ง ส.ส. ปาร์ตี้ลิสต์ 1 ที่นั่ง รวมเป็น 1 ที่นั่ง
15. พลังปวงชนไทย ได้ ส.ส. เขต 0 ที่นั่ง ส.ส. ปาร์ตี้ลิสต์ 1 ที่นั่ง รวมเป็น 1 ที่นั่ง
16. พลังชาติไทย ได้ ส.ส. เขต 0 ที่นั่ง ส.ส. ปาร์ตี้ลิสต์ 1 ที่นั่ง รวมเป็น 1 ที่นั่ง




Peace News

แจงขึ้นรถบัสเดินทางลำบากเป็นชั่วโมง
ใช้สิทธิ์ลงคะแนนแต่ กกต.ทำเสียงไร้ค่า


นศ.ไทยในกีวี เปิดเผยการเดินทางอย่างลำบากยากเข็ญนับชั่วโมงกว่าจะได้ใช้สิทธิ์ลงคะแนน แจงต้องนั่งรถบัสนานชั่วโมง เดินเท้าเข้าคูหาเลือกตั้งอีก 3 กม. แต่ กกต.กลับทำเสียงไร้ค่า กลายเป็นบัตรเสีย ขนส่งกลบไทยไม่ทันเวลาปิดหีบ


เมื่อ 27 มี.ค. 2562 ข่าวสดออนไลน์ รายงานว่า จากกรณีคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้พิจารณาเรื่องการส่งบัตรเลือกตั้งล่วงหน้านอกราชอาณาจักรจากประเทศนิวซีแลนด์ จำนวน 1,542 ใบ ล่าช้า ไม่สามารถจัดส่งไปที่หน่วยเลือกตั้งได้ทันก่อนปิดหีบบัตรเลือกตั้งเมื่อวันที่ 24 มี.ค.ที่ผ่านมา โดยมีมติเอกฉันท์ว่าบัตรทั้ง 1,542 ใบถือเป็นบัตรเสีย ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ล่าสุด น.ส.ธัญกร ปิยะพัฒนกุล อายุ 20 ปี นักศึกษาคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยโอคแลนด์ ประเทศนิวซีแลนด์ หนึ่งในผู้ใช้สิทธิ์เลือกตั้งนอกราชอาณาจักร เปิดเผยกับ“ข่าวสดออนไลน์”ว่า ตนเดินทางมาเรียนต่อยังประเทศนิวซีแลนด์เมื่อปี 2557 จนถึงปัจจุบัน โดยอาศัยอยู่ที่เมืองโอคแลนด์ สำหรับการเดินทางไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งนั้น สถานที่จัดการเลือกตั้งนอกราชอาณาจักรตั้งอยู่ที่วัดไทยภายในพื้นที่ของนิวแลนด์

น.ส.ธัญกร กล่าวต่อว่า โดยสถานที่จัดการเลือกตั้งดังกล่าว อยู่ห่างจากที่พักของตน ถ้าขับรถยนต์ส่วนตัวจะใช้เวลาประมาณ 30 นาที แต่ถ้านักศึกษาหรือคนไทยที่ไม่มีรถส่วนตัวต้องเดินทางด้วยรถบัสโดยใช้เวลานานกว่า 1 ชั่วโมง เมื่อลงจากรถบัสก็จะต้องเดินเท้าต่อเข้าไปยังจุดที่ใช้จัดการเลือกตั้งอีกประมาณ 3 กิโลเมตร หรือบางคนอาจจะนั่งอูเบอร์เข้าไป ซึ่งต้องเสียค่าใช้จ่ายประมาณ 30 ดอลลาร์ ซึ่งการเดินทางค่อนข้างเป็นไปด้วยความยากลำบาก

น.ส.ธัญกร กล่าวอีกว่า ตนและเพื่อนๆที่มาเรียนอยู่ที่นี่ ได้ลงทะเบียนขอใช้สิทธิ์เลือกตั้งนอกราชอาณาจักรผ่านเว็บไซด์ที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กำหนดไว้ก่อนวันที่ 19 ก.พ. 2562 และได้เดินทางมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งเมื่อวันที่ 10 มี.ค.ที่ผ่านมา โดยบรรยากาศที่วัดไทยที่ใช้จัดเลือกตั้งนั้น พบว่ามีคนไทยทั้งนักศึกษาที่เพิ่งใช้สิทธิ์เลือกตั้งเป็นครั้งแรก และผู้ใหญ่มาใช้สิทธิ์เป็นจำนวนมาก ซึ่งตนรู้สึกดีใจที่เห็นบรรยากาศแบบนี้

“แต่หลังจากทราบข่าวเกี่ยวกับบัตรเลือกตั้งของประเทศนิวซีแลนด์ที่ยังเดินทางไปไม่ถึงประเทศไทย ต่อมาทาง กกต.ก็มีมติว่าบัตรดังกล่าวกลายเป็นบัตรเสีย ก็ทำให้รู้สึกไม่ดีและเสียใจ เพราะพวกเราไม่ได้เพิกเฉยในการใช้สิทธิ์ อีกทั้งยังเป็นคะแนนบริสุทธิ์ พวกเราไม่ได้ทำอะไรผิดตามขั้นตอนหรือกฎหมายแต่อย่างใด จึงคิดว่าเสียงของเราควรจะถูกนำเข้าไปนับเป็นคะแนนด้วย” น.ส.ธัญกร กล่าว

น.ส.ธัญกร กล่าวว่า ตนคิดว่าเรื่องที่เกิดขึ้น กกต.ต้องรับผิดชอบมากกว่านี้ เพราะเกิดจากความบกพร่อง และการทำงานที่ไม่มีประสิทธิภาพของ กกต. จึงขอให้มีการตรวจสอบแก้ไขเรื่องที่เกิดขึ้นด้วย ซึ่งในมุมของตนขอเรียกร้องให้ กกต.ชุดนี้ลาออกจากตำแหน่ง เพราะเสียงของพวกเรากว่า 1,500 เสียงนั้น สามารถเปลี่ยนแปลง ส.ส.ได้เลย และจะแสดงให้เห็นถึงความแตกต่าง

“รู้สึกว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ไม่โปร่งใส ทั้งเรื่องการหยุดนับคะแนน และจากการติดตามข่าวสารทราบว่า มีชื่อคนที่เสียชีวิตไปแล้วกลับมีชื่อเป็นผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งด้วย ซึ่งอาจทำให้เกิดการสวมสิทธิ์ได้ ทั้งนี้ ประชาธิปไตยในประเทศแทบจะไม่มีเลย การคาดหวังที่ได้ใช้สิทธิ์เลือกตั้งครั้งแรก คาดว่าจะดีกว่านี้ แต่ก็ต้องผิดหวัง”

น.ส.ธัญกร กล่าวด้วยว่า หลังจากกรณีที่ กกต.มีมติให้บัตรเลือกตั้งนิวซีแลนด์ไม่สามารถนำมานับคะแนนได้ หรือบัตรเสียนั้น ทางกลุ่มนักศึกษาและคนไทยในประเทศนิวซีแลนด์ได้มีการหารือ และกำลังจะดำเนินการเขียนจดหมายเป็นภาษาอังกฤษ เพื่อส่งให้กับสื่อต่างประเทศได้มีการเผยแพร่เพื่อให้ทั่วโลกได้รับรู้ว่าเสียงของพวกเราถูกเมิน

(ขอบคุณเนื้อหาจากข่าวสดออนไลน์)

PEACE NEWS[right-side]


การเมืองไทย ในกะลา

งัดเอกสารยันเสียงนิวซีแลนด์ถึงไทย 23 มี.ค.
ย้ำแจ้ง กต.มารับ แต่ดันมาทุ่มหนึ่งของ 24 มี.ค.


งานนี้เอาจริง มีเรื่องได้คุกแน่!! การบินไทยไม่ยอม แถลงด่วนอีกครั้ง โชว์หลักฐานถุงเมล์บัตรเลือกตั้งนิวซีแลนด์ ถึงไทย 23 มี.ค. งัดเอกสารแย้งข้อมูล กต.หน้าแหก เงิบซ้ำสอง เผยมารับตอนทุ่มหนึ่งของ 24 มี.ค. เลยเวลาปิดหีบแล้ว

เมื่อ 27 มี.ค. 2562 ข่าวสดออนไลน์รายงานว่า เมื่อเวลาประมาณ 01.22 น. ของวันที่ 27 มี.ค. นายสุเมธ ดำรงชัยธรรม กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินไทยจำกัด (มหาชน) ได้ออกแถลงการณ์ด่วนอีกครั้ง เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีมีการนำเสนอข่าวเกี่ยวกับความล่าช้า ในการขนส่งบตัรเลือกตั้งที่ประเทศนิวซีแลนดม์ายังกรุงเทพฯประเทศไทย เนื่องจากยังมีบางประเด็นที่คลาดเคลื่อนจากข้อเท็จจริง

นายสุเมธ เปิดเผยว่า สำหรับลำดับเหตุการณ์การขนส่งบัตรเลือกตั้งเป็นไปดังนี้ 1.สถานทูตไทย ณ กรุงเวลลิงตัน ประเทศนิวซีแลนด์ ได้ส่งพัสดุซึ่งเป็นบัตรเลือกตั้ง จากกรุงเวลลิงตัน ประเทศนิวซีแลนด์ มายังประเทศไทย โดยสายการบิน แอร์นิวซีแลนด์ ในเที่ยว บินที่ NZ448 ในวันที่ 18 มีนาคม 2562 ตามที่ปรากฎในข่าวก่อนหน้านี้

2.พัสดุบัตรเลือกตั้งถูกขนส่งมาถึง เมืองออกแลนด์ ประเทศนิวซีแลนด์ ในวันที่ 18 มีนาคม 2562 เวลา 18.44 น. (เวลาท้องถิ่น ) แต่ไม่ได้มีการนำพัสดุบัตรเลือกตั้งดังกล่าวมาส่งต่อเพื่อขนไปกับเที่ยวบินของการบินไทยในวันที่ 19 มีนาคม 2562 แต่พัสดุนั้นได้ถูกเก็บไวใน คลังสินค้าของสายการบินแอร์นิวซีแลนด์ตั้งแต่วันที่ 18-21 มีนาคม 2562 ซึ่งข้อเท็จจริงนั้นไม่ตรงกับข่าวจากแหล่งข่าวจากแหล่งข่าวอื่นที่ปรากฎไปก่อนหน้านี้

3.พัสดุดังกล่าวไม่ได้อยู่ที่คลังสินค้าของการบินไทย ซึ่งไม่ตรงกับข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏเป็นข่าวจากแหล่งข่าวอื่น

4. สายการบิน แอร์นิวซีแลนด์ ทำเอกสารส่งพัสดุต่อให้การบินไทย เมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2562 ซึ่งขณะนั้นการบินไทยยังไม่ได้รับมอบพัสดุดังกล่าวจากสายการบินแอร์นิวซีแลนด์

5.วันที่ 22 มีนาคม2562 เจ้าหน้าที่คลังสินค้าของการบินไทยประจำเมืองออกแลนด์ได้ติดต่อสอบถามถึงพัสดุดังกล่าวไปยังสายการบิน แอร์นิวซีแลนด์ ซึ่งหลังจากนั้นทางสายการบิน แอร์นิวซีแลนด์ จึงนำพัสดุมาส่งให้กับฝ่ายคลังสินค้าของการบินไทยในวันเดียวกัน ตามเอกสารหลักฐานการรับพัสดุที่แนบมานี้ แต่กว่าจะนำสินค้าออกมาจากคลังสินค้าของสายการบินแอร์นิวซีแลนด์ต้องใช้เวลา จึงทำให้การส่งพัสดุต่อไปยังกรุงเทพฯ ไม่ทันไปกับเที่ยวบินของการบินไทยในวัน ที่ 22 มีนาคม 2562

6. ในวันที่ 23 มีนาคม 2562 การบินไทยได้นำส่งพัสดุดังกล่าวไปกับเที่ยวบินที่ TG 492 ออกเดินทางเวลา 14.50 น. (เวลาท้องถิ่น ) และมาถึงคลังสินค้าการบินไทย ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ในวันเดียวกันเวลา 20.50 น. ซึ่งในเวลา 17.00 น.เจ้าหน้าที่ของการบินไทยได้ติดต่อประสานงานแจ้งไปยังเจ้าหน้าที่ของกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อให้มารับพัสดุดังกล่าวได้ในเวลาประมาณ 22.00 – 22.30 น.

7.เจ้าหน้าที่ของกระทรวงการต่างประเทศได้รับแจ้งจากการบินไทย แต่บอกว่าไม่สะดวกที่จะมารับในเวลาดังกล่าว และจะมารับในวันรุ่งขึ้น คือวันที่ 24 มีนาคม 2562

8.การบินไทยจึงนำพัสดุดังกล่าวเก็บรักษาไว้ที่สำนักงานของคลังสินค้า ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ

9. ในวันที่ 24 มีนาคม 2562 เจ้าหน้าที่ของกระทรวงการต่างประเทศมารับพัสดุในเวลาประมาณ 19.30 น.

บริษัทการบินไทยฯ ขอยืนยันว่าบริษัทฯได้ทำหน้าที่รับผิดชอบขนส่งพัสดุบัตรเลือกตั้งตามขั้นตอนการปฏิบัติที่เป็นมาตรฐาน ทั้งนี้บริษัทฯขอเรียนว่า บริษัทฯมิได้มีหน้าที่นำพัสดุบัตรเลือกตั้งไปส่งให้กับกระทรวงการต่างประเทศ หรือคณะกรรมการการเลือกตั้ง แต่การมารับพัสดุจะต้องเป็นผู้รับที่ระบุไว้ในเอกสารซึ่งเป็นไปตามขั้นตอนปกติ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การออกแถลงการณ์ของบริษัทการบินไทยครั้งนี้ เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงเรื่องวันที่รับพัสดุบัตรเลือกตั้ง เนื่องจากก่อนหน้านี้ กระทรวงการต่างประเทศได้ออกมาชี้แจงว่า สถานเอกอัครราชทูตฯได้ตรวจสอบสถานะการติดตามของสายการบิน Air New Zealand พบว่าถุงเมล์การทูตพิเศษดังกล่าวถูกส่งต่อให้กับแผนก Cargo ของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ที่นครออกแลนด์ ในวันที่ 21 มีนาคม 2562

แต่การบินไทยไม่ได้นำถุงเมล์จัดส่งไปยังเมืองไทยทั้งในวันที่ 21 และ 22 มี.ค. รวมทั้งยังไม่สามารถตรวจสอบสถานะเพิ่มเติมได้เนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่แผนก Cargo ปิดทำการแล้ว โดยการบินไทยได้นำจัดส่งไปกลับไทยในวันที่ 23 มี.ค. แทน

ในการชี้แจงครั้งล่าสุด การบินไทย ได้จัดส่งส่งเอกสารหลักฐานการรับพัสดุมาให้สื่อมวลชนด้วย โดยยืนยันว่าใน วันที่ 21 มี.ค. ยังไม่ได้รับพัสดุบัตรเลือกตั้งจากสายการบินแอร์นิวซีแลนด์ และหลังจากการบินไทยได้ทำการสอบถามไป ทางสายการบินนิวซีแลนด์จึงนำพัสดุบัตรเลือกตั้งมาส่งให้กับฝ่ายคลังสินค้าของการบิน ในวันที่ 22 มี.ค.

[right-side]


Atukkit Sawangsuk

สถานการณ์วันนี้ พรรคฝ่ายประชาธิปไตยไม่ต้องกลัวใบเหลืองใบส้ม ที่เคยวิตกว่า กกต.จะแจกว่อนจนเปลี่ยนผลคะแนน ทำไม่ได้อีกต่อไป
ไม่ใช่เพียง กกต.ไร้เครดิต จนถูกล่าชื่อไล่จะครบล้าน แต่ทำจริงก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะ

1.พรรคเสรีรวมไทย เพื่อชาติ เศรษฐกิจใหม่ ได้ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ ไม่มี ส.ส.เขตเลย
2.พรรคอนาคตใหม่ ได้ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ส่วนใหญ่ และเป็นคนหน้าใหม่ ข้าวนอกนา ไม่ได้ใช้หัวคะแนน ไม่ได้ใช้วิธีหาเสียงเดิมๆ
3.พรรคเพื่อไทยได้ ส.ส.137 เขต แจกใบอะไรก็ไม่กระทบปาร์ตี้ลิสต์ ถ้าแจกใบส้มเพื่อไทย สั่งเลือกตั้งใหม่ คนก็เฮไปเลือกอนาคตใหม่ ซึ่ีงชนะแหง เพราะคะแนนเทไปรวมกันมากกว่าเดิมอีก 
4.กกต.จะมาด้านๆ แจกข้างเดียวไม่ได้ ถ้าอ้างว่ามีทุจริตขนานใหญ่ เรื่องร้องเรียน พปชร ก็จะโดนไม่น้อยเหมือนกัน ซึ่งถ้าถูกกดดันให้ต้องแจกบ้าง คราวนี้จะเกิดยุทธศาสตร์โดยไม่ต้องไปบอก ประชาชนจะรู้โดยอัตโนมัติ สมมติเขตอีสานเพื่อไทยได้ที่สอง แพ้ไม่กี่พัน คนก็จะช่วยกันเลือกเพื่อไทย สมมติแถวสมุทรปราการ อนาคตใหม่มาที่สอง เพื่อไทยที่สาม คนเลือกเพื่อไทยก็จะเทให้อนาคตใหม่ โอกาสชนะเยอะเลย

ล้มเลือกตั้งก็ไม่ได้นะเมริง เว้นแต่จะรัฐประหารยาวไป เพราะถ้าล้มเลือกตั้งแล้วเลือกใหม่ แพ้เลย






Sirote Klampaiboon (ศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์)

การเลือกตั้งครั้งนี้มีพรรคการเมืองประกาศไม่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายก 7 พรรค คือเพื่อไทย ประชาธิปัตย์ อนาคตใหม่ ภูมิใจไทย เสรีรวมไทย เพื่อชาติ และประชาชาติ ถ้าผลเลือกตั้งเป็นไปตามนี้ พรรคอันดับ 1 คือเพื่อไทยมีสิทธิจัดตั้งรัฐบาล และฝ่ายไม่เอานายกคนนอกมี ส.ส.รวมราวๆ 300 เป็นเสียงส่วนใหญ่ในสภา ที่ผ่านมาแต่ละพรรคชิงกันเป็นนายกจนร่วมงานกันยาก ถ้าเจ็ดพรรคสามารถตกลงกัน มีพรรคที่ยอมถอย โอกาสจะเกิดรัฐบาลของฝ่ายไม่เอาพลเอกประยุทธ์ตามมติประชาชนจะมีสูงทันที

ถามว่าเรื่องนี้ยากมั้ย คำตอบคือยากครับ ถามว่าเรื่องนี้เป็นไปได้มั้ย คำตอบคือได้ครับ เราอาจต้องการแค่พรรคสักหนึ่งหรือสองพรรคที่ "ใจใหญ่" พอจะถอยคนละก้าวเพื่อสร้่าง "ย่างก้าวที่ใหญ่กว่า" เพื่อประเทศ เพราะอย่างที่ผมเคยพูดหลายครั้งว่าปัญหาของประเทศในปี 62 ไม่ใช่เรื่องใครควรเป็นนายก แต่คือทำอย่างไรที่หยุดยั้งอำนาจนอกระบบจากการทำลายประชาธิปไตย

ย้ำนะครับว่าพรรคหนุนประยุทธ์ที่ได้ ส.ส.เป็นกอบเป็นกำคือพลังประชารัฐพรรคเดียว คนเลือกพรรคนี้มีราว 7 ล้าน ส่วน ส.ส.พรรคมีแค่ 100 กว่าๆ ฝ่ายเอาประยุทธ์คือคนส่วนน้อยในแง่จำนวนพรรค, จำนวน ส.ส. และจำนวนคนลงคะแนน ใครหนุนประยุทธ์เป็นนายกคือคนทรยศเสียงส่วนใหญ่ทันที

วันนี้เพื่อไทยแถลงเริ่มเจรจาตั้งรัฐบาลกับฝ่ายไม่้เอาประยุทธ์แล้ว คุณหญิงพูดเรื่องนึงว่าตัวเองเป็นนายกหรือไม่ ไม่ใช่เงื่อนไขในการตั้งรัฐบาล ประตูสู่การไม่เอาคนรัฐประหารเป็นนายกกำลังเปิดครับ และหากมีผู้นำพรรคไหนใจใหญ่อย่างคุณหญิงพูด ประเทศจะค่อยๆ กลับมาเป็นของประชาชน
https://www.facebook.com/1551751431783222/posts/2104392053185821/



Ketsirinya ThanasrisatitFollow

บรรยากาศการจัดตั้งพรรคร่วมรัฐบาล บอกตรงๆ ถ้าได้รัฐบาลชุดนี้ รู้สึกมีความหวัง แต่ละคนมีความรู้ มีผลงาน มีความเป็นมืออาชีพ สมาร์ท สง่า ภาษาอังกฤษได้ ผรั่งเศษได้ ไม่ใช่เฉพาะแค่คนที่เป็นระดับผู้นำ เลขา โฆษก และคนอื่นๆในพรรค มีทั้งฝีปากกล้า มีทั้งการศึกษาดี มีทั้งความอ่อนโยน ติดดิน และมีความเด็ดขาด มีสายลุย มีสายฮา รับรู้ได้จากเวทีดีเบต ไม่มีชี้หน้าดุด่านักข่าว ไม่มีใครไม่ให้เกียรติใคร ดูเป็นครอบครัวด้วยซ้ำ


นั่งดูภาพแล้วมันเผลอยิ้มตาม เหนื่อยกันมาเยอะและคงหนักต่อไปอีกเยอะ สามัคคีกันไว้แบบนี้นะคะ เป็นที่พึ่งของชาวบ้าน ของประชาชนให้เค้าลืมตาอ้าปากได้ ให้เค้าไม่ถูกกดขี่จากเผด็จการ ให้กำลังใจทุกพรรคที่รักประชาชน #รักกันไว้นะคะ

2-3 ภาพหลังๆ ดาวเห็นน่ารักเลยแนบมาด้วยค่ะ ❤️
เก็บภาพมาจากทวิต อยากให้เพื่อนๆยิ้ม มีกำลังใจ ถึงต่อไปจะถูกกลั่นแกล้งอย่างไร มั่นใจเถอะว่าตัวแทนประชาชนชุดนี้ เค้าแข็งแกร่งพอ เค้าสู้ยิบตาแน่นอน












[right-side]

#เริ่องโง่ๆแบบเหี้ยๆ_เราจะเห็นได้บ่อย_ที่กะลาแลนด์ครับ



//// อ่านข่าวถอดชื่อ "ทักษิณ" จากศิษย์เก่าดีเด่น ร.ร.เตรียมทหาร พร้อมเรียกคืน "รางวัล เกียรติยศจักรดาว" ทำให้ปีใหม่นึกไปถึงเรื่องราวการเสนอริบรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพของ "อองซาน ซูจี"


ฝรั่งมีวิธีคิดไม่เหมือนคนไทย


คณะกรรมการโนเบลบอกว่า ไม่สามารถริบรางวัลโนเบลคืนจาก "อองซาน ซูจี" ได้ เพราะการที่อองซานซูจีได้รับรางวัลโนเบล สาขาสันติภาพในปี 2534 ก็เป็นผลมาจากการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยและเสรีภาพในเมียนมาร์ก่อนหน้านั้น ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เธอเพิกเฉยให้ทหารพม่าฆ่าฟันโรฮิงญา ในยุคสมัยนี้แต่อย่างใด


พูดง่ายๆ ต่างกรรม ต่างวาระกัน เหตุการณ์มันเกิดขึ้นแล้วในอดีต มันไม่สามารถลบทิ้งเหมือนเอา Liquid Paper ป้าย แล้วจะหายวับไปกับตาได้


นั่นฝรั่งคิด, แต่ไทยคิดต่าง ไม่ว่าจะเหตุการณ์ผ่านมากี่ยุคสมัย ไม่ว่าพี่ไทยจะเคยเขียนด้วยมือมาอย่างไร ถ้าไม่พอใจก็พร้อมจะลบด้วยเท้าทุกเวลา


เหมือนเมื่อปีพ.ศ.2558 ที่เคยถอดยศ "พลตำรวจโท" ของนายกทักษิณ โดยไม่คำนึงถึงว่าที่เขาได้ตำแหน่งมา ณ ตอนนั้น เขาต้องเคยผ่านการทำงานมาตามลำดับขั้น กระบวนการแบบไหน


ริบยศตำรวจเขา ทำเสมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น ลบอดีตด้วยการริบตราสัญลักษณ์ !


ปีใหม่ก็สงสัย แล้ว โจรผู้ร้ายที่นายกทักษิณเคยจับได้ เคยส่งเข้ากระบวนการยุติธรรม เข้ากรมราชทัณฑ์ ถ้าริบยศ ณ ตอนนั้น เท่ากับนายกทักษิณไม่ใช่ตำรวจ แล้วใช้สิทธิหน้าที่อะไรไปจับโจรผู้ร้ายล่ะ?


อย่างนี้ทุกสิ่งที่นายกทักษิณทำไว้ภายใต้ยศพันตำรวจโทนั้น มิต้องโมฆะหมดเหรอคะ?

เกิดมีโจรผู้ร้ายคิดแบบนี้เข้าไปล่ะ แล้วมันจะยังไงคะ?

Source : - Line


ประชาไท Prachatai.com

6 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลฝั่งประชาธิปไตย ‘มิ่งขวัญ’ แช็ตยันร่วมด้วยแต่ติดภารกิจ

6 พรรคการเมือง ร่วมลงสัตยาบันจัดตั้งรัฐบาลหยุดยั้งการสืบทอดอำนาจ คสช. รวมเสียงว่าที่ ส.ส.ได้มากกว่า 250 เสียง ขณะที่ ‘เลขาธิการพรรคเพื่อไทย’ บอก ‘มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์’ ตอบตกลงส่ง 6 เสียงให้แล้วแต่ติดภารกิจมาไม่ได้ พร้อมรวมตัวไปพบ กกต. จี้เปิดผลคะแนน 100 เปอร์เซ็นต์ ก่อนวันที่ 9 พ.ค. ด้าน ‘อนาคตใหม่’ เตือนใช้ ส.ว. หนุนตั้งนายกฯจะนำไปสู่ทางตัน ชี้นายกฯ ควรมาจากพรรคที่ได้ ส.ส. อันดับ1 คือ ‘สุดารัตน์’





#BreakingNews บรรยากาศลงนามสัตยาบันต่อต้านการสืบทอดอำนาจเผด็จการ เดินหน้าจัดตั้งรัฐบาลประชาธิปไตย
.
พรรคเพื่อไทย และพรรคฝ่ายประชาธิปไตย ประกอบด้วยพรรคอนาคตใหม่ พรรคประชาชาติ พรรคเพื่อชาติ พรรคเสรีรวมไทย พรรคพลังปวงชนไทย ร่วมกันแถลงข่าวในวันนี้ (27 มี.ค.) เวลา 10.00น. ณ โรงแรมแลงคาสเตอร์ ชั้น 2 ห้องสยามบอลรูม โดยยืนยันมีความพร้อมในการจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างมาก และแถลงการณ์ร่วมการลงสัตยาบันเพื่อหยุดยั้งการสืบทอดอำนาจของ คสช







[right-side]


Thitivada Clanjiu is with จามร ทองประเสริฐ.

ทนายวิญญัติท้วง กกต. ขอเหตุผลคำตอบแปดบรรทัด ประยุทธ์ไม่ขาดคุณสมบัติ โบว์-ณัฏฐา ทวงคำตอบยุบพปชร. ลั่น “อย่าดูถูกประชาชน”

14.00 น. ณ สำนักงาน กกต. นายวิญญัติ ชาติมนตรี พร้อม น.ส.ณัฏฐา มหัทธนา เดินทางทวงถามผลการวินิจฉัยคำร้องให้ยุบพรรคพลังประชารัฐ พร้อมยื่นหนังสือขอทราบเหตุผลการลงมติ ที่สำนักงานกกต.ได้เผยแพร่เมื่อวานนี้ ต่อกรณีคำร้องคัดค้านการประกาศรายชื่อพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นผู้อยู่ในบัญชีรายชื่อนายกรัฐมนตรีของพรรคพลังประชารัฐ ที่นายวิญญัติ ได้ยื่นไว้เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2562


โดยนายวิญญัติ กล่าวว่าผลการวินิจฉัยที่เผยแพร่ในข่าวของสำนักงาน กกต. เมื่อวานมีความยาวเพียงแปดบรรทัดและไม่มีการให้เหตุผลใดๆ เพียงแต่ยืนยันว่าการเสนอชื่อพลเอกประยุทธ์ให้เป็นผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีนั้นชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งตนตั้งข้อสังเกตว่ากกต.ได้มีการประชุมกันจริงหรือไม่ เพราะมีข้อมูลว่ามีกกต.เพียงท่านเดียวสั่งให้นิติกรเขียนข่าวแปดบรรทัดนั้นออกมา โดยไม่ได้มีการประชุมจริงหรือไม่ วันนี้จึงมายื่นหนังสือเพื่อขอทราบเหตุผลรวมถึงขอทราบกระบวนการในการวินิจฉัยว่ามีการตั้งคณะกรรมการถูกต้องตามระเบียบหรือไม่ มีบันทึกการประชุมหรือไม่ อาจถือว่ามีการกระทำผิดกฎหมายเกิดขึ้นอีกครั้ง ซึ่งประชาชนมีสิทธิ์จะได้รับทราบทั้งเหตุผลของคำวินิจฉัยและความชอบของกระบวนการ

“ประชาชนยังอยากรู้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ในฐานะหัวหน้าคสช. และกรรมการในคณะทำงานอื่นๆ ตกลงถ้าไม่ใช่เจ้าหน้าที่ของรัฐ ท่านเป็นอะไรกันแน่” ทนายวิญญัติกล่าว

หลังจากนั้น น.ส.ณัฏฐา ได้ทวงถาม ถึงคำวินิจฉัยต่อคำร้องให้ยุบพรรคพลังประชารัฐที่หลายฝ่ายได้ยื่นไว้เช่นของทนายวิญญัติที่ยื่นในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ซึ่งมีรายละเอียดความยาวกว่า 10 หน้าและของตนเองซึ่งยื่นในวันที่ 15 มีนาคมซึ่งคำร้องโดยเฉพาะของตนนั้นเป็นข้อกล่าวหาเรื่องความเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยในบรรทัดฐานเดียวกับที่กกต.เคยใช้ในการยุบพรรคไทยรักษาชาติ จึงมีคำถามว่าเหตุใด ในกรณีของทษช.การวินิจฉัยจึงเกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็วและของพปชร.จึงต้องทวงแล้วทวงอีก “เหลือเวลาทำงานอีกเพียงวันเดียวก่อนจะถึงวันเลือกตั้ง วันนี้อยากบอกกกต.ว่าอย่าดูถูกประชาชน”

“นัยยะทางการเมืองของเรื่องนี้คือ ในจังหวะเวลาที่ยุบพรรคไทยรักษาชาตินั้นได้ทำให้ผู้สมัครส.ส.ทั้งหมดเสียสิทธิในการลงสนาม ในขณะที่สำหรับพรรคพลังประชารัฐ หากแม้มีคำวินิจฉัยยุบพรรคเกิดขึ้นหลังการเลือกตั้ง ผู้สมัครที่ชนะการเลือกตั้งก็จะยังอยู่ในสภาและสามารถย้ายพรรคได้ จึงอยากตั้งคำถามว่า กกต.กำลังเอื้อประโยชน์สนับสนุนการสืบทอดอำนาจอยู่หรือไม่ สิ่งเหล่านี้อย่าคิดว่าประชาชนไม่รู้ไม่เห็น อย่าดูถูกประชาชน” น.ส.ณัฏฐา กล่าว



นักวิชาการฝรั่ง มองการเมืองไทย ถ้าฝ่ายพรรคพลังประชารัฐ ผู้ถืออำนาจแพ้ อาจจะเกิด 2 เหตุการณ์ รัฐประหารอีก -เลือกตั้งโฆษะ
😗🤨😏😟😩🥺

ที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศ ได้จัดเสวนา มองการเลือกตั้งในไทย โดย อ.คริส เบเกอร์ ผู้เขียนประวัติศาสตร์การเมืองไทย ระบุว่า หลังจากที่พรรคพลังประชารัฐ เปิดตัว พล.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ ก็ไม่ทำให้คะแนนพรรคดีดังที่คาดหวัง และมีแนวโน้มที่จะพ่ายแพ้การเลือกตั้ง
อ.พอล แซมเบอร์ ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับกองทัพไทย จากอเมริการะบุว่า พรรคพลังประชารัฐต้องการชนะเพื่อไม่ให้เครือข่ายทักษิณกลับมาและหากชนะ การเมืองไทยก็กลับมาสู่มุขเดิมเหมือนสมัย พล.อ.สุจินดา ที่ยึดอำนาจและครองอำนาจต่อจนเกิดภาวะความไม่พอใจ
แต่ถ้าพรรคพลังประชารัฐแพ้ แต่ต้องการเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย ก็อาจจะเกิดเหตุสองประการคือ จะมีการร้องเรียนเรื่องการเลือกตั้งเป็นโฆษะ และอาจจะมีเหตุการณ์นำไปสู่การรัฐประหารอีกครั้ง…

Crภาพ:วิหคนิวส์



ชาญวิทย์ เกษตรศิริ Charnvit Kasetsiri


This 2019 election in Thailand...and the Military...
กองทัพไทย เมื่อยึดอำนาจมาได้ด้วย รัฐประหาร
ในที่สุดก้อจำต้องยอม จัดการเลือกตั้ง ให้ดูมีเปนประชาธิปไตย
เพื่อรักษาอำนาจต่อไป



ดังนั้น การเลือกตั้งครั้งนี้ จะมีผลอย่างไร ต่อพลเอกประยุทธ์
หากศึกษาจาก ปวศ ของรุ่นปู่ รุ่นพ่อ รุ่นพี่ จปร แล้ว
เราจะพบว่า พรรคการเมือง ฝ่ายกองทัพไทย
จะชนะการเลือกตั้ง และได้กลับมาเปนนายกฯ อีก
แต่ก้อจะประสบปัญหา และพ่ายแพ้ทางการเมือง
ตกจากอำนาจ

ตัวอย่างเช่น
จอมพล ป. พิบูลสงคราม ในการเลือกตั้ง 2500
แม้จะจะชนะ แต่ผลของการเลือกตั้ง "สกปรก"
ก้อทำให้ถูก จอมพลสฤษดิ์ รัฐประหาร ต้องลี้ภัยไปต่างประเทศ

จอมพล ถนอม กิตติขจร ในการเลือกตั้ง 2512
พรรคของท่าน สหประชาไทย ก้อชนะ
ได้กลับมาเปนนายกฯ อีก
แต่ก้อบริหารไม่ได้ ต้องทำรัฐประหารตัวเอง 2514
แล้วก้อถูก นร. นิสิต นศ. ประชาชนขับไล่ 14 ตุลา 2516

พลเอกสุจินดา คราประยูร//พลเอกสุนทร คงสมพงษ์
ทำรัฐประหาร 2534 แล้วให้มีเลือกตั้ง 2535
พรรคฝ่ายกองทัพ ก้อชนะเลือกตั้ง
พลเอกสุจินดา ได้กลับมาเปนนายกฯ
แต่ก้อถูกขับไล่ เพราะเปน นายกฯ​คนนอก
เกิดเหตุการณ์ พฤษภาเลือด ตกจากตำแหน่ง นายกฯ เช่นกัน

สรุป การรัฐประหาร แล้วจัดการเลือกตั้ง
กลายเปน ปวศ ของความล้มเหลว ในการรักษาอำนาจกองทัพ


นายทหาร ที่จะอยู่ในตำแหน่งนี้ได้ คือ ผู้ที่ไม่เล่นเกมเลือกตั้ง
ดังเช่น พลเอกเปรม พลเอกสุรยุทธ์ และพลเอกสนธิ

คำถามของเรา คือ พลเอกประยุทธ์ กับพรรคพลังประชารัฐ
จะประสบชะตากรรม อย่างไร
เราคงพอมองเห็นอนาคตกันบ้าง ในวันที่ 24 มีนา นี้แหละ

24 มีนา จะซ้ำรอย ปวศ 2500 หรือ 2512 หรือ 2535
เรา ก้อคงจะได้เห็น อะไร ๆ ทั้งดี และ ไม่ดี
ในอีกไม่ช้า ไม่นานนี้ ครับ

cK@20Mar2019

โดยส่วนตัว ในฐานะ อ. ผู้สอน ปวศ การเมืองไทย
ผู้เขียนคิดว่า การเลือกตั้ง 2562 นี้ จะเปนหัวเลี้ยวหัวต่อ
สู่ความเปนประชาธิปไตย ที่มากขึ้น
หรือไม่ก้อ
สู่ความเปนคณาธิปไตย ต่อไปอีก นานแสนนาน

แต่ผู้เขียน ก้ออดคิดไม่ได้ว่า
การเมืองคณาธิปไตย ของกองทัพ มาถึงซึ่ง
หัวเลี้ยว หัวต่อ สำคัญที่สุดนับแต่ 2475 และ 2490 เปนตันมา
และ บางที ปาฏิหารย์ ก้ออาจจะบังเกิดขึ้นได้อย่างน่าอัศจรรย์ใจ

ครับ
24 มีนา 2562 บัตรเลือกตั้ง อาจจะดังกว่า เสียงปืน
A miracle will happen from outside Bangkok and
from the younger generations of Thai...


Thailandmirror

9 มีนาคม 2562 - จาตุรนต์ ฉายแสง ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ น.พ.เหวง โตจิราการ พิชัย นริพทะพันธุ์ นิคม ไวยรัชพาณิช ก่อแก้ว พิกุลทอง และอดีตแกนนำพรรคไทยรักษาชาติ ได้เปิดแถลงข่าว เดินหน้าตั้งเวทีปราศรัย 4 ภาค สร้างรัฐบาลประชาธิปไตย หยุดยั้งการสืบทอดอำนาจ คสช. อำนาจเผด็จการ

จาตุรนต์ ฉายแสง กล่าวในการแถลงข่าว ว่ายังยึดมั่นจุดยืนในการสร้างประชาธิปไตยและหยุดยั้งการสืบทอดอำนาจของ คสช. พร้อมกับส่งเสริมให้เกิดการจัดตั้งรัฐบาลที่เป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง แม้จะไม่ได้เป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งอีกต่อไป แต่ก็ยังดำรงจุดมุ่งหมายและแสวงหาช่องทางในการมีบทบาททางการเมืองและทำงานการเมืองต่อไป
ขณะเดียวกันก็ได้แสดงความรู้สึกเสียดายที่พรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) ถูกยุบและต้องยุติบทบาท ทำให้คณะกรรมการบริหารพรรคถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง ส่วนสมาชิกพรรคที่ลงสมัครรับเลือกตั้งก็ไม่สามารถไปลงสมัครรับเลือกตั้งได้อีก อย่างไรก็ตาม กกต.ชี้แจงว่าผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งยังสามารถไปสมัครเป็นสมาชิกพรรคอื่นได้

นอกจากนั้น ยังเปิดเผยว่าจากนี้ไปจะเปิดเวทีสื่อสารกับประชาชนเพื่อใช้สิทธิ์ในการแสดงความคิดเห็นทางการเมืองเพื่อให้ประชาชนที่ต้องการให้บ้านเมืองพ้นวิกฤติได้ทำภารกิจสำคัญร่วมกัน โดยจะจัดกิจกรรมในภูมิภาคต่าง ๆ ของประเทศ โดยจะไม่รอเวลาให้ล่าช้าออกไป พร้อมกับจะทำหน้าที่อย่างเต็มที่ ขณะเดียวกันก็ศึกษาข้อจำกัดทางกฎหมายและความเหมาะสมในการทำกิจกรรมที่จะเป็นประโยชน์สูงสุดและพร้อมปรับให้เหมาะสมกับสถานการณ์และความจำเป็น โดยจะดำรงตามจุดหมายทุกอย่าง พร้อมกับย้ำว่าแม้พรรค ทษช. จะถูกยุบ แต่ก็จะไม่ยุติบทบาทหรือกิจกรรมทางการเมือง
จาตุรนต์ ฉายแสง ย้ำเจตนารมณ์ในการทำหน้าที่สร้างประชาธิปไตย หยุดยั้งการสืบทอดอำนาจของ คสช. และส่งเสริมให้เกิดรัฐบาลประชาธิปไตย และเชื่อมั่นว่าประชาชนจะตัดสินใจเลือกตั้งครั้งนี้ด้วยเหตุผล 2 ประการ คือ ไม่ต้องการให้มีการสืบทอดอำนาจและต้องการหลุดพ้นความทุกข์ยากทางเศรษฐกิจ


#เลือกตั้ง2562

[full-post]


ทองย้อย แสงสินชัย

ประตูวิเศษ


-----------

ญาติมิตรสังเกตไหมครับว่า ช่วงเวลาที่ผ่านมา-ตั้งแต่มีคณะ คสช.- บรรดาคนที่เราเรียกว่า “นักการเมือง” หายเงียบไปหมด
ประเทศชาติและประชาชนเผชิญปัญหาสารพัด แต่ไม่มีนักการเมืองออกมาช่วยแก้ไข ชั้นที่สุดแม้แต่ออกมาบอกวิธีแก้ไขก็ไม่มี-ราวกับเขาไม่ได้เป็นพลเมืองของประเทศไทยและไม่ได้มีตัวตนอยู่ในประเทศไทย

เหตุผลสำคัญมีข้อเดียว คือ ไม่ใช่หน้าที่ของข้าพเจ้า

และเหตุผลสำคัญที่บอกว่าไม่ใช่หน้าที่ของข้าพเจ้า ก็คือ-เขามีคนทำหน้าที่อยู่แล้ว ไม่ควรเข้าไปก้าวก่าย

นักการเมืองเป็นบุคคลที่แสดงตัวต่อสาธารณชนว่าต้องการเข้าไปทำงานเพื่อประเทศชาติและประชาชน

เพียงแต่มีเงื่อนไขที่ยอมรับกันทั่วโลกอยู่ในเวลานี้ว่า คนที่จะได้สิทธิ์ทำงานเพื่อประเทศชาติและประชาชนจะต้องผ่านเข้าไปทางประตู “เลือกตั้ง”

การเลือกตั้งจึงนับได้ว่าเป็นประตูวิเศษ

ความวิเศษของประตูเลือกตั้งนี้มิใช่มีเพียงแค่ทำให้ผู้ผ่านประตูกลายเป็นผู้วิเศษเท่านั้น แต่ยังมีความศักดิ์สิทธิ์ทำให้ผู้ผ่านประตูเข้าไปได้แล้วสามารถเข้าไปทำอะไรก็ได้ตามสบาย เพราะผู้คนจะถูกสะกดจิตให้สนใจเฉพาะตรงประตูเท่านั้น

มีน้อยที่สุดที่จะสนใจเลยประตูเข้าไปว่า-คนที่เข้าประตูไปนั้นไปทำอะไรบ้าง

ความศักดิ์สิทธิ์อีกอย่างหนึ่งของประตูวิเศษนี้ก็คือ สามารถทำให้คนทั้งโลกปักใจเชื่อว่า การที่ใครจะได้สิทธิ์เข้าไปทำงานเพื่อประเทศชาติและประชาชนมีวิธีเดียวที่ประเสริฐที่สุด นั่นคือวิธีที่จะต้องผ่านเข้าไปทางประตู “เลือกตั้ง” นี้เท่านั้น ไม่มีวิธีอื่นที่จะประเสริฐไปกว่านี้อีกแล้ว

ใครเข้าไปทำงานเพื่อประเทศชาติและประชาชนโดยไม่ผ่านประตูนี้จะถูกประณามว่าเลวทรามต่ำช้าหาที่เปรียบมิได้

ตามความเป็นจริงนั้น การเลือกตั้งเป็นเพียงวิธีคัดกรองคนที่จะเข้าไปทำงานเท่านั้น ไม่ใช่วิธีควบคุมการทำงานของเขา

สิ่งที่ประเทศชาติและประชาชนต้องการที่สุดคือวิธีทำงานของใครคนนั้นที่จะก่อให้เกิดผลประโยชน์สูงสุดแก่ประเทศชาติและประชาชน

แต่เราถูกประตูวิเศษสาปให้สนใจเฉพาะวิธีที่จะผ่านเข้าประตู โดยไม่ต้องสนใจวิธีทำงานของคนที่ผ่านประตูเข้าไปได้

อันที่จริงทฤษฎีการเลือกตั้งนั้นต้องนับว่าดี เช่น -

ประชาชนมีอำนาจในการปกครองโดยการเลือกตัวแทน คนที่ได้รับเลือกคือคนที่มาจากประชาชน คือคนที่ประชาชนยินดีพอใจให้เป็นตัวแทนเข้าไปบริหารบ้านเมือง

แต่ข้อเท็จจริงที่ทฤษฎีเลือกตั้งไม่สามารถควบคุมได้ก็คือ กลวิธีโกงเลือกตั้ง แม้จะมีกลไกควบคุมกำกับดูแลขนาดไหน การโกงเลือกตั้งโดยถูกต้องตามกฎหมายก็มีมาตลอด จนเป็นที่ยอมรับกันไปแล้ว

นี่เป็นโจทย์ข้อแรกที่ผู้บูชาการเลือกตั้งต้องตอบให้ได้

ทฤษฎีเลือกตั้งบอกว่า คนที่เราเลือกเข้าไปถ้าไม่ได้เป็นรัฐบาล เขาก็จะไปทำหน้าที่ฝ่ายค้าน คือเป็นหูเป็นตาให้ประชาชน เป็นฝ่ายควบคุมรัฐบาล ไม่ให้โกงกิน

แต่ข้อเท็จจริงที่เห็นประจักษ์กันมาตลอดก็คือ ทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านสมคบกันโกงกินบ้านเมือง อย่างที่เรียกว่า “ฮั้ว” กัน หรือแบ่งเค้กกัน อันเป็นที่มาของคำพูดว่า-แบ่งเค้กกันลงตัวหรือไม่ลงตัว

นี่เป็นโจทย์ข้อที่สองที่ผู้บูชาการเลือกตั้งต้องตอบให้ได้

ทฤษฎีเลือกตั้งบอกต่อไปว่า คนที่เราเลือกเข้าไป ถ้าเราเห็นว่าไม่ดี คราวต่อไปเราก็มีสิทธิ์ที่จะไม่เลือก - แล้วก็เปรียบเทียบกับผู้ที่เข้ามากุมอำนาจด้วยวิธีเผด็จการที่ประชาชนไม่มีสิทธิ์ที่จะเปลี่ยนตัวได้

แต่ข้อเท็จจริงที่เห็นประจักษ์กันมาตลอดก็คือ ไม่ว่าจะเปลี่ยนตัวกันกี่รอบ คนที่ประชาชนเลือกเข้าไปก็เข้าไปโกงกินกันทุกรอบไป จนเป็นที่รู้กันแล้วว่านักการเมืองก็คือคนที่จ้องจะเข้ากอบโกยผลประโยชน์เพื่อตัวเองและพวกพ้อง

ไม่พอใจก็เปลี่ยนตัวได้ ก็จริง
แต่ตัวที่มีให้เปลี่ยนเข้ามา ก็โกงทุกตัว

คนดีก็พอมี ไม่ใช่ไม่มี แต่ไม่มีพลังที่จะต้านพวกโกงกินได้

นี่เป็นโจทย์ข้อที่สามที่ผู้บูชาการเลือกตั้งต้องตอบให้ได้

คำถามที่เคยได้ยินผู้บูชาการเลือกตั้งถามย้อนกลับมาก็คือ ก็เมื่อคุณเชื่อว่าคุณไม่โกง คุณก็มีสิทธิ์โดดเข้ามาเล่นการเมือง เพื่อที่คุณจะได้บริหารบ้านเมืองแบบไม่ต้องโกง

คุณรวมพวกคนไม่โกงไม่ได้เอง
แล้วคุณจะมาบ่นคนโกงทำไม

ระบบเขาให้สิทธิ์คุณแล้ว คุณไม่มีความสามารถจะใช้สิทธิ์เอง
แล้วคุณจะไปโทษใคร

ผมก็คงไม่กล้าจะตอบว่ากระไร นอกจากยอมรับว่า เป็นความผิดของคนไม่โกงที่ยอมยกบ้านเมืองให้คนโกง

-----------------

ถ้าจะเปรียบเทียบพอขำๆ การเลือกตั้งก็เหมือนชามใส่อาหาร
วิธีทำงานเหมือนอาหารที่อยู่ในชาม

เราตั้งกติกากันไว้ว่า ใครสามารถหยิบชามใบนั้นไปได้ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนด คนนั้นได้สิทธิ์ที่จะไปทำอาหารใส่ชามมาให้เรากิน

ใครที่ได้ชามใบนั้นไปโดยไม่ถูกต้องตามกติกา แม้จะทำอาหารดี อร่อยขนาดไหน ก็ไม่มีสิทธิ์ทำอาหารให้เรากิน

นั่นคือ เราสนใจแต่เรื่องชาม แต่เราไม่ได้สนใจอาหารที่อยู่ในชาม

นักการเมืองเขารู้ธรรมชาติเรื่องนี้ดี เขาจึงสนใจแต่วิธีที่จะได้ชามไป และวิธีที่จะกอบโกยผลประโยชน์ใส่ชามเพื่อตัวเองเท่านั้น

นักการเมืองสนใจอยู่ ๒ เรื่องเท่านั้น คือ -

๑ ทำอย่างไรจึงผ่านประตูวิเศษไปได้ เขาจะทำทุกวิถีทางที่จะชนะการเลือกตั้ง ผิดถูกชั่วดีไม่ต้องพูดถึง

นี่ไม่ใช่แกล้งพูด แต่เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นมาแล้วทุกยุคทุกสมัยและจะเกิดต่อไปอีก

๒ ทำอย่างไรจึงจะกอบโกยผลประโยชน์เพื่อตัวเองและพวกพ้องให้ได้มากที่สุด

นี่ก็ไม่ใช่แกล้งพูด แต่เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นมาแล้วทุกยุคทุกสมัยและจะเกิดต่อไปอีกเช่นกัน

ช่วงที่ชิงกันเข้าประตูวิเศษ เขาจะเอาอาหารส่วนตัวใส่ชามส่วนตัวมาวางให้ประชาชนกิน

แต่พอเข้าประตูวิเศษไปได้แล้ว เขาจะเอาชามที่เขาได้สิทธิ์ถือครองนั้นใส่อาหารของประชาชนเอาไปกินกันในหมู่ญาติพี่น้องพวกพ้องของเขาอย่างเอร็ดอร่อยและอิ่มหมีพีมัน

แต่เอาเศษๆ ใส่ชามมาวางให้ประชาชนกิน

..................

โปรดจำไว้ว่า บ้านเมืองเรา-หรือจะว่าไปแล้วก็คือโลกของเรา-สั่งสอน อบรม และเชื่อกันเสียแล้วว่า ใครจะทำประโยชน์อะไรให้แก่เพื่อนมนุษย์และแก่สังคม เขาจะต้องมีตำแหน่ง มีหน้าที่ มีผลประโยชน์ตอบแทน และที่สำคัญ-จะต้องผ่านประตูวิเศษเข้าไปเสียก่อน

ถ้าไม่ใช่อย่างที่ว่านี้ละก็ ต่อให้สิ่งที่ควรทำหล่นตุ้บลงมากองอยู่ตรงหน้า ก็จงอย่าได้ทำเป็นอันขาด เพราะถ้าคุณทำ คุณจะกลายเป็นไอ้งั่งอะไรตัวหนึ่งไปทันที

เราสอนกันไว้อย่างนี้

ฟังเหมือนผมกำลังแอนตี้นักการเมืองและการเลือกตั้ง

ขอเรียนให้ทราบว่าผมศรัทธาระบอบประชาธิปไตยอย่างยิ่ง

ตั้งแต่มีสิทธิ์เลือกตั้งมา ผมไปเลือกตั้งทุกครั้ง

มีอยู่ครั้งเดียวที่ผมไม่ได้ไปเลือกตั้ง คือครั้งล่าสุดที่ผ่านมา ที่มีการขอร้องว่าอย่าไปเลือกตั้งเนื่องจากมีอะไรหลายอย่างไม่ชอบมาพากล

ผมศรัทธาระบอบประชาธิปไตย
แต่ผมไม่ศรัทธานักการเมือง-ซึ่งแทบทั้งหมดไร้คุณธรรม

นักการเมืองที่ดีต้องมีจิตใจแบบพระโพธิสัตว์
คือมุ่งบำเพ็ญประโยชน์เพื่อเพื่อนมนุษย์โดยไม่เลือกหน้า
และไม่หวังประโยชน์ส่วนตัวด้วยประการทั้งปวง

พระโพธิสัตว์ บริหารตนเพื่อประโยชน์ของบ้านเมือง
แต่นักการเมือง บริหารบ้านเมืองเพื่อประโยชน์ของตน

พูดอย่างนี้จะมีคนบอกว่า ลุงหลงยุคแล้ว มนุษย์แบบที่ลุงว่าน่ะไม่มีหรอก

ก็คงเหมือนกับที่ไอสไตน์เคยพูดถึงมหาตมะคานธีว่า ในอนาคตจะไม่มีใครเชื่อว่าเคยมีคนอย่างคานธีเดินอยู่บนโลกใบนี้

....................

เราเคยแต่ได้ยินนักการเมืองปราศรัยต่อหน้าฝูงชน-ว่าเขาจะทำนั่นทำโน่นเพื่อประเทศชาติและประชาชน

แต่มีใครสักกี่คนที่เคยได้ยินนักการเมืองพูดคุยกันในหมู่พรรคพวกของเขา-พูดคุยกันลับหลังฝูงชน-ว่าเขาจะทำนั่นทำโน่นเพื่อประเทศชาติและประชาชน

ในวงข้าววงเหล้า ในหมู่พรรคพวกของเขา ในที่ลับหลังฝูงชน เขาพูดกันแต่เรื่องที่-จะทำอะไรและทำอย่างไรเขาและพวกพ้องของเขาจึงจะได้ประโยชน์อะไร

ประเทศชาติและประชาชนจะได้อะไร-เป็นแค่ผลพลอยได้เท่านั้น

ใครจะว่า-ผลพลอยได้ก็ยังดีกว่าไม่ได้อะไรเลย-ก็เชิญว่ากันไป

เพาะฉะนั้น วิธีที่ดีที่สุดคือ อย่าเชื่อผม และอย่าเชื่อใคร แต่จงศึกษาอดีต เทียบเคียงปัจจุบัน และเตรียมตัวเผชิญอนาคต-ด้วยตัวของแต่ละคนเอาเอง

ถ้ายังงงอยู่ก็จงย้อนกลับไปอ่านมาจากข้างต้นอีกเที่ยวหนึ่ง แล้วตั้งสติ

เพราะอีกไม่กี่วันก็จะถึงวันชิงกันเข้าประตูวิเศษอีกแล้ว




นาวาเอก ทองย้อย แสงสินชัย
๗ มีนาคม ๒๕๖๒
๑๐:๓๐

[full-post]


Thanathorn Juangroongruangkit - ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ

ความพยายามที่จะทำลายผมและพรรคอนาคตใหม่ยังเกิดขึ้นต่อเนื่องด้วยการบิดเบือนข้อเท็จจริงเพื่อให้ประชาชนเข้าใจผิดและเกลียดชังผม
.
ที่ผ่านมาเราพยายามที่จะไม่ตอบโต้หรือสาดโคลนกลับ พวกเราชาวอนาคตใหม่กำลังทำภารกิจสำคัญด้วยกัน ดังนั้นขอให้เราหนักแน่น อย่าหวั่นไหวไปกับข่าวที่มุ่งหวังทำลายเรา การเดินทางเพื่อเปลี่ยนแปลงยังอีกไกล จับมือกันไว้ให้แน่นและแสดงให้พวกเขาเห็นว่าอุดมการณ์ของเราแข็งแกร่งกว่าที่เขาคิดมากนักและจะไม่โดนทำลายด้วยการเมืองเก่าสกปรกเช่นนี้
.
อนาคตใหม่วันนี้คือกุญแจดอกสำคัญ คือตัวแปรสำคัญที่จะหยุดยั้งการสืบทอดอำนาจของเผด็จการ ความรุนแรงและความถี่ในการโจมตีผมและพรรคอนาคตใหม่อย่างเป็นระบบ แสดงให้เห็นถึงลมหายใจเฮือกสุดท้ายของเผด็จการที่ต้องการสืบทอดอำนาจ
.
-------------
.
ในกรณีของหุ้นปิคนิค (PICNI) มีการพยายามโยงว่าผมเกี่ยวข้องกับคดีอื้อฉาวของคุณสุริยา ลาภวิสุทธิสิน ผู้ถือหุ้นเดิม และผมอยู่ในเครือข่ายอุปถัมภ์เดียวกับกลุ่มผู้ถือหุ้นใหม่ ข่าวดังกล่าวมาจากสื่อบางสำนัก ซึ่งผมขอชี้แจงดังนี้
.
1. ผมไม่เคยรู้จักและไม่เกี่ยวข้องใดๆ กับคุณสุริยา ผู้บริหารเดิมของปิคนิค และไม่เคยเข้าไปมีส่วนบริหารใดๆ กับปิคนิคเดิมเลย คดีที่เกี่ยวข้องกับคุณสุริยาเกิดขึ้นนานนับสิบปีก่อนที่ผมจะเข้ามาซื้อหุ้นบางส่วนในบริษัท (ดูไทม์ไลน์ที่คุณณัฐวุฒิ รุ่งวงษ์ สรุปมาได้ที่ https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=2372868842765193&id=100001263023794&sfnsn=mo )
.
2. เมื่อกลุ่มผู้ถือหุ้นใหม่ต้องการเข้าฟื้นฟูกิจการ PICNI ด้วยการควบรวมบริษัทกับ World Gas ผมได้รับการขอร้องจากผู้ใหญ่ท่านหนึ่งให้เข้าไปช่วยซื้อหุ้นที่เพิ่มทุน เพราะทุนไม่พอต่อการปรับโครงสร้างบริษัท ผมเข้าไปลงทุนหลังคดีความของปิคนิคเดิมที่เกี่ยวข้องกับคุณสุริยาหลุดจากบริษัทปิคนิคไปแล้ว
.
3. ผมตัดสินใจช่วยเพราะผมได้ put option ที่จะทำให้ผมขายคืนได้ด้วยผลตอบแทนร้อยละ 7-8 ต่อปี ผมถือหุ้นไว้ระยะเวลาหนึ่งก็ขายออกไปให้กับนักลงทุนอื่นบางส่วน และใช้ put option ขายหุ้นส่วนที่เหลือคืนกลุ่มที่เสนอขายให้ผม
.
4. ตลอดเวลาที่ผมถือหุ้นอยู่ ผมไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับการบริหารบริษัท หรือกระทำการใดๆ ให้บริษัทเสื่อมเสียในฐานะผู้ถือหุ้น แม้แต่ผู้ถือหุ้นท่านอื่น (เช่น คุณอัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา, คุณชัชวาลย์ เจียรวนนท์, คุณวัฒน์ชัย วิไลลักษณ์) ผมก็ไม่ได้รู้จักกันเป็นส่วนตัว เท่าที่จำได้ แม้แต่การประชุมผู้ถือหุ้น ผมก็ไม่เคยไปด้วยตัวเองสักครั้ง
.
-------------

ในกรณีของบริษัท วัน โอ ซี คอร์โปเรชัน จำกัด มีความพยายามที่จะทำให้ประชาชนเชื่อว่า บริษัทวันโอซีที่ผมถือหุ้นอยู่ ทำกิจการโรงเลื่อยและสัมปทานค้าไม้ จนทำให้มีคนนำเรื่องนี้ไปโจมตีต่อว่าเป็นโรงเลื่อยเถื่อนและทำลายป่าไม้ทำให้เกิดภูเขาหัวโล้น
.
วัน โอ ซี เป็นบริษัทที่ผมเตรียมไว้ใช้ในธุรกิจส่วนตัว แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ใช้บริษัทนี้แต่อย่างใด สถานะของบริษัทนี้ตลอดมาเป็น sleeping company ปัจจุบันบริษัทนี้อยู่ในระหว่างปิดกิจการ
.
ธรรมเนียมปฏิบัติทั่วไปในภาคธุรกิจอันเกี่ยวข้องกับการจดทะเบียนบริษัท มักระบุขอบเขตกิจการของบริษัทกว้างๆ ไว้ ซึ่งโดยมากเขียนกันเป็นมาตรฐาน เพื่อให้เมื่อประกอบกิจการแล้วขยับขยายต่อไปจะได้ไม่ต้องไปขอแก้ไขเพิ่มอันจะเสียเวลาทั้งของเจ้าหน้าที่รัฐและผู้ประกอบการ ซึ่งเรื่องนี้คนทั่วไปที่ทำธุรกิจและสื่อมวลชนก็เข้าใจเป็นอย่างดีว่าเป็นเรื่องปกติทั่วไป
.
ดังนั้นการนำเอาวัตุประสงค์ของบริษัท วัน โอ ซี เพียงบางข้อในหนังสือจดทะเบียนนิติบุคคลมากล่าวหาว่าผมเป็นเจ้าของโรงเลื่อยและสัมปทานค้าไม้โดยไม่มีหลักฐานอื่นใดมายืนยัน จึงเป็นการสร้างข่าวเท็จที่มุ่งหวังจะสร้างความเกลียดชังในสังคม
.
ต้องยอมรับว่าผมเสียดายอย่างยิ่งสำหรับสำนักข่าวที่เป็นผู้จุดประเด็นนี้ เนื่องจากเคยเป็นความหวังของสังคมไทยว่าจะยืนหยัดตรวจสอบผู้มีอำนาจอย่างตรงไปตรงมา เป็นธรรม ไม่มีอคติและไม่เลือกปฏิบัติ
.
-------------------------
ผมยืนยันในข้อเท็จจริงทั้งสองกรณี สำนักข่าวใดมีข้อเท็จจริงหักล้างคำกล่าวของผมข้างต้น ผมยินดีรับฟัง แต่หากไม่มีหลักฐานพิสูจน์คำกล่าวหา กรุณาอย่าทำลายกันด้วยการเมืองแบบนี้เลยครับ เพราะด้วยการเมืองแบบเก่าที่สร้างให้ประชาชนชิงชังกันเองแบบนี้ ประเทศถึงไม่พัฒนาไปไหนในรอบสิบกว่าปีที่ผ่านมา
.
------------------------
.
ในโลกที่กระแสโลกาภิวัตน์เชี่ยวกราก สื่อทุกสำนักต้องปรับตัวเพื่อความอยู่รอดทางธุรกิจ ประชาชนจากเดิมที่เป็นเพียงผู้เสพข่าวกลายเป็นทั้งผู้เสพ ผู้เขียน และตัวแสดงในคนคนเดียวกัน สื่อคือตัวกลางที่เชื่อมระหว่างข่าวกับผู้เสพข่าว ตัวกลางที่ไม่มีประสิทธิภาพ ไม่มีคุณภาพ หรือไม่สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ผู้อ่านได้ จะถูกเทคโนโลยีทำลายหายไป
.
องค์กรสื่อทั้งหมดเผชิญกับรายได้ที่ลดลง ผลประกอบการส่วนใหญ่ขาดทุน และยังหารูปแบบการทำธุรกิจที่ทำกำไรอย่างยั่งยืนไม่ได้ ถ้าผมเป็นผู้บริหารสื่อบางสำนัก แทนที่จะเอาเวลามาสร้างความเกลียดชังกันในหมู่ประชาชน ผมจะนำเวลาไปพัฒนาความรู้และทักษะของคนในองค์กรเพื่อตอบสนองกับแนวโน้มการเปลี่ยนแปลง เพื่อสร้างข่าวที่มีคุณภาพกว่าคนอื่น องค์กรธุรกิจสื่อสมัยใหม่จะอยู่ได้ก็ด้วยคุณภาพ
.
ผมยกตัวอย่างเช่น เมื่อครั้งผมไป World Economic Forum ที่เวียดนาม นักข่าวจาก Channel NewsAsia สำนักข่าวจากสิงคโปร์ มาสัมภาษณ์ผม เขาคนเดียวตั้งกล้องวิดีโอ, ถ่ายภาพนิ่ง, ทำประเด็น และสัมภาษณ์ด้วยตัวเองโดยมีเนื้อหาคำถามอันแหลมคม ภายใน 3 ชั่วโมงหลังการสัมภาษณ์ ข่าวถูกตีพิมพ์เผยแพร่ในโลก online เนื้อหาถูกเขียนสรุป พร้อมบริบทการเมืองที่ไม่ได้อยู่ในการสัมภาษณ์เพื่อปูพื้นฐานความเข้าใจ คลิปประโยคสำคัญถูกตัดต่อให้สั้นกระชับและแนบในเนื้อข่าว ทั้งหมดทำโดยคนๆ เดียว นี่คือองค์กรสื่อสมัยใหม่ชั้นนำ
.
ทว่าองค์กรสื่อไทยบางองค์กรกลับเลือกวิธีที่คิดสั้น เพราะการลงทุนลงแรงเพื่อเปลี่ยนแปลงมันยาก, ต้องเสี่ยง, เหนื่อย และใช้เวลา ทางเลือกอื่นคือหันไปรับใช้เผด็จการเพื่อผลประโยชน์ระยะสั้นโดยยอมทิ้งเสรีภาพและจรรยาบรรณสื่อในการเสนอข่าว
.
เมื่อสื่อบางสำนักยังเขียนถึงผมในลักษณะสร้างความเกลียดชังด้วยความเท็จเช่นนี้ ประชาชนจะแน่ใจได้อย่างไรว่าข่าวที่สื่อสำนักนั้นเขียนถึงคนอื่นจะไม่มีลักษณะแบบเดียวกัน
.
ผมขอให้กำลังใจสื่อมวลชนทุกท่านที่ยังมีความหวังและเชื่อมั่นอยู่ว่าสื่อมวลชนที่เข้มแข็งคือเสาหลักต้นหนึ่งของประชาธิปไตย ขอให้กำลังใจทุกคนที่ยืนหยัดในเกียรติภูมิของนักข่าว สำหรับผม ไม่ว่าเทคโนโลยีจะเปลี่ยนวงการสื่อไปแค่ไหน การตีแผ่ความจริงที่ผู้มีอำนาจไม่อยากให้ประชาชนรู้ หรือการเป็นปากเป็นเสียงให้แก่ผู้ที่ถูกกดขี่คุกคาม ยังเป็นสิ่งที่น่าหลงใหลและน่านับถืออยู่เสมอ
.
---------
อ้างอิง
.
เปิดประวัติการครอบครองหุ้นของ ธนาธรและมารดา #ธนาธร-รัก-พ่อ?http://www.komchadluek.net/ne…/hit-issue-thansettakij/363890
.
'ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ' "อนาคตใหม่" อดีตเก่าๆ กับหุ้น PICNIChttp://www.komchadluek.net/ne…/hit-issue-thansettakij/364273
.
ไม่ใช่แค่ซัมมิท! ‘เสี่ยเอก ธนาธร’ เจ้าของโรงเลื่อย ปิดตัวปลายปี 61https://www.isranews.org/isranews/74337-report00-74337.html
.
TimeLineหุ้นPICNIC กับความ(ไม่)เกี่ยวข้องกับธนาธรhttps://www.facebook.com/story.php?story_fbid=2372868842765193&id=100001263023794&sfnsn=mo
ขับเคลื่อนโดย Blogger.