สุขุม สมหวัง ยังวัน
ใครแพ้ใครชนะ (2)
ตอนที่ 1 >>https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=10217627302983111&id=1494837804
คราวนี้มาพูดถึงฝ่ายประชาธิปไตยกันบ้าง
1. คณะราฎร ประกาศล่วงหน้าถึงการชุมนุมครั้งต่อไปที่สำนักงานทรัพย์สินฯ เป็นเวลาเกือบอาทิตย์เต็มๆ ข้อดีคือทำให้ประชาชนรู้จุดหมายล่วงหน้า สามารถวางแผนการเดินทางล่วงหน้า และศึกษาทางหนีทีไล่ไว้ก่อน และรู้ว่าเป้าทางการเมืองของการชุมนุมครั้งนี้คืออะไร
แต่ข้อเสียคือ ทำให้ฝ่ายรัฐ สามารถเตรียมการต่อต้านล่วงหน้าได้อย่างแน่นหนา จนยากที่จะตีฝ่าเข้าไปได้
ยิ่งใกล้กำหนดนัด ยิ่งมีเสียงเรียกร้องหนาหูขึ้นเรื่อยๆให้ "แกง" หรือ "เท" เป้านั้นเสีย ซึ่งก็ได้รับการตอบรับจากแกนนำแทบจะในทันที จึงเกิดการเปลี่ยนแปลงสถานที่เป็นอนุเสาวรีย์ประชาธิปไตย ในเย็นวันสุกดิบ และเปลี่ยนอีกครั้งเป็นที่ SCB ในคืนเดียวกัน ทำให้ราเห็นว่า
1.1 ทุกคนคือแกนนำอย่างแท้จริง แกนนำรับฟังเสียงของมวลชนอย่างแท้จริง ขบวนการนี้ เป็นขบวนการประชาธิปไตยอย่างแท้จริง มิได้ขับเคลื่อนด้วยการชี้นำจากแกนนำเพียงกลุ่มเดียว
1.2 ความยืดหยุ่นอ่อนตัว ไม่เข้าเผชิญหน้าอย่างดึงดันหักหาญ โดยมีเป้าหมายทางการเมืองเป็นหลักชัย
1.3 ความรับผิดชอบต่อความปลอดภัยของมวลชนอย่างดีเยี่ยม ทำให้มวลชนยิ่งเชื่อมั่นต่อขบวนการนี้ ที่จะทำให้มีคนเข้าร่วมมากยิ่งขึ้นในอนาคต
2. เป้าหมายทางการเมืองหลัก คือเปิดโปงการฉ้อฉลทรัพย์สินของแผ่นดิน ในรูปของทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ที่มีสำนักงานทรัพย์สินฯเป็นสัญลักษณ์ เมื่อสำนักงานทรัพย์สินฯ ถูกปิดล้อมอย่างแน่นหนา ก็กำหนดเป้าใหม่ที่ SCB ที่เป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์สำคัญไม่แพ้กัน และผลทางการเมืองก็ชัดเจนแล้วว่า สามารถเปิดโปงจนบรรลุผลทางการเมืองได้สมเจตนารมณ์ การปราศรัยที่พุ่งเป้าใส่ชนชั้นปกครอง มีทั้งข้อกฎหมาย และตัวเลขที่อ้างอิงได้อย่างมีน้ำหนักแน่นหนา ทำให้ชนชั้นปกครองตกเป็นฝ่ายตั้งรับอย่างจนต่อหลักฐาน
3. มีบุคคลชั้นนำอย่างอ.สุลักษณ์ ศิวลักษณ์ หนึ่งในปัญญาชนสยามและผศ.ดร.ษัษฐรัมย์​ ธรรมบุสดี​ แห่ง มธ. กล้าประกาศตัวเข้าร่วมขบวนการนี้อย่างชัดเจนเปิดเผย ย่อมสร้างผลสะเทือนอย่างลึกล้ำต่อวงการนักวิชาการและปัญญาชนไทย ทำให้เชื่อได้ว่า เร็วๆนี้ จะต้องมีบุคคลอื่นๆ ออกมาเปิดตัวสนับสนุนเพิ่มมากขึ้นอีกแน่นอน
4. ยุทธวิธีมุ้งมิ้ง แต่แฝงนัยอย่างเหนือชั้นทันยุค แกนนำประกาศเชิญชวนมวลชน แต่งกายมาม็อบแบบมุ้งมิ้งจัดเต็ม แม้แต่ตัวแกนนำคนสำคัญอย่างเพนกวิน หรือทนายอานนท์ ก็ขึ้นเวทีปราศรัยด้วยชุดเป็ดสีเหลืองน่ารักน่าเอ็นดู เป็นภาพที่ขัดแย้งกันอย่างยากจะเชื่อได้ว่า พวกเขาคือคนที่ขึ้นปราศรัยในเรื่องอันหมิ่นเหม่อย่างเผ็ดร้อน และได้สาระสำคัญครบถ้วน เป็นการต่อสู้ที่เต็มไปด้วยอารมณ์ขัน ทำให้บรรยากาศของม็อบเป็นไปอย่างผ่อนคลายไม่เคร่งเครียด มวลชนได้รับเนื้อหาของคำปราศรัยไปอย่างเต็มๆ
ที่เด็ดสุดของม็อบคืนนี้ คือคูปองเป็ดแทนเงินสดของราษฎร เป็นคูปองหน้าตาน่ารักน่าชัง แต่แฝงความหมายลึกซึ้ง สั่นสะเทือนวงการการเงินการคลังของประเทศ ลึกซึ้งจนสื่อหลักบางแห่ง เอาไปทำสกู๊ปพิเศษออกอากาศเผยแพร่ไปทั่วโลก
นอกจากจะสามารถใช้จับจ่ายสินค้าจากรถ CIAได้จริงแล้ว ยังกลายเป็นของสะสมระดับ rare item ที่ผู้คนอยากได้ไว้ในคอลเล็คชั่นส่วนตัว เราจะไม่แปลกใจเลยว่า ม็อบครั้งหน้า หากแกนนำประกาศว่าจะมีการแจกคูปองนี้อีก นักสะสมทั้งหลาย จะแฝงตัวเข้ามาในม็อบ เพื่อเก็บสะสมคูปองนี้อย่างล้นหลาม นับว่าเป็นอุบายที่แยบยลลึกซึ้งเหนือคำบรรยายจริงๆ
5. จากแกงเทโพเป็นแกงโฮะ การย้ายสถานที่ชุมนุมอย่างฉับพลันทันการณ์ ทำให้เจ้าหน้าที่ของรัฐ ที่ขนเอาบังเกอร์ ตู้คอนเทนเนอร์ และกองกำลังหลายสิบกองพัน ออกมาเตรียมตั้งรับอย่างเอิกเกริกโกลาหล แล้วถูกเท หรือถูกแกงอย่างเจ็บแสบซึ่งๆหน้า ยิ่งทำให้ชนชั้นปกครองไทย กลายเป็นตัวตลกเอกในเวทีโลก ชาวบ้านออกมาก่นด่ากันขรม เพราะทำให้รถติดไปทั่วกรุง ความน่าเชื่อถือต่อรัฐบาลที่มีน้อยอยู่แล้ว ลดต่ำลงเป็นติดลบภายในชั่วข้ามคืน ภาวะรัฐล้มเหลว กำลังกัดกินรัฐบาลจนถึงกระดูก
6. กระแสสื่อเริ่มตีกลับ เริ่มมีสื่อกระแสหลัก พูดถึงข้อเรียกร้องปฏิรูปสถาบันฯ 10 ข้อ อย่างชัดเจนตรงไปตรงมา หลังจากที่ต้องละไว้ในฐานที่ไม่เข้าใจมานาน เท่ากับการทลายเพดานของสื่อให้เปิดโบ๋โล่งโจ้งขึ้น นั่นจะบังคับให้สื่ออื่นๆ ต้องนำเสนอข่าวในทำนองเดียวกันนี้กว้างขวางกว่าที่เคยเป็นมา
7. มาตรา 112 สิ้นมนต์สะกด แต่กลับกลายสภาพเป็นมนต์ดำย้อนเข้าแช่งชักชนชั้นปกครองไทยเอง ทั้งรัฐมนตรีสวีเดน ทั้งองค์กรทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนของต่างประเทศ ที่มีภรรยาของดาราดังเป็นตัวแทน และอีกหลายองค์กร จากหลายประเทศ ดาหน้าออกมาประสานเสียงคัดค้านการใช้กฎหมายมาตรานี้กันโดยไม่ต้องนัดหมาย แต่หากเขาจะดึงขืนดึงดันใช้ต่อไป อย่าว่าแต่เยอรมันนีที่เขาจะกลับไปเสวยสุขอีกไม่ได้เลย แค่จะเหยียบย่างออกจากกะลาเล็กๆใบนี้ ยังยากยิ่งที่จะทำได้
8. ก้าวกระโดดอันยิ่งใหญ่ หลังจากม็อบผ่านการถูกปราบปราบด้วยรถฉีดน้ำผสมสารเคมีร้ายแรง และแก๊สน้ำตา และถูกอันธพาลลอบยิงมาสองครั้งสองครา ไม่นับรวมการจับกุมด้วยสารพัดข้อหาอีกนับครั้งไม่ถ้วน ไม่รวมกับการปล่อยข่าวลือ ข่าวลวงอีกสารพัด ม็อบไม่เพียงแต่ยังดำรงอยู่ได้ หากแต่กลับยิ่งเข้มแข็งขึ้นทั้งปริมาณและคุณภาพ และมีแนวโน้มอย่างเห็นได้ชัดว่า กำลังก้าวกระโดดสู่คุณภาพใหม่ที่น่าตื่นใจ จะเห็นได้ชัดจากที่ก่อนสลายตัว ยังได้นัดหมายการชุมนุมล่วงหน้าในอีกเพียงสองวัน โดยปิดสถานที่นัดหมายเป็นความลับ
เป็นการตีเหล็กขณะที่กำลังร้อนแดง และสรุปบทเรียนข้อผิดพลาดจากครั้งก่อน เป็นการตัดสินใจที่เฉียบแหลมและทันสถานการณ์อย่างยิ่ง เพราะอย่าลืมว่า วันที่ 2 ธ.ค. ที่จะถึงนี้ ศาลรธน. มีนัดอ่านคำพิพากษาคดีตู่อยู่บ้านหลวง เป็นโอกาสสุดท้ายที่ชนชั้นปกครอง จะเปลี่ยนม้ารับใช้ หากยังดื้อด้านใช้ม้าตัวนี้ต่อไป มีแต่จะพากันลงเหวกันทั้งม้าทั้งคนขี่
การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในอดีต ไม่เคยสำเร็จลงได้ภายในวันสองวัน ต้องผ่านการต่อสู้อย่างเข้มข้นยาวนานทั้งสิ้น ถ้าเรานับเอาการเปลี่ยนแปลงในวันที่ 24 มิ.ย. 2475 เป็นหมุดหมายแรก จนถึงปีนี้ ก็รวมเวลาได้ 88 ปีเต็ม ตลอดเวลายาวนานเท่าอายุคนคนหนึ่งนี้ อาจมีบางช่วงกระแสสูง บางช่วงกระแสตกต่ำ แต่เรากล้าพูดได้ว่า ไม่มีครั้งใดเลยที่กระแสการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยสมบูรณ์ จะสูงเท่าทุกวันนี้ ไม่มีครั้งใดเลยในประวัติศาสตร์ยุคใหม่ ที่ฐานรากอันแน่นหนามั่นคงของศักดินา จะถูกขุดเซาะให้สึกกร่อนโงนเงนได้ขนาดนี้
วันเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลง ได้ถูกกำหนดไว้แล้ว ไม่ใช่ด้วยพรหมณ์ หรือเทพองค์ใด หากแต่โดยสองมือของประชาราษฎรนี่ต่างหาก ที่เหลือก็เพียงแค่เดินหน้าไปช่วงชิงมันมาเท่านั้น ขอจบบทความนี้ด้วยคำพูดของอาจารย์ษัษฐรัมย์​ วาทะแห่งค่ำคืนวานที่ว่า "เมื่อเรากล้าจะยืนขึ้น เราจะเห็นว่าศัตรูของเราตัวเล็กนิดเดียว"
ประชาชนจงเจริญ!


แสดงความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.