iLaw
ชุมนุมซ้อมต้านรัฐประหาร “ทำไม-อย่างไร” รวมปราศรัยแกนนำ 

27 พ.ย.2563 คณะราษฎรนัดหมายชุมนุม 5 แยกลาดพร้าวในธีม ‘ซ้อมต้านรัฐประหาร’ หลังจากช่วงที่ผ่านมามีข่าวลือการรัฐประหารในโซเชียลมีเดีย เวทีตั้งขึ้นหลังเวลานัดหมายเวลาประมาณ 17.00 น. ประชาชนทยอยมาร่วมจนแน่นเช่นเคย นอกจากเวทีใหญ่ยังมีจุดปราศรัยย่อยๆ และกิจกรรมย่อยในพื้นที่ชุมนุมอีกหลายจุด
“การรัฐประหารครั้งเดียวที่ยอมรับได้คือ อภิวัฒน์สยาม 2475 จากสมูบรณาญาสิทธิราชย์มาเป็นประชาธิปไตย” โฆษกกล่าวเปิดเวทีและระบุว่า ไทยมีการรัฐประหารซ้ำแล้วซ้ำเล่ารวมทั้งสิ้น 24 ครั้ง สำเร็จ 13 ครั้ง ไม่สำเร็จ 11 ครั้ง และทุกครั้งที่สำเร็จล้วนมีการรับรอง จึงขอคำมั่นสัญญากับประชาชนว่าจะไม่ยอมต่อการละเมิดสิทธิอีก จะต่อต้านทุกรูปแบบและไม่ยอมให้รัฐประหารบังเกิดขึ้นอีกในประเทศที่เรารักและหวงแหน
@@@ ไมค์ ภาณุพงศ์ จาดนอก กล่าวถึงข้อปฏิบัติในการต่อต้านรัฐประหาร สิ่งที่ประชาชนทำได้ทันทีคือ
1.ทำคาร์ม็อบ จอดรถทำให้ถนนเป็นอัมพาต
2.ประชาชนออกมาให้มากที่สุด ยึดห้าแยกลาดพร้าว ทำให้ลำเลียงยุทโธปกรณ์ไม่ได้ รวมถึงการยึดทุกแยกในกรุงเทพฯ และปริมณฑล
3.แสดงสัญลักษณ์ โบขาว-เป็ด แสดงซ้ำๆ ทุกครั้ง ผูกโบว์ขาวทุกที่ ถ้ามีการแกะออกก็ให้ผูกใหม่
4.ไม่ทำตามคำสั่งใดๆ ของกบฏที่ฉีกรัฐธรรมนูญ
“การติดคุกจะไม่มีเด็ดขาดหากประชาชนชนะกบฏ เมื่อไรที่มีคณะอะไรก็ตามตั้งขึ้นมาอีก ไม่ต้องทำตามคำสั่ง ถ้าไม่สามารถควบคุมพวกเราได้ภายใน 3 วัน พวกมันจะกลายเป็นกบฏแผ่นดินทันที อีกหนึ่งอย่างที่สำคัญคือ พระมหากษัตริย์ก็มีส่วนในการเซ็นรับรอง ครั้งนี้จะไม่เกิดขึ้นอีก พวกเราจะออกจากบ้านมาปกป้องพระมหากษัตริย์ ให้อยู่นอกอำนาจ ไม่ให้พระมหากษัตริย์เป็นเครื่องมือของกบฏเป็นอันขาด” ไมค์กล่าว
ไมค์กล่าวอีกว่า ส่วนการต้านรัฐประหารในระยะยาว คือ การไม่อุดหนุนนายทุนที่สนับสนุนคณะรัฐประหาร อย่าซื้อของห้าง อย่าซื้อของเซเว่นฯ ให้ซื้อของที่ร้านชำ เพื่อไม่ให้นายทุนผูกขาดสนับสนุนรัฐบาลรัฐประหารอีก
เขายังกล่าวตอบคำถามมวลชนจำนวนหนึ่งว่าที่ทำอยู่นี้สำเร็จบ้างหรือไม่ว่า เราสำเร็จไปแล้วเกินครึ่ง สิ่งแรกที่สำเร็จคือ การทำให้นักเรียน นิสิต นักศึกษา ลุกขึ้นมาปกป้องสิทธิเสรีภาพของตัวเองได้ในโรงเรียน สิ่งที่สองคือ การวิพากษ์วิจารณ์สถาบันกษัตริย์แบบสาธารณะ วันก่อนสื่อหลายสำนักนำเสนอเรื่องสำนักทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ ทั้งที่ผ่านมาไม่เคยเห็นใครทำเรื่องนี้เลย ส่วนข้อเรียกร้อง 3 ข้อคือน้ำมันให้ขบวนการเราขับเคลื่อนได้
“ทุกวันนี้เราเป็นขบวนการประชาธิปไตยที่ใช้สันติวิธี สู้ด้วยสมอง สู้ด้วยสติปัญญา นี่คือพัฒนาการของพวกเราที่รับรู้ข้อมูลจากโซเชียล แม้แต่เรื่องของสุรชัย แซ่ด่าน ที่ศพลอยแม่น้ำโขงมาแล้วศพหาย เราหลายคนตาสว่างมากขึ้นจนทำให้พวกเราทนไม่ได้อีกแล้วกับประวัติศาสตร์ที่ไม่เคยเขียนผู้กล้า ไม่เคยเชิดชูไพร่อย่างพวกเรา แต่ต่อไปนี้ในหน้าประวัติศาสตร์ไทยต้องมีคณะราษฎร 2563 โดยมีพ่อแม่พี่น้องทุกคนอยู่ในหน้าประวัติศาสตร์นั้น และจะต้องเป็นประวัติศาสตร์ที่ไม่มีคนตายหรือเสียเลือดเสียเนื้ออีก” ไมค์กล่าว
@@@ ครูใหญ่ อรรพถล บัวพัฒน์ กล่าวว่า หากเกิดการรัฐประหารขึ้น ครั้งนี้จะเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ชาติไทยที่ประชาชนจะออกมาต้านอย่างมหาศาล ต้นทุนนอกจาอาวุธ กำลังพลเป็นส่วนหนึ่ง แต่อีกต้นทุนหนึ่งที่ต้องจ่ายคือ ต้นทุนความศรัทธา ศรัทธาที่เหลืออยู่ไม่มากมันจะหมดไปถ้ารัฐประหารเกิดขึ้น ทั้งนี้ประเด็นทหาร ประเด็นทุน มีคนพูดถึงมากแล้ว วันนี้สิ่งหนึ่งที่ต้องพูดคือ การปฏิรูปศาสนา เราจำเป็นต้องดึงศาสนาออกจากอำนาจรัฐ ถ้าทำได้เราจะปฏิรูปประเทศนี้ได้อย่างแท้จริง เพราะศาสนาแทรกซึมอยู่ในการศึกษา ในสื่อ และเป็นตัวบอกให้เราจำยอมผู้มีบุญมากกว่า รัฐจะต้องแยกออกจากศาสนาแล้วเลิกใช้ศาสนาเป็นโฆษณาชวนเชื่อ
@@@ ตัวแทนกลุ่มรามคำแหงเพื่อประชาธิปไตย กล่าวว่า เราไม่ต้องการรัฐประหาร และจะไม่ให้รัฐประหารเกิดขึ้นอีกแล้ว ย้ำกันอีกครั้งว่า 3 ข้อเรียกร้องเราจะไม่ลดเพดาน 1.รัฐบาลประยุทธ์ และองคาพยพต้องออกไปให้เร็วที่สุด 2. เราต้องการรัฐธรรมนูญจากประชาชนเท่านั้น 3.เราต้องการปฏิรูปให้สถาบันอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับประชาชน ความรุนแรงที่รัฐบาลประยุทธ์ทำไว้กับประเทศนี้ ไม่ใช่แค่การสลายการชุมนุมอย่างเดียว ไม่ใช่จับคนเห็นต่างเข้าคุกอย่างเดียว แต่ที่สำคัญมากคือ บริหารเศรษฐกิจล้มเหลวจนประชาชนเผชิญความยากลำบากอย่างมาก ตัวแทนกลุ่มยังกล่าวด้วยว่า พรรคประชาธิปัตย์สนับสนุนการรัฐประหารมาตลอด สนับสนุนเผด็จการตลอด และเขาจะไม่เลือกพรรคนี้แม้เป็นคนภาคใต้
@@@ รุ้ง ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล กล่าวว่า ความชอบธรรมของประชาชนคือการออกมาชุมนุมใช้สิทธิในการเรียกร้อง ไม่ว่าจะเรียกร้องเรื่องใดก็กระทำด้วยความสงบ และประชาชนจะออกมาทุกวันเพื่อให้เขารู้ว่าไม่ยอมอีกต่อไป และต้องการมากดดันให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยด้วยความเป็นธรรม สำหรับวันนี้ประชาชนออกมาแสดงออกว่า ไม่เอารัฐประหาร ปัจจุบันในโซเชียลมีอินโฟกราฟฟิคมากมายว่าวิธีต่อต้านรัฐประหารนั้นทำอย่างไรได้บ้าง ขอให้ทุกคนหาศึกษาเพื่อเมื่อถึงเวลาเราจะได้เตรียมพร้อม
“การรัฐประหารจะเกิดขึ้นไม่ได้ถ้าผู้ใต้บังคับบัญชาฝืนคำสั่งไม่ยอมทำตาม ขอเรียนเจ้าหน้าที่ชั้นผู้น้อยว่า การรัฐประหารคือกบฏ วินาทีที่ผู้บังคับบัญชาทำรัฐประหาร ไม่มีความชอบธรรมในคำสั่ง และไม่มีความชอบธรรมทางกฎหมายอีกต่อไป อย่าไปฟัง”
@@@ อานนท์ นำภา กล่าวว่า เรามาสู้ด้วยกันด้วยความเป็นปกติ ความเป็นพื้นฐาน คอมมอนเซนส์ความเป็นมนุษย์ ไม่ใช่การต่อสู้ยิ่งใหญ่ซับซ้อน น้องๆ มัธยมออกมาต่อสู้เรื่องทรงผมก็เป็นความคิดพื้นฐานว่า ผมสั้นผมยาวไม่ได้เกี่ยวกับสติปัญญา เราสู้บนพื้นฐานว่า การทำรัฐประหารเข้ามานิรโทษกรรมตัวเอง มันผิดปกติ เราสู้บนพื้นฐานว่า การเลือกตั้งนั้นปกติ การแต่งตั้งพวกพ้อง 250 คนมันผิดปกติ สังคมไทยไม่กล้าปริปากถึงความผิดปกติต่างๆ อีกมาก
“เราแค่ก้าวผ่านความกลัวมาสู้บนพื้นฐานแบบง่ายๆ โคตรง่ายแต่ผู้ใหญ่ไม่กล้าพูด ไม่มีประเทศไหนที่นักวิชาการต้องลี้ภัย”
“เขากลัวและพร้อมทำทุกอย่างที่จะทำให้เรื่องผิดปกติกลายเป็นเรื่องปกติอีกครั้ง เขาพร้อมจะจับคนที่พูดความจริงไปติดคุก ทั้งที่มันเป็นคอมมอนเซนส์ เขาพร้อมจะทำรัฐประหารอีกครั้ง เพราะวันนี้มีการระดมทหารจากต่างจังหวัดมาในกทม.จำนวนมาก”
“คนรุ่นผมอยู่กับความผิดปกติจนเป็นปกติ เข้าโรงหนังเพลงสรรเสริญดังขึ้น ขนาดหลับก็ต้องลุกเพราะมันถูกปลูกฝังมาจนชิน ทุกวันนี้ใครยืนดูผิดปกติ คนเจเนอเรชันใหม่กำลังขยับขึ้นมาแทนอย่างมีนัยสำคัญ คน 18-19 ปี อีก 5 ปีจะสมัครส.ส.ได้ คน 25-30 ปี อีก 5 ปี คนเหล่านี้จะเป็นรัฐมนตรีได้ วันนั้นการเปลี่ยนแปลงที่แท้จริงจะมาถึง” อานนท์ระบุพร้อมย้ำว่าปีหน้าก็อาจจบแล้วเนื่องจากคนทั้งประเทศตื่นแล้ว คนตื่นแล้วจะไม่หลับอีก
“วันนี้เราเรียกร้องให้สถาบันปฏิรูป ไม่ได้เรียกร้องเป็นอย่างอื่น แต่ถ้าวันใดท่านคิดเป็นอย่างอื่นนอกจากระบอบประชาธิปไตย วันนั้นคือเราขาดกัน และการต่อต้านการรัฐประหารจะทำทุกวิถีทางให้กลับมาสู่ระบอบประชาธิปไตย ใช้คอมมอนเซน์ สู้แบบพื้นฐานความเป็นมนุษย์นี่แหละ ผมเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่า พี่น้องอาชีวะมีความสามารถในการแกะรถถังให้เป็นเศษเหล็ก ผมเชื่อว่าพี่น้องวิจิตรศิลป์สามารถสาดสีพ่นสีต้านรัฐประหารได้ ผมเชื่อมั่นในพี่น้องคนอีสานคนใต้จะเอาปลาร้าน้ำบูดูมาสาดใส่ทหารที่รัฐประหาร และเชื่อมั่นว่าพี่น้องทั้งหมดจะมาร่วมต้านรัฐประหารหากมีใครคิดจะทำ การต้านรัฐประหารจะไม่มีใครเป็นแกนนำ ทุกคนเป็นอิสระ เป็นแกนนำของตัวเอง นี่คือพันธสัญญาร่วมกัน”
@@@ ไผ่ จตุภัทร์ บุญภัทรรักษา กล่าวว่า หากมีรัฐประหารเกิดขึ้น เชื่อว่าจะมีประชาชนออกมาต่อต้านเป็นจำนวนมากกว่าในอดีต เป็นแสนเป็นล้าน เราต้องออกมาต่อต้าน คัดค้าน เป็นการยืนยันว่ามีคนที่ไม่เอาเผด็จการ ออกมาชูสามนิ้ว ออกมาทำอะไรก็ได้แสดงให้เห็นว่ามีมนุษย์ที่ไม่เห็นด้วยกับการรัฐประหาร ใช้กำลังแก้ปัญหาทางการเมือง
“ปัญหาของสังคมไทยมันมีมานานมากแล้ว เราวนหลูปแบบนี้เพราะวัฒนธรรมการเมืองแบบผิดๆ ที่ปล่อยให้คนทำรัฐประหารลอยนวล สังคมที่ผู้มีอำนาจใช้กฎหมายโดยไม่คำนึงถึงความยุติธรรม จำกัดความคิดทางการเมือง เพราะคุณไม่สามารถยอมรับความจริงได้ว่าประชาชนเปลี่ยนแปลงแล้ว เมื่อก่อนชาติคือสถาบัน แต่วันนี้ชาติคือประชาชน คำว่า คน ไม่ใช่คนที่ก้มกราบ แต่เป็นคนที่ยืนหยัดอย่างมีศักดิ์ศรี แค่เราเปลี่ยนความคิดของเราในการมองคน ในการมองตัวเอง แค่นี้ก็เป็นการเปลี่ยนแปลงอย่างหนึ่ง เลิกดูถูกตัวเอง ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร คุณกับเจ้าก็มีความเป็นคนเฉกเช่นเดียวกัน”
“ความจนของเราไม่ใช่เพราะเราเกิดมาเป็นเช่นนั้น เราเลือกเกิดไม่ได้ แต่ที่มันจนเพราะโครงสร้างทางการเมืองไม่เป็นธรรม ทางเศรษฐกิจที่ไม่เท่าเทียม ใครเป็นคนผูกขาดทางเศรษฐกิจ แรงงานคนชั้นล่างเป็นคนสร้างโลก สร้างทางที่สะดวกสบาย สร้างห้างสรรพสินค้าใหญ่โต แต่พวกเขาไม่มีศักดิ์ศรีที่จะยืนในสังคมไทยได้อย่างภาคภูมิใจ ... สำหรับคนที่ออกมาต่อสู้ใหม่ๆ ขอปรบมือชื่นชมความกล้าหาญ คุณมองได้ไกลมากกว่าตัวเอง มองเห็นคนอื่น มองเห็นผู้ทุกข์ยาก เห็นอกเห็นใจคนที่ถูกกดขี่ นี่คือความเป็นมนุษย์ มนุษย์ไม่ได้เกิดมาเพื่อฆ่ากัน เกลียดกัน ที่เราเกลียดกันเพราะถูกหล่อหลอม อุดมการณ์ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ไม่เคยพูดถึงความเป็นมนุษย์เลย เขาทำให้คนเหมือนๆ กันทั้งที่เราไม่เหมือนกัน เรามีความหลากหลายแต่สิ่งเดียวที่เหมือนกันคือ เราต้องการความยุติธรรม ความถูกต้อง”
“คณะรัฐประหารเวลาเข้ามาจะอ้างแพทเทิร์นไม่กี่แบบ หนึ่งคือความขัดแย้ง ความวุ่นวาย จริงๆ ความขัดแย้งตอนนี้กับหกปีที่แล้วก็เหมือนเดิม ความขัดแย้งในสังคมไทยเรื่องเดิมคือความไม่ยุติธรรมทุกมิติ ปัญหามีมาตลอด แต่รัฐบาลประยุทธ์ให้เราหยุดพูดถึงปัญหา เขาไม่ได้แก้ปัญหา แค่ให้หยุดพูด นี่คือวัฒนธรรมที่ไม่ดีของสังคมไทย เราต้องหยุดวัฒนธรรมของการนิ่งเฉย วัฒนธรรมของการสยบยอม เราต้องกล้าหาญแล้วออกมาสู้กับความอยุติธรรม”
ไผ่กล่าวว่า หากเกิดรัฐประหาร ไม่ว่าอยู่ไหนทำอะไรอยู่ต้องออกมารวมกัน, ใครมีรถเอารถมาจอดเป็นม็อบคาร์ สิ่งที่ทำเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้รวมกันก็มีพลัง ถ้าใครนึกอะไรไม่ออก ลุกออกมายืนชูสามนิ้วแล้วท่องว่า ไม่มีอำนาจใดในโลกหล้า ผู้ปกครองต่างมาแล้วสาบสูญ ไม่มีใครล้ำเลิศน่าเทิดทูน ประชาชนสมบูรณ์นิรันดร์ไป ... ทำให้เขารู้ว่าการรัฐประหารครั้งนี้จะไม่เหมือนเดิม สังคมนี้เปลี่ยนไปแล้ว ประชาชนไม่กลัวอีกแล้ว เราจะออกมาต่อสู้ด้วยความรัก รักในความยุติธรรม รักในความเป็นมนุษย์
###
ภาพโดย Kan Sangtong Chana La Napat Thikamporn Tamtiang






แสดงความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.