iLaw

แชมป์ 1984: ให้พลังประชารัฐชนะถล่มทลายแล้วตั้งรัฐบาลได้เลยยังดีกว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้
"ก่อนการเลือกตั้ง 24 มีนา ผมมองการเลือกตั้งอย่างมีความหวังนะ ตัวผมเองรู้สึกเบื่อและไม่ชอบใจกับสิ่งที่เป็นอยู่ ตอนแรกก็คิดว่า เราเป็นคนทำกิจกรรม อาจจะมีคติมากเกินไปและตัวเองเสพย์สื่อแบบเลือกข้าง แต่พอไปคุยกับคนที่ไม่เคยรู้จักกัน และไม่ใช่คนทำกิจกรรมอย่างคนขับ taxi เขาก็บ่นว่าสถานการณ์ที่เป็นอยู่มันแย่เหมือนกัน"
"วันเลือกตั้ง 24 มีนาคม ตัวผมไม่ได้หวังผลการเลือกตั้งในเขตตัวเองมากนัก เพราะตั้งแต่คุณหญิงสุดารัตน์ติดโทษแบนทางการเมือง พรรคประชาธิปัตย์ก็ผูกขาดเขตผมมาโดยตลอด แถมตอนลงประชามติปี 2559 เขตผมก็รับร่างรัฐธรรมนูญ แต่เลือกตั้งครั้งนี้พอนับคะแนนออกมาผลปรากฎว่าประชาธิปัตย์แพ้พลังประชารัฐผมก็แอบแปลกใจอยู่เหมือนกัน"
"จริงๆตอนวันเลือกตั้ง ในภาพรวมผมยังมองการเลือกตั้งแบบมีความหวังนะเพราะอย่างน้อยแม้พล.อ.ประยุทธ์จะได้เป็นนายก แต่ คสช. และมาตรา 44 ก็จะหมดไป แปลว่าต่อจากนี้การบริหารประเทศแบบตามใจชอบไม่ได้แล้ว"
"แต่ปรากฎว่า หลังการเลือกตั้งแทนที่จะมีความชัดเจนว่าใครจะเป็นรัฐบาลใหม่ ทุกอย่างกลับอยู่ในภาวะอึมครึม ไม่รู้ว่าทางข้างหน้าจะเป็นยังไง ไม่มีอะไรชัดเจน มีแต่ความสับสน ยิ่งมาเห็นปรากฎการณ์ที่พรรคที่ไปร่วมแถลงไม่เอาการสืบทอดอำนาจอย่างเพื่อไทย ที่มีว่าที่ส.ส.โดนใบส้ม เพราะไปถวายเงินพระ เห็นพรรคอนาคตใหม่ที่โดนสารพัดคดี เห็นคุณเสรี หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทยที่โดนร้องเรื่องคุณสมบัติ หรือกระทั่งคุณมิ่งขวัญที่ไม่ได้มาร่วมแถลงจุดยืน แต่พอออกมาประกาศตัวว่าไม่ร่วมกับพลังประชารัฐได้ไม่กี่วันก็ถูกร้องเรียน ผมก็เลยมองว่าจากนี้ไปคงต้องเตรียมรับสิ่งที่อาจจะเลวร้ายไปกว่านี้"
กิตติธัช หรือ "แชมป์ 1984" นักกิจกรรมทางสังคมและจำเลยคดีการชุมนุมของกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง #MBK39 #RDN50 #Army57 ให้สัมภาษณ์หลังร่วมกิจกรรมยืนเฉยๆ คัดค้านการดำเนินคดีกับคนที่วิพากษ์วิจารณ์การทำงานของ กกต. ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ 26 เมษายน 2562

แสดงความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.