President Donald Trump and first lady Melania Trump wave outside Air Force One before returning to Washington D.C. at Sigonella Air Force Base in Sigonella, Sicily, Italy, May 27, 2017.

โฆษกทำเนียบขาว Sean Spicer แถลงทางทวิตเตอร์ ถึงความสำเร็จของการเดินทางเยือนต่างประเทศครั้งแรกของโดนัลด์ ทรัมป์ ในฐานะประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดยบอกว่า “ประธานาธิบดีทรัมป์ กำลังเดินทางกลับกรุงวอชิงตัน หลังจาก 9 วันแห่งการเดินทางที่มีประสิทธิผล”

แต่ดูเหมือนบรรดาผู้นำยุโรป และสื่อมวลชนในหลายประเทศของยุโรปไม่คิดเช่นนั้น

ดูเหมือนการตอบสนองของบรรดาผู้นำยุโรป และสื่อมวลชนในหลายประเทศของยุโรป ต่อการเดินทางเยือนต่างประเทศของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ มิได้ใกล้เคียงกับคำว่า “ความสำเร็จ” เหมือนคำพูดที่ทำเนียบขาวแถลงออกมา

โดยเฉพาะกระแสตอบรับจากทางเยอรมนีและฝรั่งเศส สองหัวเรือใหญ่ของสหภาพยุโรป

President Donald Trump adjusts his jacket during a family photo with G7 leaders at the Ancient Greek Theater of Taormina, Friday, May 26, 2017, in Taormina, Italy.

นายกฯ เยอรมนี นางอังเกล่า เมอร์เคิ่ล กล่าวต่อประชาชนที่เยอรมนีว่า “ช่วงเวลาที่เยอรมนีสามารถพึ่งพาประเทศอื่นได้นั้น จบลงไปแล้ว” และว่าความผูกพันระหว่างพันธมิตรชาติตะวันตกกำลังถูกคุกคามจากรัฐบาลประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ และการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป

บรรดาผู้นำหลายประเทศในยุโรปต่างเห็นไปในทิศทางเดียวกันว่า จากนี้ยุโรปอาจต้องฝ่าฟันปัญหาต่างๆ ด้วยตัวเอง เนื่องจากรัฐบาลวอชิงตันไม่ใช่พันธมิตรที่พึ่งพาได้อีกต่อไป

เช่นเดียวกับสื่อต่างๆ หลายแขนงในยุโรป ที่ต่างๆมีพาดหัวข่าวแสดงถึงความไม่มั่นใจในผู้นำคนใหม่ของสหรัฐฯ

เช่น หนังสือพิมพ์ใหญ่ฉบับหนึ่งในเบลเยียมที่พาดหัวตัวโตว่า “ทรัมป์ผลักไสพันธมิตร” ซึ่งเล่นคำมาจากกรณีที่ประธานาธิบดีทรัมป์ ผลักนายกฯ ดัสโก้ มาร์โควิช ของมอนเตเนโกร ให้ออกไปจากตำแหน่งที่ตนต้องการยืนในแถวหน้า ระหว่างการถ่ายรูปหมู่ของผู้นำองค์การนาโต้

Montenegro Prime Minister Dusko Markovic, center right, after appearing to be pushed by Donald Trump, center, during a NATO summit of heads of state and government in Brussels, May 25, 2017.

ก่อนหน้าประธานาธิบดีสหรัฐฯ เยือนต่างประเทศครั้งนี้ บรรดาผู้นำในยุโรปต่างตั้งความหวังว่าจะเป็นการรื้อฟื้นความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ กับยุโรปขึ้นมาใหม่ เมื่อประธานาธิบดีทรัมป์ได้พบเจรจากับผู้นำประเทศต่างๆ มากขึ้น แต่ดูเหมือนตั้งแต่กรุงบรัสเซลล์ไปจนถึงเมืองซิซิลี่ในอิตาลี ต่างเต็มไปด้วยความเคอะเขิน รอยยิ้มที่ฝืนๆ และความกระอักกระอ่วนใจ

ผู้นำยุโรปหลายคนกล่าวกับสื่อมวลชนว่า โดนัลด์ ทรัมป์ และที่ปรึกษาของผู้นำสหรัฐฯ ได้มองข้ามประเด็นสำคัญหลายอย่างระหว่างการเยือนยุโรปครั้งนี้ โดยประธานาธิบดีทรัมป์มักเอาแต่กล่าวถึงธุรกิจที่ตนเคยทำกับหลายประเทศในยุโรป เช่น สนามกอล์ฟ แทนที่จะกล่าวถึงการค้าข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก

นสพ. Le Monde ของฝรั่งเศส ระบุว่า "ระหว่างการเดินทางเยือนยุโรป ทรัมป์ ยังคงยึดมั่นกับแนวทาง America First หรือ อเมริกามาก่อน และปฏิเสธที่จะพยายามพัฒนาความสัมพันธ์สหรัฐฯ - ยุโรป"

ขณะที่นิตยสาร Der Spiegel ของเยอรมนี วิจารณ์การจับมือกันของ ปธน.ทรัมป์ กับ ปธน.เอ็มมานูเอล มาคร็อง ของฝรั่งเศส ซึ่งดูเหมือนผู้นำทั้งสองคนพยายามที่จะบีบมือกันเหมือนการประลองกำลัง

President Donald Trump shakes hands with French President Emmanuel Macron during a meeting at the U.S. Embassy, May 25, 2017, in Brussels.

ส่วน นสพ. The Guardian ของอังกฤษ ระบุว่า "แม้การเยือนยุโรปครั้งแรกของ ปธน.ทรัมป์ จบลงแล้ว แต่บรรดาผู้นำยุโรปยังคงสั่นคลอน และไม่มั่นใจต่อทิศทางนโยบายของรัฐบาลอเมริกัน"

อีกด้านหนึ่ง ผู้นำประเทศกลุ่ม G-7 ที่ร่วมประชุมที่อิตาลีในช่วงสุดสัปดาห์ มีความเห็นต่างกันในเรื่องข้อตกลงจำกัดภาวะโลกร้อน แต่เห็นพ้องกันในประเด็นการค้าระหว่างประเทศ

ปธน. สหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวสนับสนุนความพยายามต่อต้านมาตรการปกป้องอุตสาหกรรมในประเทศ และปฏิเสธที่จะสนับสนุนสนธิสัญญากรุงปารีสที่มีเป้าหมายต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศโลก โดยบอกว่าต้องการเวลาเพื่อตัดสินใจว่าจะเข้าร่วมในสนธิสัญญานี้ต่อไปหรือไม่


source :- http://rferl.c.goolara.net/Click.aspx?id=066990558502817878



แสดงความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.