การทลายขบวนการค้าหญิงไทยข้ามชาติของเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา มีเบื้องหลังส่วนหนึ่งมาจากการทำงานอันยาวนานของเจ้าหน้าที่ในการสืบสวนทางลับร่วมกับเจ้าหน้าที่ขององค์กรศูนย์ส่งเสริมชาวไทย ซึ่งเป็นองค์กรเอกชนในอเมริกาที่ค้นพบหญิงไทยคนหนึ่งซึ่งเคยเป็นเหยื่อขบวนการนี้และหลบหนีออกมาได้ ก่อนกลายเป็นกุญแจสำคัญนำไปสู่การทลายแก๊งค์ค้าหญิงข้ามชาติครั้งใหญ่อีกครั้งหนึ่งของอเมริกา

ปฏิบัติการทลายขบวนการค้าหญิงไทยของเจ้าหน้าที่รัฐบาลกลางและเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายสหรัฐฯ พร้อมกันในหลายรัฐทั่วอเมริกาเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ถือเป็นปฏิบัติการครั้งสำคัญที่สามารถบุกจับขบวนการค้ามนุษย์เพื่อใช้แรงงงานทางเพศ หรือ Sex Trafficking ครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในสหรัฐอเมริกา

"ที่อเมริกามันไม่เคยมีคดีที่ใหญ่โตแบบนี้ ในเรื่อง Sex Trafficking มีการจับคนร้ายในหลายแห่งทั่วอเมริกา และมันแป็นเรื่องยากมากที่จะมีอัยการที่ส่งตำรวจไปทั่วประเทศวันเดียวกัน ไปจับคดีเดียวกัน เพราะหากเราจับแค่สถานที่แห่งเดียว คนร้ายอื่นๆ ก็จะแตกตื่นและหลบหนีได้"

คุณพนิดา จอนส์สะ ผู้อำนวยการฝ่ายกฎหมาย ของศูนย์ส่งเสริมชาวไทย ในรัฐแคลิฟอร์เนีย เป็นส่วนหนึ่งของทีมงานที่อยู่เบื้องหลังปฏิบัติการในครั้งนี้ ที่สามารถบุกจับขบวนการค้าหญิงไทยข้ามชาติพร้อมกันในหลายรัฐ

ผู้ต้องหามีทั้งคนไทยและคนอเมริกันใน 10 เมืองกระจายทั่ว 8 รัฐของอเมริกา และจับผู้ต้องหาขบวนการนี้เพิ่มอีก 21 ราย รวมกับผู้ต้องหาที่ถูกจับก่อนหน้านี้เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา รวมทั้งหมดในคดีนี้ 38 ราย

การทำงานอย่างอดทนยาวนานเพื่อติดตามพฤติกรรมของขบวนการค้าหญิงไทยข้ามชาติของเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ดำเนินการแบบลับๆ มานานหลายปี แต่ยังไม่มีข้อมูลมากพอที่จะสาวไปถึงตัวการและเครือข่ายค้ามนุษย์ในอเมริกา

จนกระทั่งทางศูนย์ส่งเสริมชาวไทย ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงหากำไร ที่คอยให้ความช่วยเหลือคนไทยในอเมริกาในด้านต่างๆ ได้รับข้อมูลโดยบังเอิญจากหญิงไทยคนหนึ่งที่ร้องขอความช่วยเหลือจากที่ศูนย์ฯ

คุณพนิดา จอนส์สะ ทนายความของศูนย์ส่งเสริมชาวไทยบอกว่า

"เคสแรกที่เราเจอคือมีคนไทยเข้ามาที่ศูนย์เราแล้วอธิบายว่าเพื่อนของเขาโดนจับแล้วก็ติดคุก และกำลังจะถูกส่งตัวกลับเมืองไทย ก็มีการพูดซักถาม จนกระทั่งผู้หญิงคนนั้นโทรศัพท์เข้ามาที่ศูนย์ให้รายละเอียดเพิ่มเติม จนเราเริ่มสงสัยว่าเธออาจจะเข้าข่ายเป็นเหยื่อค้ามนุษย์ จึงเดินทางไปตรวจสอบในสถานที่กักกันตัวผู้เตรียมถูกพิจารณาส่งตัวกลับประเทศ (Detention Center) ของฝ่ายตรวจคนเข้าเมืองสหรัฐฯ ก่อนจะคุยสัมภาษณ์กันนานมากจนเข้าใจว่าเธอตกเป็นเหยื่อการค้ามนุษย์จริงๆ"

คุณชัญชนิษฐ์ มาร์เทอร์แรล ผู้อำนวยการศูนย์ส่งเสริมชาวไทย บอกว่า

"พอเราช่วยแล้ว เราก็มาเจอเพื่อนเขา เราถึงเข้าใจว่ามีผู้หญิงอีกหลายๆคน ที่โดนทำแบบนี้ แต่คนนี้หนีออกมาได้เมื่อหลายปี เราจึงติดต่อเจ้าหน้าที่ในลอส แองเจลิส ก่อนเจ้าหน้าที่จะพบว่า ทั้งหมดเป็นคดีเดียวกัน"

หลังพบหญิงไทยที่เป็นพยานปากสำคัญของการตกเป็นเหยื่อของขบวนการค้าหญิงไทยข้ามชาติ ทำให้เจ้าหน้าที่สามารถเข้าถึงเหยื่อรายอื่นๆ ที่สามารถให้ข้อมูลเชิงลึกได้มากขึ้น โดยได้รับการประสานงานอย่างใกล้ชิดจากเจ้าหน้าที่ศูนย์ส่งเสริมชาวไทยทั้งด้านกฎหมาย การสื่อสาร และการสร้างความไว้วางใจ เพราะปัญหาสำคัญที่สุด คือความหวาดกลัวของเหยื่อว่าจะได้รับอันตรายหากเปิดเผยความจริง

โดยเฉพาะการกลัวอิทธิพลของขบวนการค้ามนุษย์ที่มีเครือข่ายอยู่ทุกแห่ง

"จริงๆแล้วผู้หญิงที่ตกเป็นเหยื่อไม่ไว้ใจตำรวจที่นี่ ไม่ใช่แค่กลัวตำรวจ แต่ยังกลัวพวกค้ามนุษย์ กลัวทุกคน จะไม่อยากพูดกับใครเลย เพราะเห็นว่าไว้ใจใครไม่ได้เลย เพราะว่าเดี๋ยวคนอื่นไปฟ้องว่าเขาคุยกับตำรวจ และกังวลว่าทางเมืองไทยอาจจะมีคนไปทำร้ายครอบครัวของพวกเขา"

ในรายงานชิ้นต่อไป ติดตามรายละเอียดเส้นทางและวิธีการของกลุ่มขบวนการค้ามนุษย์ที่ติดต่อลักลอบนำหญิงไทยเข้าสหรัฐอเมริกาเพื่อการค้าประเวณี รวมทั้งรูปแบบการเปิดบริการลูกค้าแบบลับๆ มาอย่างยาวนานโดยที่เจ้าหน้าที่ไม่สามารถเข้าถึงได้

source ;- http://rferl.c.goolara.net/Click.aspx?id=066990558502818870

แสดงความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.