ดัน 'ธรรมนูญสุขภาพพระสงฆ์แห่งชาติ' ฉ.แรกของไทย หวังแก้สุขภาวะสงฆ์ก่อนวิกฤต

Posted: 08 May 2017 12:40 PM PDT  (อ้างอิงจากอีเมล์ข่าว เวบไซท์ประชาไท) 

ประธานคณะทำงานขับเคลื่อนมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติพระสงฆ์กับการพัฒนาสุขภาวะ เผยอยู่ระหว่างการยกร่าง “ธรรมนูญสุขภาพพระสงฆ์แห่งชาติ” ฉบับแรกของประเทศไทย

8 พ.ค. 2560 รายงานข่าวจาก สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) แจ้งว่า วันนี้ (8 พ.ค.60) ที่โถงหน้าห้องประชุมสานใจ ชั้น 6 อาคารสุขภาพแห่งชาติ มีการจัดเวที สช. เจาะประเด็นครั้งที่ 2/2560 “บ้าน-วัด-โรงพยาบาล...พระสงฆ์ไทยในวิกฤตสุขภาวะ” เพื่อผนึกกำลังทุกภาคส่วนแก้ปัญหาสุขภาวะพระสงฆ์ไทย

นพ.ณรงค์ศักดิ์ อังคะสุวพลา กรรมการสุขภาพแห่งชาติ ในฐานะ ประธานคณะทำงานขับเคลื่อนมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติพระสงฆ์กับการพัฒนาสุขภาวะ เปิดเผยว่า สมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 5 พ.ศ.2555 มีฉันทมติต่อเรื่อง “พระสงฆ์กับการพัฒนาสุขภาวะ” เพื่อสานพลังภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วนร่วมกันแก้ไขปัญหาสุขภาวะพระสงฆ์ที่พบปัญหาอยู่จำนวนมาก หลังจากบูรณาการทำงานร่วมกันทั้งสงฆ์และฆราวาสจากหลายหน่วยงานตลอด 5 ปีที่ผ่านมา พบว่า เรื่องนี้ต้องยกระดับเป็น นโยบายสาธารณะแบบมีส่วนร่วม โดยยึดหลักการสำคัญ “ใช้ทางธรรมนำทางโลก” ภายใต้แผนปฏิบัติการ 5 แนวทาง ได้แก่ ด้านความรู้ ด้านข้อมูล ด้านการพัฒนา ด้านบริการสุขภาพและสวัสดิการ ด้านการวิจัยและพัฒนาชุดความรู้ในรูปแบบต่างๆ ซึ่งปัจจุบัน อยู่ระหว่างการยกร่าง “ธรรมนูญสุขภาพพระสงฆ์แห่งชาติ” ฉบับแรกของประเทศไทย โดยทางสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติจะได้ถวายรายงานเรื่องนี้ต่อสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ในเร็วๆ นี้ โดยมหาเถรสมาคมก็ได้ให้การสนับสนุนเรื่องนี้อย่างเต็มที่ และพร้อมนำพาคณะสงฆ์ไทยขับเคลื่อนการแก้ปัญหาสุขภาวะพระสงฆ์ต่อไป

“ขณะนี้มหาเถรสมาคมได้รับทราบมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติและกระบวนการยกร่างธรรมนูญสุขภาพพระสงฆ์แห่งชาติฉบับที่ 1 แล้ว รวมทั้งสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ซึ่งเป็นหน่วยงานสำคัญในการดูแลพระพุทธศาสนาให้เข้มแข็ง ก็ได้เข้ามาร่วมเป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อนเรื่องนี้อย่างจริงจัง เพื่อให้เกิดการแก้ปัญหาในระยะยาวต่อไป” นพ.ณรงค์ศักดิ์ กล่าว

พระครูสังฆกิจพิมล (สุรศักดิ์ สุรญาโน) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดชลประทานรังสฤษดิ์ พระอารามหลวง กล่าวว่า ในการสร้างสุขภาวะของพระสงฆ์ วัดและชุมชนต้องเข้มแข็ง โดยเฉพาะวัดเองต้องมีนโยบายชัดเจนที่จะสร้างสุขภาวะให้เกิดขึ้นในวัด ยกตัวอย่างกรณีวัดชลประทาน ซึ่งมีโครงการให้ความรู้และทำความเข้าใจกับชาวบ้านให้คำนึงถึงอาหารและเครื่องดื่มที่นำมาถวายพระในโอกาสต่างๆ อย่างสม่ำเสมอ นอกจากนี้ยังมีกฎเหล็กที่ไม่ให้พระสูบบุหรี่ ไม่ดื่มเหล้า และเสพสิ่งเสพติด และยังเป็นผู้นำการรณรงค์ในชุมชนและองค์กรภายนอกด้วย นับเป็นภารกิจของวัดดำเนินการอย่างต่อเนื่องนับสมัยพระธรรมโกศาจารย์ (ปัญญานันทภิกขุ) เป็นเจ้าอาวาส

“การทำบุญที่ดีที่สุด คือทำสิ่งที่ถูกต้อง รวมถึงการถวายอาหารพระที่ถูกหลักโภชนาการ ซึ่งพระต้องมาช่วยแก้ปัญหา ไม่ใช่มาสร้างปัญหา ดังนั้นพระสงฆ์ก็ต้องดูแลตัวเองให้ดีด้วยทั้งกายและใจ” พระครูสังฆกิจพิมล กล่าว

ประสงค์ จักรคำ ผู้ตรวจราชการ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) กล่าวว่า แนวทางการทำงานของมหาเถรสมาคมและสำนักงานพระพุทธศาสนาฯ มุ่งรณรงค์ดูแลสุขภาพพระสงฆ์ทั่วประเทศ โดยนมัสการเจ้าคณะผู้ปกครอง ทั้งเจ้าคณะตำบล และอำเภอ ให้เป็นผู้นำในพื้นที่ ซึ่งปัญหาที่พบคือในจำนวนพระสงฆ์กว่า 3 แสนรูป แต่มีข้อมูลด้านสุขภาพเพียง 50,000 รูปเท่านั้น นอกจากนี้พระสงฆ์ส่วนมากกลัวทำผิดพระธรรมวินัย และจำพรรษาในพื้นที่ห่างไกล อันเป็นเหตุให้ไม่สามารถเข้าถึงบริการสุขภาพอย่างเต็มที่ ซึ่งต้องการความร่วมมือจากกระทรวงสาธารณสุข โดยเฉพาะโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) สนับสนุนการเก็บข้อมูลสุขภาพพระสงฆ์ในชุมชนต่างๆ เพื่อนำมารวบรวมและวิเคราะห์ ให้การจัดทำโครงการส่งเสริมสุขภาพของพระสงฆ์เกิดขึ้นได้ และขอความร่วมมือในการออกหน่วยตรวจสุขภาพพระสงฆ์ที่วัด เป็นต้น

นอกจากนั้นจะมีการให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับสุขภาพพระสงฆ์ เช่น เรื่อง อาหารใส่บาตร ผ่านช่องทางต่างๆ ซึ่งกระทรวงศึกษาธิการจะช่วยสร้างการเรียนรู้ให้แก่เด็กและผู้ปกครอง รวมถึงญาติโยมทั้งหลายให้เกิดเป็นเครือข่ายรณรงค์ในชุมชนต่อไป และเนื่องในโอกาส วันวิสาขบูชา 10 พฤษภาคม นี้ พศ. ก็ขอรณรงค์ให้เลือกอาหารถวายที่เหมาะสมกับสุขภาพเพื่อป้องกันไม่ให้เป็นพระสงฆ์กลายเป็นผู้ป่วยกลุ่มใหม่ของสังคม

นพ.อรรถพล แก้วสัมฤทธิ์ รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า จากการรวบรวมสถิติอาการเจ็บป่วยของพระสงฆ์ที่มารับการรักษาที่โรงพยาบาลสงฆ์ พบว่า โรคลำดับต้นๆ ได้แก่ ไขมันในเลือดสูง เบาหวาน ความดันโลหิตสูง และต้อกระจก ซึ่งเกิดจากพฤติกรรมในการดำเนินชีวิตและปัจจัยเสี่ยงต่างๆ

ในส่วนแนวทางการแก้ปัญหา กรมอนามัยได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมเครือข่ายสังฆะพัฒนาพุทธชยันตี 4 ภาค มีการประชุมร่วมกันอย่างต่อเนื่องเพื่อจัดทำ แผนปฏิบัติการขับเคลื่อน ประกอบด้วย 4 แนวทาง ได้แก่ 1.การแก้ไขปัญหาพระสงฆ์ที่อาพาธ 2.การสร้างเสริมและป้องกันโรคพระสงฆ์ 3.การจัดสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อสุขภาพ (โครงการวัดส่งเสริมสุขภาพ) และ 4.การหนุนเสริมบทบาทสงฆ์ต่อการพัฒนาสุขภาวะชุมชนและสังคม โดยหลังจากนี้ จะมีการดำเนินงานอย่างต่อเนื่องและเป็นรูปธรรม

แสดงความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.