Home Sarakham

ล้มเหลวทั้งทางตรงและทางอ้อม!!!

สื่อนอกจัดหนัก!! วิจารณ์ยับรัฐบาลทหารไทย “ไร้วิสัยทัศน์” แก้ปัญหาเศรษฐกิจ

เป็นบทความสดๆร้อนๆที่เพิ่งจะออกมากันในวันนี้หลังจากนิตยสารด้านเศรษฐกิจชื่อดัง Barron’s ได้ตีพิมพ์บทวิเคราะห์ของ William Pesek บก.นิตยสาร Barron’s Asia และคอลัมนิสต์ประจำ Bloomberg ซึ่งมีประสบการณ์กว่า 20 ปี โดยบทความดังกล่าวได้วิเคราะห์เศรษฐกิจของประเทศไทยที่กำลังย่ำแย่อยู่ในขณะนี้ว่ามีสาเหตุมาจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ขาดวิสัยทัศน์ในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ และเศรษฐกิจของจีนกำลังส่งผลกระทบกับประเทศในเอเชียโดยรวม

William Pesek ระบุว่าพล.อ.ประยุทธ์ เข้าสู่อำนาจโดยการรัฐประหาร โดยใช้เหตุผลเดิมๆที่คณะผู้ยึดอำนาจใช้กันเป็นประจำ คือ นำความสงบเรียบร้อย มั่นคง กลับมาสู่ประเทศหลังจากปัญหาทางการเมือง แต่ 561 วันหลังจากการยึดอำนาจ ไทยซึ่งมีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 2 ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กลับมีเศรษฐกิจที่ระส่ำระสาย นักลงทุนพากันถอนการลงทุน และรัฐบาลประยุทธ์ดูเหมือนจะไม่มีทางแก้ไขปัญหาได้เลย

บทวิเคราะห์ดังกล่าวชี้ว่าเมื่อจะเข้ามาบริหารประเทศย่อมต้องมีการวางแผน แต่ดูเหมือนว่าพล.อ.ประยุทธ์ และทหารของเขาจะไม่มีแผนเลยนอกจากการถือปืนเข้ามายึดอำนาจการปกครอง สิ่งที่พิสูจน์ได้คือการประกาศ “ปิดประเทศ” ผ่านการถ่ายทอดสดของพล.อ.ประยุทธ์ ในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจเป็นอย่างมาก

Pesek วิเคราะห์ต่อไปว่าฉายา “เทฟลอนไทยแลนด์” นั้นเป็นเพราะที่ผ่านมาในอดีตแม้จะมีการรัฐประหารมาหลายครั้ง สภาวะการที่รัฐบาลเป็นอัมพาทไม่สามารถบริหารประเทศได้ การประท้วงใหญ่หลายต่อหลายครั้ง รวมถึงเหตุการณ์ความไม่สงบในภาคใต้ แต่นักลงทุนก็ยังคงมีความเชื่อมั่นในศักยภาพของประเทศไทยจากการเป็นฐานการผลิตรถยนต์ระดับโลกหรือ “ดีทรอยต์เอเชีย” เป็นประเทศที่มีอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่รวดเร็ว และเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยว แต่การรัฐประหารครั้งล่าสุดนี้สร้างความแตกต่างออกไปจากเดิมใน 3 เหตุผล

เหตุผลแรก คือ ความขาดวิสัยทัศน์ของพล.อ.ประยุทธ์ ในเดือนกันยายน เขาได้ยืนยันในที่ประชุมสหประชาชาติว่าไทยกำลังอยู่ในช่วงของการปฏิรูปประเทศซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนและเป็นประชาธิปไตย แต่ในความเป็นจริงรัฐบาลทหารไทยกลับละเมิดสิทธิเสรีภาพในการแสดงความเห็นในแบบรัฐบาลจีน ปิดกั้นข่าวสารเช่นเดียวกับเกาหลีเหนือ และมีแนวคิดจะปิดประเทศเช่นเดียวกับเขมรแดง

เช่นเดียวกับคำสัญญาที่จะเร่งให้มีการเลือกตั้ง มีรัฐบาลที่มาจากพลเรือน ซึ่งตอนนี้ไม่สามารถระบุเวลาได้อีกแล้ว การปฏิรูปเศรษฐกิจก็มีสภาพไม่แตกต่างกัน การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจตกต่ำลงอย่างมาก การส่งออกก็ดิ่งเหว ในขณะที่หนี้ครัวเรือนและภาวะเงินฝืดกลับพุ่งสูงขึ้น

เหตุผลที่สอง คือ เวลาไม่อื้อ กล่าวคือ จากภาวะเศรษฐกิจของจีนที่ตกต่ำลง กำลังส่งผลอย่างมากต่อประเทศในเอเชีย ปัจจัยนี้ทำให้การปฏิรูปของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ยากที่จะประสบความสำเร็จ อีกทั้งในขณะที่ประเทศไทยกำลังมุ่งมั่นในการปฏิรูปด้านต่างๆ โลกไม่ได้รอไทย ประเทศในแถบเอเชีย เช่น อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และเวียนนาม กำลังพัฒนาศักยภาพเพื่อการแข่งขันทางเศรษฐกิจเพื่อที่จะแซงหน้าประเทศคู่แข่งให้ได้ในระยะเวลาไม่กี่ปี ในขณะที่เป็นไปได้ว่าประเทศไทยอาจจะต้องเสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์นับสิบปี

เหตุผลที่สาม คือ หนีไม่พ้นประชานิยม Pesek กล่าวว่าเหตุผลนี้ถือเป็นเรื่องตลกร้ายของไทย เพราะในช่วง 18 เดือนของรัฐบาลประยุทธ์ เขาพยายามอย่างมากที่จะทำลายระบอบทักษิณ รวมไปถึงแนวนโยบายต่างๆของรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ น้องสาวของ ทักษิณ ชินวัตร แต่กลับหันไปใช้นโยบายประชานิยมแบบทักษิณในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ

ในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ ได้แต่งตั้งดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจในสมัยรัฐบาลทักษิณ มาเป็นรองนายกฯด้านเศรษฐกิจอีกครั้ง ซึ่งดร.สมคิด ก็ได้นำเอาแนวคิดประชานิยมแบบทักษิณมาใช้ในทันที ด้วยการอัดฉีดเงินผ่านกองทุนหมู่บ้านเพื่อสร้างแรงสนับสนุนทางการเมือง ด้านรัฐบาลทหารก็ดำเนินโครงการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานมูลค่าล้านล้านบาท เช่นรถไฟความเร็วสูง ได้ล่าช้าเกินไป และ Pesek มองว่าควรนำเงินมาลงทุนยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ พัฒนาทุนมนุษย์เพื่อยกระดับผลิตภาพและรายได้มากกว่า

ที่แย่ที่สุดคือ รัฐบาลทหารกำลังบั่นทอนชื่อเสียงของประเทศไทย ที่เป็นดินแดนแห่งเสรีภาพ และการค้าเสรี พล.อ.ประยุทธ์ อาจสามารถที่จะปิดกั้นการวิพากษ์วิจารณ์ได้ แต่ไม่สามารถปิดกั้นความจริงที่เขากำลังทำลายศักยภาพของประเทศที่เขาสัญญาว่าจะปกป้อง

https://www.facebook.com/bygonreturn/photos/a.1464200070474084.1073741829.1437868739773884/2064374683789950/?type=3&theater

แสดงความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.