การเมืองไทย ในกะลา
‘วีระ’ แนะซื้อเครื่องตรวจจับ “ความเลว” แทนตรวจจับ “ความเร็ว” ด้าน เว็บดังแฉ! ที่อเมริกา 8 หมื่น ไทยจ่อซื้อเฉียดล้าน
เว็บไซต์ ispacethailand เปิดเผยข้อมูล หลังจากที่มีข่าวเรื่องคณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบตามข้อเสนอของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ที่กำกับ กระทรวงมหาดไทย อนุมัติโครงการจัดหาเครื่องตรวจจับความเร็วแบบพกพาเพื่อใช้ในการดำเนินการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน ตามที่ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะประธานกรรมการและผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน เสนอให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) จัดหาเครื่องตรวจจับความเร็วแบบพกพา ก็เกิดคำถามและการวิพากษ์วิจารณ์เรื่องดังกล่าวโดยเฉพาะในเรื่องของราคา
โดยแรกเริ่มนั้นกระทรวงมหาดไทยเสนอให้จัดหาจำนวน 1,064 เครื่อง ราคาเครื่องละ 9 แสนบาท เป็นเงิน 957,600,000 บาท เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติงานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ในการบังคับใช้กฎหมายสำหรับสถานีตำรวจทุกสถานีจำนวน 1,465 สถานี ซึ่งก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์เป็นอย่างมากว่ามีราคาแพงถึงเครื่องละ 9 แสนบาท
ต่อมาจึงมีการปรับลดการจัดหาเครื่องตรวจจับความเร็วแบบพกพา จากเดิมลง 215 เครื่อง และปรับลดงบประมาณลง 384,525,000 บาท โดยต่อเครื่องจะอยู่ที่ประมาณ 675,000 บาท และใช้งบประมาณทั้งสิ้น 573,075,000 บาท โดยคณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติโครงการดังกล่าวแล้ว
เรื่องดังกล่าวมีข้อมูลที่น่าสนใจ ถูกนำเสนอโดยสมาชิกเว็บไซต์ pantip.com ชื่อ Infantry Regiment โดยมีการนำเอาข้อมูลใบเสนอราคาของกล้องตรวจจับความเร็วของตำรวจใน West Verginia ประเทศสหรัฐฯ ซึ่งน่าจะมีสเปคที่ใกล้เคียงกับที่กระทรวงมหาดไทยต้องการ มีราคาเครื่องละ 2550 เหรียญสหรัฐฯ หรือคิดเป็นเงินไทยอยู่ที่เครื่องละประมาณ 85,000 บาทเท่านั้น
ispacethailand ตั้งคำถามอีกว่า ราคาเครื่องตรวจจับที่ประเทศไทยจัดหามีราคาแพงเกินจริงหรือไม่? ราคาเครื่องที่ไทยซื้อนั้นมีราคาจริงๆอยู่ที่เท่าไหร่? เหตุใดไทยจึงต้องซื้อของที่มีราคาแพงขนาดนี้? อย่าลืมว่างบประมาณของประเทศนั้นมาจากเงินภาษีของประชาชน การจะใช้งบประมาณเพื่อโครงการหรือจัดซื้ออุปกรณ์ต่างๆก็ควรคำนึงถึงความคุ้มค่า ราคา และความโปร่งใสด้วย
ด้านนายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน (คปต.) ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ “คมข่าวเที่ยง” ช่อง TV24 ถึงกรณีเดียวกันนี้ว่า การจัดซื้อในช่วงนี้ไม่เหมาะสม เนื่องจากอยู่ในห้วงเวลาสำคัญ อีกทั้งยังเห็นว่าไม่มีความจำเป็นเร่งด่วนถึงขนาดต้องใช้งบกลาง จึงเสนอว่าควรซื้อเครื่องตรวจจับทุจริต หรือ “เครื่องตรวจจับความเลวแบบพกพา” แทนเครื่องตรวจจับความเร็วดีกว่า
แสดงความคิดเห็น