คําสั่งหัวหน้า คสช. จัดตั้งสํานักงานบริหารจัดการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ เพื่อให้การบริหารจัดการทรัพยากรน้ําเป็นไปอย่างบูรณาการ มีประสิทธิภาพ และยั่งยืน ตามแนวทางการปฏิรูปประเทศ
เพื่อให้การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำเป็นไปอย่างบูรณาการ มีประสิทธิภาพ และยั่งยืน ตามแนวทางการปฏิรูปประเทศด้านการบริหารราชการแผ่นดิน ด้านเศรษฐกิจ และด้านทรัพยากรธรรมชาติ ทั้งสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติด้านการสร้างการเติบโตบนคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในภาวะ ที่ประเทศไทยประสบปัญหาภัยแล้งในบางครั้งและปัญหาอุทกภัยในบางฤดู แม้การบริหารจัดการ ทรัพยากรน้ําที่ดําเนินการอยู่ จะมีหน่วยงานรับผิดชอบโดยตรงในด้านการปฏิบัติการ แต่ก็ยังมิอาจดําเนินการ ข้ามหน่วยงานในลักษณะบูรณาการข้อมูล แผนงานหรือโครงการ งบประมาณและการติดตาม ประเมินผลในเชิงนโยบายและการวางแนวทางกํากับ ควบคุมการปฏิบัติการ จึงจําเป็นต้องจัดโครงสร้าง องค์กรขึ้นใหม่อย่างน้อยก็ในระยะเริ่มแรกซึ่งถือเป็นเรื่องเร่งด่วนเพื่อประโยชน์ในการปฏิรูปดังกล่าว อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 265 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ประกอบกับ มาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557 หัวหน้าคณะ รักษาความสงบแห่งชาติ โดยความเห็นชอบของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ จึงมีคําสั่งดังต่อไปนี้
ข้อ 1 ให้ยกเลิกความในมาตรา 6 แห่งพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม พ.ศ. 2545 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 100/2557 เรื่อง การแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยการปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม และกฎหมาย ว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน ลงวันที่ 21 กรกฎาคม พุทธศักราช 2557 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
“มาตรา 6 สํานักนายกรัฐมนตรี มีอํานาจหน้าที่เกี่ยวกับราชการทั่วไปของนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี รับผิดชอบการบริหารราชการทั่วไป เสนอแนะนโยบายและวางแผนการพัฒนา ด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมือง และความมั่นคง และราชการเกี่ยวกับการงบประมาณ ระบบราชการ การบริหารงานบุคคล กฎหมายและการพัฒนากฎหมาย การติดตามและประเมินผลการปฏิบัติราชการ การส่งเสริมการลงทุน การบริหารจัดการทรัพยากรน้ํา การปฏิบัติภารกิจพิเศษและราชการอื่นตามที่มี กฎหมายกําหนดให้เป็นอํานาจหน้าที่ของสํานักนายกรัฐมนตรีหรือส่วนราชการที่สังกัดสํานักนายกรัฐมนตรี หรือที่มิได้อยู่ภายในอํานาจหน้าที่ของกระทรวงใดโดยเฉพาะ”
ข้อ 2 ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น (14) ของมาตรา 7 แห่งพระราชบัญญัติปรับปรุง กระทรวง ทบวง กรม พ.ศ. 2545 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 100/2557 เรื่อง การแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยการปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม และกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน ลงวันที่ 21 กรกฎาคม พุทธศักราช 2557 “(14) สํานักงานบริหารจัดการทรัพยากรน้ําแห่งชาติ”
ข้อ 3 ให้สํานักงานบริหารจัดการทรัพยากรน้ําแห่งชาติเป็นส่วนราชการที่อยู่ในบังคับบัญชา ขึ้นตรงต่อนายกรัฐมนตรี โดยมีส่วนราชการ หน้าที่และอํานาจตามที่บัญญัติในกฎกระทรวง แบ่งส่วนราชการสํานักงานบริหารจัดการทรัพยากรน้ําแห่งชาติ และเป็นฝ่ายบูรณาการข้อมูลสารสนเทศ ฝ่ายแผนงาน โครงการ ฝ่ายงบประมาณบริหารจัดการ และฝ่ายติดตามและประเมินผลการบริหาร จัดการทรัพยากรน้ํา เพื่อประโยชน์ในการกําหนดนโยบายการบริหารจัดการทรัพยากรน้ําทั้งระบบ
ในกรณีมีเหตุจําเป็นฉุกเฉิน ให้สํานักงานบริหารจัดการทรัพยากรน้ําแห่งชาติมีอํานาจจัดตั้ง ศูนย์เฉพาะกิจชั่วคราว และมีอํานาจในการขอเจ้าหน้าที่ในส่วนราชการหรือหน่วยงานของรัฐ มาปฏิบัติหน้าที่ได้ตามความจําเป็นและเหมาะสม ให้มีผู้อํานวยการสํานักงานบริหารจัดการทรัพยากรน้ําแห่งชาติเป็นผู้บังคับบัญชาข้าราชการ พนักงาน และลูกจ้างในสํานักงานบริหารจัดการทรัพยากรน้ําแห่งชาติ และรับผิดชอบในการปฏิบัติราชการขึ้นตรง ต่อนายกรัฐมนตรี
ข้อ 4 ให้สํานักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ สํานักงานคณะกรรมการข้าราชการ พลเรือน สํานักงานบริหารจัดการทรัพยากรน้ําแห่งชาติ และส่วนราชการที่เกี่ยวข้องร่วมกันพิจารณา เพื่อโอนหน่วยงานในระดับต่ํากว่ากรมจากส่วนราชการต่าง ๆ ไปเป็นของสํานักงานบริหารจัดการ ทรัพยากรน้ําแห่งชาติ และกําหนดหรือปรับปรุงตําแหน่งข้าราชการ ตลอดจนจัดสรรอัตรากําลัง ให้สํานักงานบริหารจัดการทรัพยากรน้ําแห่งชาติให้เหมาะสมตามความจําเป็นแก่ภารกิจ
ข้อ 5 ในระยะเริ่มแรก ให้สํานักงานบริหารจัดการทรัพยากรน้ําแห่งชาติประสานงานกับ กรมทรัพยากรน้ํา กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และให้ปฏิบัติหน้าที่สนับสนุน การดําเนินการของคณะกรรมการทรัพยากรน้ําแห่งชาติตามกฎหมายและคําสั่งที่เกี่ยวข้อง และให้ ผู้อํานวยการสํานักงานบริหารจัดการทรัพยากรน้ําแห่งชาติเป็นกรรมการ และเลขานุการคณะกรรมการ ทรัพยากรน้ําแห่งชาติ ตามคําสั่งสํานักนายกรัฐมนตรี ที่ 185/2558 ลงวันที่ 15 กรกฎาคม 2558 และที่แก้ไขเพิ่มเติมจนกว่านายกรัฐมนตรี จะมีคําสั่งเป็นประการอื่น
ข้อ 6 ในกรณีที่เห็นสมควรนายกรัฐมนตรีหรือคณะรัฐมนตรีอาจเสนอให้คณะรักษา ความสงบแห่งชาติเปลี่ยนแปลงคําสั่งนี้ได้
ข้อ 7 คําสั่งนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
แสดงความคิดเห็น