Posted: 27 Oct 2017 04:36 AM PDT  (อ้างอิงจากอีเมล์ข่าว เว็บไซต์ประชาไท)


สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง แจงปมเปิดรับฟังความเห็นต่อ ร่าง พ.ร.บ.การบริหารจัดการเงินฝากที่ไม่มีการเคลื่อนไหวของสถาบันการเงิน พ.ศ. .... ให้อำนาจกระทรวงการคลังเป็นผู้ดูแลเงินฝากที่ไม่มีการเคลื่อนไหวเกิน 10 ปีของประชาชนแทนสถาบันการเงิน

27 ต.ค. 2560 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เผยแพร่แถลงข่าว ฉบับที่ 44/2560 เรื่อง ชี้แจงข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเปิดรับฟังความเห็นต่อ ร่าง พ.ร.บ.การบริหารจัดการเงินฝากที่ไม่มีการเคลื่อนไหวของสถาบันการเงิน พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงการคลัง โดยสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ได้เปิดรับฟังความเห็นต่อร่าง พ.ร.บ. ดังกล่าว ทางเว็บไซต์ www.fpo.go.th และอาจสร้างความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนให้กับประชาชน ดังนั้น สศค. จึงขอชี้แจงข้อมูลเพิ่มเติม ดังนี้

ปัจจุบัน ประชาชนส่วนหนึ่งมีการฝากเงินทิ้งไว้ที่สถาบันการเงินโดยที่บัญชีเงินฝากดังกล่าวไม่มีการเคลื่อนไหวเป็นระยะเวลานาน (Dormant Account) ซึ่งประชาชนอาจทราบหรือไม่ทราบก็ตาม ซึ่งในส่วนนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้มีการกำหนดแนวทางการบริหารจัดการเงินฝากดังกล่าวออกเป็น 2 แนวทาง ได้แก่

(1) กรณีเงินฝากมียอดเงินฝากคงเหลือน้อยกว่าขั้นต่ำที่ธนาคารกำหนด ธนาคารสามารถเรียกเก็บค่าบริการรักษาบัญชีเงินฝากได้ หากมียอดคงเหลือในบัญชีเงินฝากน้อยกว่าขั้นต่ำ ที่ธนาคารกำหนด (ส่วนใหญ่ ธนาคารจะกำหนดยอดขั้นต่ำไว้ที่ 2,000 บาท และเก็บค่าบริการรักษาบัญชีจนกระทั่งเงิน ในบัญชีหมดไป)

(2) กรณีบัญชีเงินฝากที่ไม่เคลื่อนไหวมียอดเงินฝากคงเหลือสูงกว่าขั้นต่ำที่ธนาคารกำหนด ธนาคารไม่สามารถเรียกเก็บบริการรักษาบัญชีเงินฝากสำหรับเงินในส่วนนี้ได้ ทั้งนี้ ธนาคารสามารถแยกเงินในบัญชีนี้ออกเป็นบัญชีที่ไม่มีการเคลื่อนไหว โดยต้องแจ้งยอดเงินฝากคงเหลือเป็นจดหมายลงทะเบียนหรือจดหมายรับรองให้ลูกค้าทราบ และหากลูกค้าหรือทายาทยังไม่ติดต่อกลับมายังธนาคารตามระยะเวลาที่กำหนด ธนาคารจะแยกเงินในบัญชีนี้ออกเป็นบัญชีที่ไม่มีการเคลื่อนไหว และที่ผ่านมาได้มีการใช้ประโยชน์จากเงินในส่วนนี้ ผ่านการรับรู้เงินในบัญชีดังกล่าวเป็นรายได้

ดังนั้น เพื่อไม่ให้เกิดการได้เปรียบเสียเปรียบในระบบสถาบันการเงินที่รับฝากเงิน กระทรวงการคลังจึงได้มีการยกร่างกฎหมายดังกล่าวเพื่อให้อำนาจกระทรวงการคลังเป็นผู้ดูแลเงินฝากที่ไม่มีการเคลื่อนไหวเกินกว่า 10 ปีขึ้นไปของประชาชนแทนสถาบันการเงิน และจัดทำระบบการค้นหาข้อมูลออนไลน์เพื่อสืบค้นเงินฝากที่ไม่มีการเคลื่อนไหว เพื่อให้ประชาชนเจ้าของบัญชีหรือทายาทตามกฎหมายสามารถสืบค้นและขอเงินต้นคืนได้ตลอดเวลา ผ่านการดำเนินการตามกระบวนการที่กำหนด ทั้งนี้ หากไม่มีการจัดทำระบบการค้นหาข้อมูลข้างต้น ประชาชนอาจจะลืมหรือไม่เคยรู้มาก่อนว่ามีเงินจำนวนดังกล่าวอยู่ หรือหากประชาชนต้องการสืบค้นเงินดังกล่าวก็จำเป็นต้องติดต่อสอบถามสถาบันการเงินเป็นราย ๆ ไป

ทั้งนี้ ในต่างประเทศได้มีการดำเนินการเกี่ยวกับบัญชีเงินฝากที่ไม่มีการเคลื่อนไหวในลักษณะเดียวกัน เช่น ออสเตรเลีย อังกฤษ ไอร์แลนด์ ญี่ปุ่น มาเลเซีย และสหรัฐอเมริกา เป็นต้น โดยส่วนใหญ่จะนำเงินฝากที่ไม่มีการเคลื่อนไหวมาบริหารจัดการเพื่อนำเงินส่วนหนึ่งไปเพื่อสาธารณประโยชน์ และกันเงินสำรองอีกส่วนหนึ่งไว้เพื่อคืนเงินแก่ประชาชนที่มาขอเรียกเงินคืน

สศค. ยังเชิญชวนหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน รวมถึงประชาชนทั่วไปร่วมแสดงความคิดเห็นและข้อเสนอแนะต่อร่างกฎหมายดังกล่าวถึงวันที่ 14 พ.ย. 2560 ผ่านทาง Fax: 0 2618 3366 Email: fpo.hearing@gmail.com

แสดงความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.