Posted: 18 Oct 2017 06:03 AM PDT (อ้างอิงจากอีเมล์ข่าว เว็บไซต์ประชาไท)
ทำความรู้จักร่าง พ.ร.บ. คุ้มครองพันธุ์พืชฉบับใหม่ ผ่านวงเสวนาหลังฉายสารคดี “Seed: The Untold Story” ท่ามกลางข้อถกเถียงว่ากฎหมายฉบั บนี้ส่งเสริมสิทธิบัตรพันธุ์พืช ต่อยอดการวิจัย หรือจะทำให้เกิดเป็นการผูกขาดสิ ทธิในเมล็ดพันธุ์ เพราะเมื่อการเก็บพันธุ์พื ชไปปลูกต่อจะถูกนิยามว่าเป็ นความผิด เกษตรกรยิ่งต้องพึ่งพาบรรษัทเจ้ าของสิทธิบัตรมากขึ้น
เมื่อวันที่ 5 ต.ค. กรมวิชาการเกษตร ได้เผยแพร่เรื่องการร่ างพระราชบัญญัติคุ้มครองพันธุ์ พืช พ.ศ. ....ฉบับใหม่ ซึ่งมีหลายจุดที่เปลี่ ยนแปลงจากฉบับเดิมในปี 2542 นำมาสู่การถกเถี ยงในวงสาธารณะเกี่ยวกั บผลกระทบที่จะตามมาหาก ร่าง พ.ร.บ. ฉบับใหม่ผ่านและนำมาใช้จริง
15 ต.ค. 2560 - Doc Club Theater จัดกิจกรรมฉายสารคดี "Seed: The Untold Story" ที่ Warehouse30 บอกเล่าความสัมพั นธ์ยาวนานกว่า 12,000 ปีระหว่างมนุษย์กับเมล็ดพืชพั นธุ์ที่มีทั้งช่ วงเวลาหอมหวานและขมขื่น ความหลากหลายของพืชพันธุ์สู ญหายไปไหน และคนธรรมดาๆ จะต่อสู้กับการเก็บรักษาแหล่ งอาหารแห่งอนาคตนี้ได้อย่างไร จากนั้นชวนคุยเรื่อง "เก็บเมล็ดพันธุ์ปลูกต่อคื ออาชญากรรม?" กับ วิฑูรย์ เลี่ยนจำรูญ ผู้อำนวยการมูลนิธิชีววิถี (BIOTHAI) ดำเนินรายการโดย กรรณิการ์ กิจติเวชกุล จาก FTA Watch
ความสำคัญของเมล็ดพันธุ์
กรรณิการ์ เกริ่นว่า สหภาพยุโรปเมื่อจะไปเจราจาการค้ ากับที่ไหนก็ตามเขาไม่ได้ สนการซื้อขายสินค้ามากเท่าที่ เขาสนใจเรื่องพันธุ์พืช พันธุ์สัตว์ แล้วก็ไม่ได้สนใจในเชิงจะซื้ อเมล็ดพันธุ์ แต่สนใจในความเป็นเจ้าของเมล็ ดพันธุ์ จะจดสิทธิบัตรได้ไหม จะบังคับให้เรารับจีเอ็มโอได้รึ เปล่า หรือถ้าไม่ได้ ขอให้มีการขึ้นทะเบียนคุ้ มครองพันธุ์พืชก็ยังดี คุ้มครองนักปรับปรุงพันธุ์ก็ยั งดี
วิฑูรย์ อธิบายว่า เมล็ดพันธุ์เป็นเรื่องใหญ่ เป็นอนาคตของโลก ปัญหาคือเมล็ดพันธุ์เหล่านี้สู ญหายไปอย่างรวดเร็ว ในช่วงสองทศวรรษมานี้ลดลงอย่ างรวดเร็ว เมื่อประมาณ 80 ปีที่แล้ว มีนักวิทยาศาสตร์จากอเมริกามาช่ วยไทยเก็บรวบรวมพันธุ์ข้าว เขาใช้ช่วงเวลาสั้นๆ เก็บรวบรวมตัวอย่าง 35 อำเภอ ได้พันธุ์ข้าวมา 100,000 กว่าตัวอย่างพันธุ์ แต่ปัจจุบันข้าวที่เราปลูกอยู่ ในพื้นที่ประมาณ 80 เปอร์เซ็นต์ ปลูกข้าวเพียง 5 สายพันธุ์
ศูนย์กลางพันธุ์พืชพันธุ์สัตว์ ในโลกมีอยู่ไม่กี่แห่ง ความหลากหลายของโลกนี้มีอยู่ไม่ กี่ที่ ไทยก็เป็นหนึ่งในศูนย์ กลางของความหลากหลายเหล่านี้ เป็นตรงกลางของความหลากหลาย 3 กลุ่มทั้งจากอินเดีย มลายู และตอนใต้ของจีน ไทยจึงมีความหลากหลายมาก ไทยจึงมีจุดแข็งที่ ความหลากหลายทางชี วภาพและความหลากหลายทางวั ฒนธรรมด้วย เช่น วัฒนธรรมอาหารซึ่งเป็นส่วนหนึ่ งของภูมิปัญญาการใช้ประโยชน์ จากพันธุ์พืชและระบบเกษตรกรรม
ระบบพันธุกรรมจึงเป็นส่วนหนึ่ งของระบบการผลิตการเกษตร พันธุ์พืชพันธุ์สัตว์เป็นตั วกำหนดระบบการผลิต ในสารคดี “Seed: The Untold Story” เฮนรี่ คิสซิงเจอร์ (Henry Kissinger) นักวิทยาศาสตร์และนักการทู ตชาวอเมริกัน กล่าวว่า “ถ้าจะยึดกุมประเทศให้ยึดแหล่ งน้ำมัน ถ้าจะยึดกุมประชาชนให้ยึดกุ มอาหาร”
วันดานา ชีว่า (Vandana Shiva) นักเคลื่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อม บอกว่า “ดังนั้นถ้าจะยึดกุมอาหารให้ยึ ดกุมเมล็ดพันธุ์”
ปัญหาใหญ่ที่เจอคือ อยู่มาวันหนึ่งพันธุ์พืชที่ เราเคยใช้ตกอยู่ภายใต้ระบบการค้ าที่บริษัทใหญ่ๆ เข้าไปมีบทบาท มีการออกนโยบายและกฎหมายเรื่ องสิทธิบัตร ถ้าดูจากเหตุและผลของเขาก็จะอ้ างเรื่องการมีสิทธิบัตรจะสร้ างแรงจูงใจให้กับนักปรับปรุงพั นธุ์ เป็นหลักประกันให้เราได้อาหารที่ ดี แต่เมื่อมีสิทธิบั ตรเกษตรกรจะเก็บเมล็ดพันธุ์ มาปลูกไม่ได้
อยู่ๆ การปลูกเมล็ดพันธุ์กลายเป็นสิ่ งผิดกฎหมายได้ยังไง?
วิฑูรย์กล่าวว่า ภายใต้พ.ร.บ. คุ้มครองพันธุ์พืชปี 2518 การขายเมล็ดพันธุ์ที่ถู กประกาศว่าเป็นพันธุ์พืชควบคุ มคุณภาพ จะต้องไปขอใบอนุญาต (ใบ พพ.) ไม่งั้นจะผิดกฎหมาย เหตุผลที่ใช้อ้างคือเพื่อไม่ให้ มีบริษัทหลอกขายเมล็ดพันธุ์ที่ ไม่ดี ดังนั้นรัฐจึงต้องควบคุม
แต่สิ่งนี้เป็นปั ญหาในหลายประเทศเมื่อเกษตรกรรู้ สึกว่าเขาไม่ควรจะเป็นเพียงแค่ คนบริโภค เพราะในอดีตที่ผ่านมาเขาเก็บรั กษาพันธุ์ และขายมัน แต่วันหนึ่งเขาทำไม่ได้ ถ้าทำต้องไปขออนุญาต หลายประเทศในยุโรปคนเริ่มต้นเก็ บเมล็ดพันธุ์ขายก็โดนจับ เมืองไทยการบังคับใช้ กฎหมายอาจไม่เข้มงวดเท่าไหร่ ก็ยังมีคนขายเมล็ดพันธุ์อยู่ได้
แต่สิ่งเหล่านี้เล็กน้อยมากเมื่ อเทียบกับปัจจุบัน วันที่ 5 ต.ค. 60 กรมวิชาการเกษตรประกาศว่าจะออก พ.ร.บ. คุ้มครองพันธุ์พืช ซึ่งเท่ากับว่ากฎหมายฉบับนี้ จะไปยกเลิก พ.ร.บ. คุ้มครองพันธุ์พืชฉบับเก่าปี 2542 และเปิดโอกาสให้มีการแสดงความคิ ดเห็นระหว่างวันที่ 5-20 ต.ค. เท่านั้น (แต่ปัจจุบันหลังจากมี การออกมาวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนั กทำให้กรมวิ ชาการเกษตรขยายเวลารับฟังความคิ ดเห็นไปจนถึงวันที่ 20 พ.ย.)
โดยกรมวิชาการเกษตรระบุอย่างชั ดเจนว่าเป็นการร่างกฎหมายเพื่ อให้เป็นไป “ตามแนวทางของอนุสัญญาระหว่ างประเทศว่าด้วยการคุ้มครองพั นธุ์พืชใหม่(อนุสัญญา UPOV 1991)” และรองรับ “แนวโน้มการเจรจาข้อตกลงการค้ าเสรี (FTA) จะผลักดันให้ประเทศไทยเข้าเป็ นภาคีสมาชิกอนุสัญญา UPOV1991”
UPOV 1991 คือ?
UPOV (The International Union for the Protection of New Varieties of Plants) คือสหภาพเพื่อคุ้มครองพันธุ์พื ชใหม่ เป็นการตกลงเพื่อให้สิทธิผู กขาดพันธุ์พืชใหม่แก่บริษั ทและนักปรับปรุงพันธุ์พืช โดยให้เหตุผลว่าเป็นการปกป้องสิ ทธิ สร้างแรงจูงใจในการค้นพบพันธุ์ พืชใหม่ สายพันธุ์ดี และจะเป็นผลดีต่อเกษตรกรและผู้ บริโภค บังคับใช้ครั้งแรกเมื่อปี 1961 และต่อมามีการปรับปรุงแก้ไขในปี 1972, 1978 จนในที่สุดความตกลง UPOV1991 ก็ใกล้เคียงกับการผู กขาดโดยระบบสิทธิบัตร เงื่อนไขการเข้าเป็นสมาชิกคือ จะต้องเป็นไปโดยความสมัครใจ แต่การถอนออกจากการเป็นสมาชิ กทำได้ยาก และอาจมีผลทำให้ประเทศที่ต้องสู ญเสียค่าชดเชยในภายหลัง
นักปรับปรุงพันธุ์
นิยามของ “นักปรับปรุงพันธุ์” ใน ร่าง พ.ร.บ. คุ้มครองพันธุ์พืชฉบับใหม่ หมายถึงคนที่ปรับปรุงพันธุ์พื ชหรือค้นพบและพัฒนาพันธุ์พื ชจนได้พันธุ์พืชใหม่ ซึ่งมาจากหลักกฎหมายสิทธิบั ตรอเมริกา ถ้าพบว่ามีพันธุ์พืชใหม่ที่มีลั กษณะพิเศษบางอย่างและนำมาใช้ ประโยชน์ได้ ก็อนุญาตให้มีการจดสิทธิบัตรได้
ซึ่งอเมริกากำลังทบทวนเรื่องนี้ ในหลายกรณี แต่ตอนนี้กฎหมายของไทยกำลังใส่ เรื่องนี้เข้าไปด้วย และคำว่า “ค้นพบ” อาจตีความได้ว่า ใครก็ตามสามารถส่งคนเข้ามาดูพั นธุ์พืชต่างๆ ถ้าพบพันธุ์ใหม่ๆ ก็ขอขึ้นทะเบียนเป็นพันธุ์พื ชใหม่ได้
นิยามของ “นักปรับปรุงพันธุ์” ใน ร่าง พ.ร.บ. คุ้มครองพันธุ์พืชฉบับใหม่ หมายถึงคนที่ปรับปรุงพันธุ์พื
ซึ่งอเมริกากำลังทบทวนเรื่องนี้
ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่ านมาบรรษัทข้ามชาติ และบริษัทเมล็ดพันธุ์ยักษ์ใหญ่ ได้ผลักดันให้ประเทศไทยยอมรั บระบบกฎหมายผูกขาดพันธุ์พื ชตามระบบ UPOV1991 ทั้งที่เป็นการผลักดั นโดยตรงและผ่านการทำเอฟทีเอไทย- สหรัฐอเมริกา ความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจภาคพื้ นแปซิฟิค (TPP) ความตกลง FTA อาเซียน-ยุโรป (Free Trade Area หรือเขตการค้าเสรี) เป็นต้น แต่ก็ไม่เคยประสบผลสำเร็จ
ในปี 2557 มีสัมมนาที่สนับสนุนโดยกรมการค้ าเมล็ดพันธุ์กับกรมเจรจาการค้ าระหว่างประเทศ ว่าด้วยเรื่องการเข้าภาคีอนุสั ญญาระหว่างประเทศการคุ้มครองพั นธุ์พืชใหม่ UPOV 1991 ดีอย่างไร และผู้สนับสนุนซึ่งประกาศอยู่ ในเว็บไซต์ http://www.thasta.com ได้แก่บริษัทเกี่ยวกับพันธุ์พื ชขนาดใหญ่ที่มีส่วนแบ่ งการตลาดทั่วโลก เช่น มอนซาโต้ ไพโอเนีย แปซิฟิก อีสต์เวสต์ซีด ซินเจนทรา รวมทั้ง เจียไต๋ ศรแดง และอื่นๆ
โดยได้ชี้แจงผลดีของ UPOV 1991 ว่า
- ทำให้อุตสาหกรรมเมล็ดพันธุ์
ของประเทศเป็นสากล และเป็นที่ยอมรับของประเทศคู่ค้ า - ทำให้เกิดการแข่งขันในการพั
ฒนาสายพันธุ์มากยิ่งขึ้น และไม่ทำให้เกิดการผูกขาด หรือทำให้ราคาแพงโดยไม่เหมาะสม - ทำให้เกษตรกรมีทางเลือกในการใช้
พันธุ์มากยิ่งขึ้น - ทำให้เมล็ดพันธุ์มีคุณภาพดีขึ้น เกษตรกรได้ผลผลิตคุณภาพดีขึ้น และเป็นที่ต้องการของตลาดมากขึ้
- ทำให้การแข่งขันเป็นไปโดยยุติ
ธรรม มีกฎกติกาเป็นที่ยอมรับ ที่ชัดเจน - เป็นการส่งเสริมการลงทุน และการพัฒนาทั้งอุตสาหกรรม ต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ ทั้งในประเทศ และการส่งออกต่างประเทศ
- ปกป้องชื่อเสี
ยงของประเทศในประชาคมโลก - สนับสนุน และเสริมสร้างให้มีคุ
ณธรรมและจริยธรรม ระหว่างผู้ประกอบการ
และผลเสียหากไม่เข้าเป็นสมาชิ กของ UPOV 1991 ว่า
- ต้องเพิ่มมาตรฐานในการทำธุรกิ
จเมล็ดพันธุ์ เพื่อป้องกันการลอกเลียนแบบ การขโมยสายพันธุ์ ทำไม่ได้ หรือ สร้างความลำบากมากขึ้น - เกษตรกรจะยากจนลงมากขึ้น เพราะได้เมล็ดพันธุ์ที่ไม่มีคุ
ณภาพมาเพาะปลูก ทำให้ผลผลิตต่ำ คุณภาพไม่ดี หรืออาจขาดทุน - ขาดความน่าเชื่อถือต่อคู่ค้
าและประชาคมโลก - ทำให้ภาครัฐต้องเพิ่
มงบประมาณในการดูแลเกษตรกรมากขึ้ น - เสียโอกาสในการแข่งขัน กับต่างประเทศ
- หมดโอกาสในการเป็นผู้นำในอุ
ตสาหกรรม (Seed Hub)
แน่นอนว่านี่เป็นการนำเสนอเพี ยงแค่ข้อดีของ UPOV 1991 เท่านั้น แต่ในความเป็นจริง การร่าง พ.ร.บ. คุ้มครองพันธุ์พืชฉบับใหม่ ที่ประกาศชัดเจนว่าเพื่อให้เป็ นไปตาม UPOV 1991 รวมถึงการผลักดันให้ไทยเข้าร่วม UPOV 1991 นั้น ปฏิเสธไม่ได้ว่ามาจากบริษั ทขนาดใหญ่ผู้ครอบครองส่วนแบ่ งหลักทางการตลาดเป็นผู้สนับสนุน
อีกด้านของ พ.ร.บ. คุ้มครองพันธุ์พืช
วิฑูรย์ กล่าวว่า บางสิ่งที่ซ่อนอยู่ในกฎหมายฉบั บนี้จะทำให้เกษตรกรที่เก็บรั กษาพันธุ์ ขยายพันธุ์ และต้องการจะพัฒนาสายพันธุ์ต่ างๆ ด้วยตัวเกษตรกรเองจะทำได้ ลำบากมากขึ้น นั่นคือสิ่งที่อยู่ใน มาตรา 35 ในร่าง พ.ร.บ. คุ้มครองพันธุ์พืชฉบับใหม่
แม้ทุกครั้งอธิบดีกรมวิ ชาการเกษตรจะพูดถึง วรรคแรกของมาตรา 35 ว่า "เพื่อประโยชน์ในการเพาะปลูกหรื อขยายพันธุ์สำหรับพันธุ์พืชใหม่ ที่ได้รับความคุ้มครอง เกษตรกรมีสิทธิในการใช้ส่ วนขยายพันธุ์ที่ตนเองเป็นผู้ผลิ ตในพื้นที่ของตนเอง"
แต่ วรรค 2 ของมาตรา 35 ซึ่งดูเหมือนมีอำนาจมากกว่ าวรรคแรก กล่าวว่า "เพื่อประโยชน์ในการส่งเสริ มการปรับปรุงพันธุ์ รัฐมนตรีโดยความเห็ นชอบของคณะกรรมการคุ้มครองพันธุ์ พืชมีอำนาจออกประกาศกำหนดพันธุ์ พืชใหม่ชนิดใดเป็นพันธุ์พืชที่ สามารถจำกัดปริมาณการเพาะปลู กหรือการขยายพันธุ์ทั้งหมดหรื อบางส่วนของเกษตรกรได้"
หมายความว่าในวรรคแรกคือหลักทั่ วไป แต่เมื่อใดก็ตามที่รัฐมนตรี ประกาศก็สามารถทำให้วรรคแรกนั้ นหมดความหมายได้ และสามารถห้ามไม่ให้เก็บเมล็ดพั นธุ์ไปปลูกต่อได้ทันที และสิ่งนี้เป็นจุดประสงค์ของบริ ษัทเมล็ดพันธุ์มาโดยตลอด กฎหมายใหม่นี้เน้นคุ้มครองนั กปรับปรุงพันธุ์ และวรรค 2 ในมาตรา 35 นั้น ถึงที่สุดจะกระทบต่อเกษตรกร
นอกจากนี้ หากเกษตรกรปลูกพันธุ์พืชใหม่ ตามประกาศข้างต้นแล้วเก็บรั กษาพันธุ์ไปปลูกต่อ หรือแจกจ่ายแก่เพื่อนบ้าน จะมีความผิดตามร่าง พ.ร.บ.มาตรา 74 มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 400,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
การควบคุมไม่ให้เกษตรกรเอาเมล็ ดพันธุ์ไปปลูกต่อ
1. ทำให้เป็นลูกผสม
หมายถึง มีต้นพ่อ ต้นแม่ ผสมกันได้ต้นลูก ซึ่งจะมีผลผลิตที่ดีกว่าพ่ อและแม่ เป็นเทคนิคที่เลือกพันธุ์แท้ สองพันธุ์มาผสม การปลูกข้าวโพดใช้เทคนิคนี้ แทบทั้งสิ้น ถ้าเราไปซื้อเมล็ดพันธุ์ข้ าวโพดปัจจุบันที่ขายอยู่กิโลกรั มละ 150-180 บาท เราจะไม่สามารถเก็บพันธุ์ไปปลู กต่อได้เพราะเมื่อเอาไปปลูกแล้ วผลผลิตที่ได้จะน้อยมากจนแทบไม่ มี หรือ "เป็นหมัน" นั่นเอง
ด้านหนึ่งการใช้เทคนิคนี้ได้ ผลผลิตที่ดีกว่าพ่อและแม่ แต่อีกด้านเป็นความตั้งใจของบริ ษัทเมล็ดพันธุ์ด้วยที่เมื่ อเราไปซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลู กเราต้องไปซื้อทุกฤดู และเราต้องผูกติดอยู่กั บการทดลองของบริษัทว่าเขาจะทำพั นธุ์แบบไหนมาให้เรา
2. การทำสัญญากับบริษัท เมื่อคุณซื้อเมล็ดพันธุ์ คุณเก็บพันธุ์ไปปลูกต่อไม่ได้
(คลิกเพื่อดูรูปขนาดใหญ๋)
3. การทำสิทธิบัตร คือการเอาแนวคิดแบบอุ ตสาหกรรมมาใช้ เมื่อใดก็ตามที่คุณค้นพบสิ่ งใหม่และสามารถประยุกต์ใช้ในอุ ตสาหกรรมเชิงพาณิชย์ได้ คุณสามารถจดสิทธิบัตรได้ ยกตัวอย่างสิทธิบัตรตัวหนึ่ งของบริษัทมอนซาโต้ (Monsanto - บริษัทมหาชนจำกัดด้านเกษตรเคมี และเทคโนโลยีชีวภาพการเกษตรข้ ามชาติ) ซึ่งตอนนี้อเมริกามีสิ่งนี้แล้ วแต่เมืองไทยยังไม่มี แต่เมืองไทยมีสิ่งที่คล้ายกับสิ่ งนี้คือกฎหมายคุ้มครองพันธุ์พื ชที่ว่า
(คลิกเพื่อดูรูปขนาดใหญ่)
ผลของกฎหมายสิทธิบัตร
Vernon Hugh Bowman
วิฑูรย์ยกตัวอย่าง Vernon Hugh Bowman เกษตรกรชาวอเมริกา จากรัฐอินเดียน่า ซึ่งความผิดของเขานั้น เป็นสิ่งเดียวกับใน ร่าง พ.ร.บ. คุ้มครองพันธุ์พืชฉบับใหม่ ของไทยเขียนไว้
ปกติ Bowman จะปลูกข้าวสลับกับถั่วเหลือง แต่ในการซื้อเมล็ดพันธุ์ถั่ วเหลืองเขาไม่ได้ไปร้านขายเมล็ ดพันธุ์ แต่ไปซื้อถั่วเหลืองทั่วไปที่ นำมาประกอบอาหารเพื่ อนำมาเพาะปลูก ท้ายสุดเขาโดนฟ้องจากบริษั ทมอนซาโต้ สู้กันหลายปี ในที่สุดเขาแพ้คดี คำตัดสินระบุความผิดของเขา 2 ข้อ คือ หนึ่ง เขาต้องจ่ายค่าเสียหายที่เป็นค่ าเมล็ดพันธุ์ และสอง เขาทำการละเมิดเมล็ดพันธุ์ โดยเมล็ดถั่วเหลืองที่เขาปลูกมี สิทธิบัตรของมอนซาโต้อยู่ เพราะฉะนั้นถั่วเหลืองที่ผลิ ตได้ก็ถือเป็นทรัพย์สิ นของมอนซาโต้ด้วย
ประเด็นสำคัญในเรื่องนี้คือ หากต้องการปลูกต้องไปซื้อเมล็ ดพันธุ์เพื่อการเพาะปลูกเท่านั้ น ไม่สามารถซื้อเมล็ดตามท้ องตลาดทั่วไปที่เป็นไปเพื่ อการประกอบอาหารได้
ทั้งนี้ ในกรณีของอเมริกาเป็นจีเอ็มโอ การรับรองจึงเป็นเรื่องของสิทธิ บัตรจีเอ็มโอ ซึ่งดูกันที่ยีนและพันธุกรรม แต่ของไทยยังไม่มีสิทธิบัตรพั นธุ์พืชพันธุ์สัตว์ มีแค่ พ.ร.บ.คุ้มครองพันธุ์พืช
จีเอ็มโอ ย่อมาจากคำภาษาอังกฤษว่า Genetically Modified Organisms (GMOs) คือ สิ่งมีชีวิตซึ่งไม่ว่าจะเป็นพืช หรือสัตว์ หรือแบคทีเรีย หรือ จุลินทรีย์ ที่ถูกดัดแปลง พันธุกรรม จากกระบวนการทาง พันธุวิศวกรรม (Genetic Engineering)โดยจากการตัดเอายี น(gene)ของสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่ง มาใส่เข้าไปในยีน (gene )ของสิ่งมีชีวิตอีกชนิดหนึ่ง โดยตามปกติไม่เคยผสมพันธุ์กั นได้ในธรรรมชาติ เพื่อให้สิ่งมีชีวิตชนิดนั้น ที่มีคุณลักษณะหรือคุณสมบัติ ตามที่ต้องการ
การขยายอำนาจผูกขาด ในร่าง พ.ร.บ. คุ้มครองพันธุ์พืชฉบับใหม่
พ.ร.บ. คุ้มครองพันธุ์พืชในปี 2542 ก็ให้สิทธิในการคุ้มครองนักปรั บปรุงพันธุ์ ถ้าวิจัยมาแล้วพบว่าเป็นพันธุ์ ใหม่ สามารถได้สิทธิผูกขาดการขาย แต่ไม่สามารถห้ามเกษตรกรเอาพั นธุ์ไปปลูกต่อ แต่ ณ ปัจจุบัน ร่างพ.ร.บ. คุ้มครองพันธุ์พืชฉบับใหม่ ได้ขยายอำนาจการผูกขาดของนักปรั บปรุงพันธุ์ออกไปอีก 4 เรื่อง ได้แก่
1. ขยายเพดานการผูกขาดพันธุ์พืช จาก 12-17 ปี เป็น 20-25 ปี
2. ขยายการคุ้มครองลักษณะพิเศษไปยั งสายพันธุ์ย่อยอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง จากเมล็ดพันธุ์ไปถึงตัวผลิ ตผลและผลิตภัณฑ์
ยกตัวอย่างเช่น ข้าวหอมมะลิมีความหอมเป็นลั กษณะสำคัญ แต่นักปรับปรุงพันธุ์พัฒนาจนเป็ นข้าวหอมมะลิสีม่วง ปรากฎว่ามีคนเอาข้าวหอมมะลินี้ ไปปลูกแล้วกลายพันธุ์หรือปรั บปรุงพันธุ์จนข้าวหอมมะลินี้มี วิตามินอีสูงมาก จนนำไปใช้เป็นยาเป็นเครื่ องสำอางได้ แต่ยังมีสีม่วงอยู่ กฎหมายนี้บอกว่า ถ้ามีลักษณะพิเศษนี้ของบริษั ทอยู่ ให้ถือว่าสายพันธุ์นั้นเป็ นสายพันธุ์ย่อยของบริษัท
คล้ายๆ กฎหมายของอเมริกา เกษตรกรเอาไปปลูกต่อไม่ได้ แต่ที่แย่กว่าคือ สิทธิบัตรพันธุ์พืชดูกันที่ยีน ซึ่งต้องดูกันในห้องแล็บ ฟ้องร้องกันถึง 4-5 ปี แต่อันนี้ดูแค่ลักษณะคือดูด้ วยตาเท่านั้นเอง
3. คุ้มครองสิทธิในการขยายพันธุ์ จนไปถึงผลิตผลและผลิตภัณฑ์ แต่เดิมถ้าได้รับการคุ้ มครองจะมีสิทธิเฉพาะการขยายพั นธุ์ เมล็ดพันธุ์ หน่อ กิ่งตอน แต่ร่างกฎหมายใหม่เลยไปถึง ผลิตผล เช่น ถั่วเหลืองที่นำไปทำกับข้าว และผลิตภัณฑ์ เช่น น้ำเต้าหู้
4. ทำลายหลักการแบ่งผลประโยชน์ให้ เกษตรกรหรือเจ้าของพันธุ์นั้น
แต่เดิมบริษัทเมล็ดพันธุ์ นักวิจัยยาจากต่างชาติ สามารถเข้ามาใช้ประโยชน์จากทรั พยากรเหล่านี้ นำไปทำยา หรือปรับปรุงเป็นพันธุ์ใหม่ ต่างชาติจะได้สิทธิผูกขาดแต่ไม่ เคยทำสัญญาแบ่งผลประโยชน์ จากประเทศเจ้าของทรัพยากร แต่ภายหลังมี ข้อตกลงอนุสัญญาว่าด้ วยความหลากลายทางชีวภาพ (Convention on Biological Diversity: CBD) ขึ้นมา ซึ่งเป็นอนุสัญญาระหว่ างประเทศที่รับรองสิทธิอธิ ปไตยของประเทศเหนือสิทธิทรั พยากรชีวภาพ หมายความว่าต้องมีการแบ่งปั นผลประโยชน์ที่ได้จากการใช้ทรั พยากรพันธุกรรมอย่างยุติ ธรรมและเท่าเทียม และให้การรับรองบทบาทของชุมชนท้ องถิ่นในการอนุรักษ์ พัฒนา และใช้ประโยชน์ทรัพยากรชีวภาพ ซึ่งหลายประเทศเปลี่ ยนกฎหมายจนปัจจุบันกลายเป็ นกฎหมายทั่วไปแล้ว
ไทย อินเดีย คอสตาริกา ฯลฯ เป็นแม่แบบของการผลักดั นกฎหมายนี้ ใน พ.ร.บ. คุ้มครองพันธุ์พืชปี 2542 จึงเขียนว่า เมื่อใดก็ตามที่มีการปรับปรุงพั นธุ์พืชใหม่ ใช้พืชท้องถิ่น ต้องขออนุญาตและแสดงแหล่งที่มา
แต่ปรากฎว่าสิ่งที่เห็ นในกฎหมายปัจจุบันได้แก้ไข 2 เรื่อง คือ
(1.) ตัดข้อความของกฎหมายเดิมที่ บอกว่า ถ้าขอรับการคุ้มครองพันธุ์พื ชใหม่ต้องแสดงที่มา ว่าใช้สารพันธุกรรมอะไร เปลี่ยนเป็น “ข้อมูลหรือเอกสารหรือวัสดุที่ จำเป็นแก่การตรวจสอบพันธุ์พื ชใหม่ตามที่พนักงานเจ้าหน้าที่ กำหนด” (ร่างพ.ร.บ.มาตรา 18 วรรค 3) หมายความว่าถ้ากฎหมายผ่าน การขอรับการคุ้มครองพันธุ์พื ชใหม่ก็ไม่ต้องบอกที่มา ถ้าต่อมาเราพบว่าเขาใช้สารพันธุ กรรมจากที่ใด เราต้องไปพิสูจน์เอาเอง ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย
การแก้ไขดังกล่าวมีเจตนาที่ จะหลีกเลี่ยงการขออนุญาตและแบ่ งปันผลประโยชน์ในกรณีที่มี การนำเอาสารพันธุกรรมและพันธุ์ พืชพื้นเมืองไปใช้ประโยชน์
และเมื่อเรามองดูทั่วโลกจะพบว่า การแสดงที่มาเป็นพื้ นฐานของกฎหมายทั่วโลก เช่น สวิสเซอร์แลนด์ ซึ่งแทบไม่มีความหลากหลายทางพั นธุ์พืชเลย หรือ นอร์เวย์ และจีน ล้วนแต่มีข้อความนี้ปรากฎอยู่ ในกฎหมายสิทธิบัตรและคุ้มครองพั นธุ์พืช
(2.) เขียนข้อยกเว้น มีการเปลี่ยนแปลงนิยามของพันธุ์ พืชพื้นเมืองทั่วไปว่า "พันธุ์พืชพื้นเมืองทั่วไป" หมายความว่า พันธุ์พืชที่กำเนิดภายในประเทศ หรือมีอยู่ในประเทศ ซึ่งได้มีการใช้ประโยชน์อย่ างแพร่หลาย ทั้งนี้ไม่รวมถึงพันธุ์พืชใหม่ พันธุ์พืชพื้นเมืองเฉพาะถิ่น พันธุ์พืชป่า หรือ พันธุ์พืชที่พิสูจน์ได้ว่าเป็ นพันธุ์ที่ผ่านกระบวนการปรับปรุ งพันธุ์ (ร่างพ.ร.บ.มาตรา4) การแก้คำนิยามดังกล่าวเป็นช่ องโหว่มหาศาล ทำให้บริษัทไม่จำเป็นต้องขออนุ ญาตและแบ่งปันผลประโยชน์ใดๆ เมื่อมีการนำเอาสารพันธุกรรมหรื อพันธุ์พืชไปใช้โดยเพียงแต่ เอาพันธุ์พืชพื้นเมืองเฉพาะถิ่น พันธุ์พืชพื้นเมืองทั่วไป หรือ พันธุ์พืชป่า มา “ผ่านกระบวนการปรับปรุงพันธุ์” เสียก่อน เท่านี้ก็ไม่เข้าเงื่ อนไขการขออนุญาตและแบ่งปั นผลประโยชน์แล้ว
ตัวอย่างเช่น โดยปกติแล้วการปรับปรุงพันธุ์พื ชทั่วไปจะต้องใช้หลายสายพันธุ์ สมมติว่าเจตนาจะใช้ยี นความหอมของข้าวหอมมะลิ เอายีนนั้นมาใช้ในพันธุ์พืชใหม่ แต่ไม่อยากแบ่งผลประโยชน์ เขาสามารถเอาข้าวหอมมะลิไปผสมกั บข้าวอื่นแล้วค่อยดึงลักษณะที่ ต้องการจากพันธุ์ข้าวใหม่นั้ นมาใช้ แค่นี้ก็สามารถหลีกเลี่ยงการแบ่ งปันผลประโยชน์ได้
ถ้ารวม 2 ข้อนี้ เท่ากับว่า กลไกที่เราเคยสร้างมาเพื่อคุ้ มครองทรัพยากรของชาติก็จะถู กทำให้ไม่มีความหมายนั่นเอง
ใครจะได้ประโยชน์จากกฎหมายเหล่ านี้?
ต้องดูว่าใครถือครองตลาดพวกนี้ ไว้ ในระดับโลก 8 บริษัทครอบครองตลาดไว้ 75 เปอร์เซ็นต์
จากรูป ตลาดเมล็ดพันธุ์โลก มี 8 บริษัทมีส่วนแบ่งการตลาด 75 เปอร์เซ็นต์ของทั้งหมด และส่วนใหญ่บริษัทเหล่านี้ จะสนใจการจดทะเบียนพืชไร่ ซึ่งเกษตรกรต้องซื้อปลูกอยู่แล้ วทุกฤดูกาล
ในไทย ข้าวโพดซึ่งมีส่วนแบ่งตลาด 3,000 ล้านบาท ซีพีมีส่วนแบ่ง 31.7 เปอร์เซ็นต์ ใช้สายพันธุ์ที่ได้สิทธิบั ตรจากมอนซาโต้ มอนซาโต้มีส่วนแบ่ง 22.8 เปอร์เซ็นต์ ซินเจนด้า 12.8 เปอร์เซ็นต์ ดูปองด์เพเนีย 13.9 นั่นแปลว่ากว่าครึ่งหนึ่ งของตลาดอยู่ในมือของซีพี และมอนซาโต้ ซึ่งเป็นพันธมิตรกัน ถ้านักเศรษฐศาสตร์จะใช้คำว่า “กึ่งผูกขาด”
ส่วนเมล็ดพันธุ์ผักในไทย ส่วนแบ่งตลาด 2,100 ล้านบาท ปัจจุบันมอนซาโต้และอีสเวสต์เป็ นพันธมิตร ทำตลาดด้วยกัน ถือครอง 38 เปอร์เซ็นต์ ส่วนซีพีถือครอง 20 เปอร์เซ็นต์ ที่เหลือเป็นอื่นๆ
ตัวเมล็ดพันธุ์ข้าวโพดและผักส่ วนใหญ่เป็นเมล็ดพันธุ์ผสม หมายความว่าเราเก็บพันธุ์ได้ ยากอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นแรงจูงใจสำคั ญของกฎหมายในมาตรา 34 วรรค 2 ที่ว่าถ้ามีประกาศเกษตรกรจะเก็ บเมล็ดพันธุ์มาปลูกต่อไม่ได้ มันจะถูกนำมาใช้กับตลาดที่ใหญ่ ที่สุดก็คือตลาดเมล็ดพันธุ์ข้าว ซึ่งปัจจุบันมีมูลค่า 20,000 ล้านบาท เขาสามารถห้ามชาวบ้านไม่ให้เก็ บเมล็ดข้าวมาปลูกต่อได้เลย
และทันทีที่ใช้กฎหมายแบบนี้ ราคาเมล็ดพันธุ์จะเพิ่มขึ้นอย่ างรวดเร็ว
ราคาสินค้าจะแพงขึ้น?
(คลิกเพื่อดูรูปขนาดใหญ่)
วิฑูรย์กล่าวว่า มีงานวิจัยเรื่องนี้โดยเปรี ยบเทียบกับอเมริกาซึ่งเพิ่ งมาเข้าร่วม UPOV 1991 ในปี 1999 พบว่าปี 1999-2007 เมล็ดพันธุ์ราคาสูงขึ้นอย่างชั ดเจน แพงขึ้นประมาณ 2.5-3 เท่า ข้อมูลของ UFTA เปรียบเทียบชัดเจนระหว่างต้นทุ นของเมล็ดพันธุ์กับต้นทุ นของฟาร์มโดยรวม ซึ่งส่วนของเมล็ดพันธุ์นั้นพุ่ งสูงขึ้นเหนือกว่าต้นทุนของฟาร์ มโดยรวมอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเที ยบกัน
ดังนั้นชัดเจนว่าการมีกฎหมายนี้ ในที่สุดเมล็ดพันธุ์จะมี ราคาแพงขึ้น
ตอนมีการเจรจา FTA (Free Trade Area หรือเขตการค้าเสรี) ไทยกับสหภาพยุโรป ระหว่างเจรจากันอยู่ภาคประชาสั งคมและนักวิชาการบอกว่า จะเจรจาแบบไม่มีความรู้ไม่ได้ อย่างน้อยต้องดูผลกระทบ มีผลดี ผลเสียอย่างไร จึงมีการผลักดันให้เกิดงานวิจัย ซึ่งช่วงนั้นมีงานวิจัยใหญ่ๆ ประมาณ 6-7 ชิ้น มีเรื่องความหลากหลายทางชีวภาพ เรื่องยา เรื่องอุตสาหกรรมทั้งระบบที่ จะได้รับผลกระทบ
ซึ่งการวิจัยคือการเทียบกับสิ่ งที่เกิดขึ้นในอเมริกา มีการศึกษาในเมืองไทยว่าถ้าใช้ กฎหมายที่ห้ามชาวบ้านเอาเมล็ดพั นธุ์ไปปลูกต่อจะเกิดอะไรขึ้น และเทียบว่าในกรณีที่เป็นพันธุ์ พืชทั่วไปถ้าห้ามไปปลูกต่ อแบบเดียวกับพันธุ์ลูกผสม ราคาจะเป็นยังไง
โดยงานวิจัยของ สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่ งชาติ (สช.) พบว่า ตลาดเมล็ดพันธุ์ข้าว ซึ่งเดิมอยู่ที่ประมาณ 20,000 ล้านบาท จะกลายเป็น 60,000-100,000 ล้านบาท ถ้ากฎหมายนี้เป็นไปแบบที่เขาต้ องการ จะสามารถควบคุมชาวบ้านเมื่อไปซื้ อพันธุ์จะซื้อแล้วปลูกได้หนเดี ยว จึงต้องซื้อเมล็ดพันธุ์ใหม่ทุ กครั้งที่ปลูก ต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจึงกลายเป็ นการผลักภาระให้เกษตรกร
วิฑูรย์ยกตัวอย่าง เมื่อประมาณ 10 ปีที่แล้ว มีบริษัทขนาดใหญ่ผลักดันการปลู กข้าวลูกผสม ในตอนนั้นเมล็ดพันธุ์ข้าวปกติ อยู่ที่กิโลกรัมละ 20-25 บาท แต่ทันทีที่ใช้เมล็ดพันธุ์ข้ าวลูกผสมที่จะเก็บไปปลูกต่อไม่ ได้ ราคาจะขึ้นทันทีเป็น 150 บาทต่อกิโลกรัม โดยเขาอ้างว่าผลผลิตจะเพิ่มขึ้น 2 เท่าจากเดิม จากปกติในพื้นที่ชลประทานจะปลู กได้ประมาณ 700 กิโลกรัมต่อไร่ จะเพิ่มขึ้นถึง 1,500 กิโลกรัมต่อไร่
แต่เขาไม่ประสบความสำเร็ จในการผลักดันเรื่องนี้ให้เป็ นนโยบายของรัฐ ไบโอไทยส่งนักวิจัยไปติดตามเมล็ ดพันธุ์ที่บริษัทส่งเสริมให้ เพาะปลูก เอาสมุดบันทึกของเกษตรกรแต่ ละรายมาดูว่าผลิตได้เท่าไหร่ ปรากฏว่าได้เพียง 800 กว่ากิโลกรัมต่อไร่เท่านั้น
ตั้งพนักงานของบริษัทเพื่อล่ าการละเมิดสิทธิบัตร
ในสารคดี “Seed: The Untold Story” กล่าวว่าด้วยกระบวนการเหล่านี้ สิ่งที่เราจะเห็นจะมีการส่งพนั กงานของบริษัทที่ตั้งขึ้นมาเพื่ อล่ารางวัลจากการละเมิดสิทธิบั ตร ในอเมริกามีข้อมูลการฟ้องร้ องคดีดังนี้
ผลกระทบต่อเราผู้บริโภค
(คลิกเพื่อดูรูปขนาดใหญ่)
วิฑูรย์กล่าวว่า ท้ายสุดวงจรเรื่องนี้จะมาถึ งพวกเราทุกคน เมล็ดพันธุ์แพงขึ้น ต้นทุนอาหารก็แพงขึ้น ที่สำคัญเมล็ดพันธุ์ที่บอกว่ าจะสร้างแรงจูงใจให้นักปรับปรุ งพันธุ์ งานวิจัยในยุโรปบอกว่าหลั งการใช้กฎหมาย UPOV พันธุ์พืชหลากหลายน้อยลง บริษัทเมล็ดพันธุ์เล็กๆ เจ๊งไป และแทนที่จะกระตุ้นให้เกิดการวิ จัยเมล็ดพันธุ์ที่มีคุณค่ าทางโภชนาการแต่กลับไป กระตุ้นให้เกิดการวิจัยพันธุ์พื ชบางอย่างที่ให้ ผลตอบแทนทางกำไรมากกว่า เช่น ไม้ดอกไม้ประดับ
หรือข้อดีอีกอย่างที่บอกว่าถ้ าใช้กฎหมายนี้เราจะได้พันธุ์ดี จากต่างประเทศเข้ามา แต่อเมริกาวิจัยเรื่องนี้ สำรวจประเทศที่เข้า UPOV ตั้งแต่ UPOV 1978 UPOV 1991 ปรากฏว่าไม่เป็นความจริง หนึ่ง ไม่มีพันธุ์พืชใหม่เข้ามาอย่ างที่อ้าง บางประเทศเพิ่ม บางประเทศลด โดยรวมไม่ปรากฏชัดเจน สอง เปลี่ยนจาก UPOV 1978 ซึ่งชาวบ้านยังเก็บพันธุ์ไปปลู กต่อได้ เป็น UPOV 1991 ไม่อนุญาตให้เก็บพันธุ์ไปปลูกต่ อ ซึ่งให้การผูกขาดมากขึ้น
โดยสรุปคือผู้บริโภคจะเจอเมล็ ดพันธุ์ซ้ำๆ ที่บริษัทผลิตขึ้นมาสร้ างผลกำไรให้เขา แต่เราอย่าหวังว่าจะได้พันธุ์พื ชที่ดีที่หลากหลาย อาหารก็จะแพงเนื่องจากต้นทุ นแพงขึ้น ปกติราคาเมล็ดพันธุ์ถ้าเทียบทั้ งต้นทุนการผลิตอยู่ที่ 5 เปอร์เซ็นต์ แต่เมื่อใดก็ตามที่เรารับระบบนี้ ต้นทุนเมล็ดพันธุ์จะมีสัดส่ วนประมาณ 35 เปอร์เซ็นต์ของต้นทุนทั้ งหมดทางการเกษตร และสิ่งนี้จะถูกผลักภาระไปให้ผู้ บริโภคทั้งหมด
กฎหมายนี้จะกระตุ้นนักปรับปรุ งพันธุ์ให้พัฒนา?
กรรณิการ์ ให้ความเห็นว่า ในฐานะที่เคยติดตามเรื่องสิทธิ บัตรยา ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับการคุ้ มครองพันธุ์พืช กล่าวคือ การให้สิทธิเจ้าของสิทธิบัตรอย่ างเข้มข้นมากๆ โดยใช้เหตุผลว่าเพื่อให้มี ยามากขึ้น คนจะได้มีกำลังใจในการผลิ ตยามากขึ้น แต่กลายเป็นว่า ยิ่งผูกขาดมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งจะผูกขาดสิ่งที่เขามี จนไม่คิดค้นยาอื่นๆ ยาที่เป็นโมเลกุลใหม่ๆ จึงเกิดขึ้นน้อยมากในช่วง 20-30 ปีที่ผ่านมา
ผู้ฟังเสวนาร่วมเสนอประเด็นว่า ถ้ามันจะนำไปสู่การคุ้มครองพั นธุ์พืชจริงๆ ทำไมเราถึงสนใจสิทธิ ในการครอบครองมากนัก ถ้าพวกเราคิดว่าเรามีสิทธิที่ จะใช้พันธุ์พืชร่วมกัน จะทำยังไงไม่ให้สิทธิมันเบี ยดเบียนกัน สิทธิของเกษตรกร สิทธิของนักปรับปรุงพันธุ์ สิทธิของชุมชนที่มีทรัพยากรนั้ นๆ ควรเท่าเทียมกัน ภาครัฐควรเปิดโอกาสให้ทุกฝ่ายร่ วมถกเถียงกันจริงจัง และมาตรา 35วรรค 2 เหมือนเอาสิทธิของเกษตรกรมาที หลัง แต่พิจารณาสิทธิของผู้ปรับปรุ งพันธุ์และผู้ว่าจ้างมาก่อน
ที่มาของร่าง พ.ร.บ. คุ้มครองพันธุ์พืช
วิฑูรย์ เล่าให้ฟังว่า เมื่อ 16 มี.ค. 59 มีการเปิดรับฟังความคิดเห็น เชิญหลายฝ่ายไปให้ความคิดเห็น เปิดแค่ครึ่งวัน ไม่แจกเอกสารแม้แต่ชิ้นเดียว มีแค่การฉายสไลด์ บางคนได้รับจดหมายในตอนเช้าวั นนั้น แล้วก็ต้องมาประชุมเพราะเห็นว่ าเป็นเรื่องสำคัญ
ไบโอไทยได้รับจดหมายหนึ่งวันก่ อนการประชุม ซึ่งรวบรัดมาก เราต่อรองว่าขอส่งจดหมายเพื่ อบอกว่ามีปัญหาอะไรบ้างในสไลด์ ที่เขาฉาย ปรากฏว่าสิ่งที่เสนอไปไม่ ปรากฏเลยในร่างกฎหมายที่ เขาประกาศอยู่ปัจจุบัน
จึงเห็นว่าสิ่งที่เขาทำอยู่ ตอนนี้เป็นแค่เพียงพิธีกรรม โดยเจตนาของการร่างกฎหมายเขาเขี ยนไว้แล้วว่าเขาต้องการร่ างกฎหมายให้เป็นไปตาม UPOV 1991 และสิ่งที่เขาพูดมาทั้งหมดอยู่ ใน UPOV 1991 เพราะฉะนั้นถ้าเขายืนหลักนี้อยู่ การไปเสนอความเห็นก็ไม่เป็ นประโยชน์อะไรเลย แล้วเราไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีคนให้ ความเห็นกี่หมื่นราย เขาจะพูดตามความเป็นจริงไหม
“ถ้าผมจะเสนอตอนนี้ ทำจดหมายถึงรมว.กระทรวงเกษตรฯ และ cc กรมวิชาการเกษตร และโพสต์จดหมายนั้นในเฟสบุ๊ กของพวกเรา ในเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อง เราจะรวบรวมเรื่องนี้มาผลักดั นต่อทางนโยบาย ถ้าสู้ไม่ได้เพราะอยู่ในเวลาเร่ งรัด เราต้องสู้ในเวทีใหญ่กว่านั้น คนที่มีอำนาจตัดสินใจมากกว่านั้ น ตอนนี้เราก็ทำจดหมายกลางไว้แล้ ว” วิฑูรย์กล่าว
จีเอ็มโอจะได้รับการคุ้มครองง่ ายขึ้นด้วยไหม?
วิฑูรย์ให้ความเห็นว่า ในกฎหมายเดิมเขียนไว้ว่าถ้าคุ ณประสงค์จะขอรับการคุ้มครองพั นธุ์พืชใหม่ คุณต้องผ่านการทดสอบความปลอดภั ยทางชีวภาพกับหน่วยงานที่เกี่ ยวข้องก่อน แต่กฎหมายนี้ตัดข้อความนี้ออกไป หมายความว่าถ้าเขาจะขอรับการคุ้ มครองพันธุ์พืชใหม่ก็ไม่ต้ องทำแบบนั้นแล้ว
แต่ ณ ปัจจุบัน รัฐบาลยังไม่มีนโยบายเรื่องจี เอ็มโอ การที่เขาจะขอรับการคุ้ มครองอาจจะเป็นเรื่องยาก แต่ถ้าวันใดก็ตามรัฐบาลผ่านเรื่ องจีเอ็มโอ เขาก็สามารถเข้ามาขอรับการคุ้ มครองได้เลยโดยไม่ต้องผ่ านการทดลอง เช่นเดียวกับเรื่องการแสดงที่ มาของสารพันธุกรรม
กรรณิการ์ ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ในไทยมีกฎหมายเกี่ยวกับการติ ดฉลากสินค้าที่มีจีเอ็มโอ แต่ให้แสดงแค่ 2 ผลิตภัณฑ์เท่านั้นคือ ผลิตภัณฑ์ที่มาจากข้าวโพดและถั่ วเหลือง และต้องเป็นผลิตภัณฑ์ที่อยู่ 1 ใน 3 อันดับแรก มีเกิน 5 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น และไม่บังคับว่าตัวจะเล็ กขนาดไหน พบว่ามีซีเรียลที่มีผลิตภัณฑ์จี เอ็มโอ แต่เขียนฉลากด้วยตัวหนังสือที่ เล็กมาก มูลนิธิผู้บริโภคพยายามผลักดั นเรื่องนี้ตั้งแต่เมื่อ 2 ปีที่แล้วที่รัฐบาลบอกว่าจะคุ้ มครองผู้บริโภค รัฐมนตรีสาธารณสุขบอกว่าไม่มีปั ญหา จะแสดงทุกผลิตภัณฑ์ที่มีจีเอ็ มโอ มีปริมาณเท่าไหร่ตามที่ สามารถตรวจค้นได้ก็ต้องใส่ตามนั้ น 3 เดือนเสร็จ แต่จนป่านนี้ 2 ปีมาแล้วก็ยังไม่เสร็จ
อ้างอิง:
แสดงความคิดเห็น