
100 ปี ป๋วย – ถึงเวลาทบทวนการสร้างอนุสาวรีย์ อาจารย์ป๋วยแล้ว
Posted: 08 Mar 2016 06:21 AM PST (อ้างอิงจากอีเมล์ข่าว เวบไซท์ประชาไท)
นายป๋วย อึ๊งภากรณ์ สามัญชนในไม่กี่คนซึ่งจะได้รั
ชีวิตของป๋วย เท่าที่รับรู้ เป็นชีวิตที่เรียบง่าย ไม่ฟุ้งเฟ้อ แม้ว่าตนจะเป็นข้าราชการระดับสู งและมีชื่อเสียง ทั้งยังซื่อสัตย์ตงฉิน ในหลายสถานการณ์ ป๋วยกล้าพอที่จะพูดต่อผู้มี อำนาจเชิงทั้งตักเตือนและต่อต้ านการกระทำที่ผิด จนเป็นเหตุให้ป๋วยต้องถูกอั ปเปหิจากการงาน
ป๋วยเป็นบุคคลหนึ่งที่เลื อกจะทำตามอุดมคติของตน เขามีเป้าหมาย ความมุ่งมั่นขับเคลื่อนภายใน และมีความรักชาติอย่างที่ตนเชื่ อถือ และต้องการเจริญแนวทางสันติ ประชาธรรม
ถึงกระนั้น เมื่อเรามองภาพถ่ายป๋ วยในหลายภาพ ภาพที่เราเห็นกลับไม่ใช่บุคคลที ่โดดเดี่ยวยืนตระหง่าน กลับเห็นป๋วยมีลูกศิษย์มิ ตรสหายล้อมรอบอยู่ด้วยมากมาย ป๋วยเองก็คงจะชอบเช่นนั้น เมื่อลองอ่านข้อเขียนของป๋ วยหลายต่อหลายครั้งเราจะเห็นว่ าเขายกย่องความสำเร็ จของตนมาจากการที่ผู้อื่นมาเกี่ ยวข้อง เขาเห็นว่าตัวเองเป็นหนี้ ประชาชนให้ได้ไปเรียน เพราะมีแม่ดี เพราะมีเมียดี
การเป็นข้าราชการที่ซื่อสัตย์ และมีเป้าหมายนั้นไม่ใช่สิ่งที่ ป๋วยมี แต่เขายังมีความคิดและการปฏิบั ติที่ดึงดูดนักศึกษาให้เข้าหาอี กด้วย พูดคุยและเปิดกว้างถกเถียงกั บเขา เขาทำในสิ่งตรงข้ามกับผู้ใหญ่ ในระบบความเชื่อที่ว่าเด็กต้ องตามหลังผู้ใหญ่ ไม่ถกไม่เถียง เขาเป็นคณบดีและอธิการบดีที่ส่ งเสริมการศึกษาศิลปศาสตร์ (Liberal Art) ฝึกให้นักศึกษาคิดในหลากหลายมุม มีความรู้ทางมนุษยศาสตร์ รู้รอบ ป๋วยเองยังส่งเสริมการศึกษาวิ ทยาศาสตร์ให้นักศึกษาคิดอย่างมี เหตุผลด้วย (ขอเสริมเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยว่า ป๋วยเป็นคนแนะนำหนังสือชื่อ “Education For Liberation” ที่เขียนโดย อดัม เคิร์น (Adam Curle) ให้สุลักษณ์ ศิวรักษ์ไปอ่าน ซึ่งภายหลังมีการแปลหนังสือเล่ มนี้เป็นไทย)
อย่างไรก็ดี เมื่อมองความพยายามสร้างการศึ กษาเพื่อความเป็นไท และปลดแอกตนสู่การคิดที่มีเหตุ ผล ไม่งมงาย และยกย่องคนอื่นของป๋วย สิ่งนี้ดูจะเจือจางไป อย่างน้อยที่สุดจากการเห็ นการสร้างอนุสาวรีย์ป๋ วยจำนวนมากมายกลาดเกลื่อน ที่สุดท้ายกลับกลายเป็นอนุสาวรี ย์ศักดิ์สิทธิ์สำหรั บการกราบไหว้บูชาไป เพื่อบนบานสำหรับการสอบเข้ าคณะต่างๆของมหาวิทยาลั ยและสำหรับการเรียน
ขอสมมติดูก็ได้ ถ้ามีคนคนหนึ่งมีอนุสาวรีย์สั กสิบสิบยี่สิบแห่ง จะไม่น่าเบื่อสำหรับผู้หนึ่งหรื อ หรือได้ยินยกย่องวีรกรรมทั้งวั นคืนจะไม่แย่เอาหรือ แล้วการรำลึกถึงป๋วยส่วนอื่นๆอี กเล่า เช่น การจัดเสวนารำลึกต่างๆนานา ครั้งหนึ่งผู้เขียนไปฟั งเสวนาเปิดตัวแสตมป์ป๋วยที่ โรงเรียนแห่งหนึ่ง ทั้งงานทุกคนพูดแต่รำลึกความหลั งและสรรเสริญป๋วย บางคนถึงกลับบอกว่า “ทำให้ได้สักครึ่งหนึ่งของท่ านก็พอแล้ว” ผู้เขียนได้แต่รำพึงรำพัน ฤาป๋วยกำลังถูกวัฒนธรรมวีรบุรุ ษแบบไทยๆกัดกิน ทำให้กลายเป็นอัศวินขี่ม้าขาว เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไปเสียแล้ ว– ผู้เขียนตามกิจกรรมรำลึกป๋ วยมาหลายครั้ง ไม่เคยเห็นสักครั้งว่าจะมีการพู ดในแง่วิพากษ์วิจารณ์สักเท่ าไหร่เลย
มิไยต้องเอ่ยถึงเหล่าผู้สรรเสริ ญเยินยอบางคนเล่า เป็นผู้บริหารมหาวิทยาลัย และคณาจารย์ที่รับใช้เผด็จการ ไม่ว่าเผด็จการจะทำอย่างไร จะจับนักศึกษาหรือไม่ จะย่ำยีทรมานคนที่ต่อสู้เพื่อสิ ทธิชุมชนและสิทธิมนุษยชนเท่าไร ก็โค้งหัวให้อย่างไม่อายอะไร นี่หรือคือผู้ที่จะมากล่าวสดุดี สรรเสริญอุดมการณ์สันติ ประชาธรรมของป๋วย
ผู้เขียนในฐานะวัยรุ่นคนหนึ่ งและเชื่อว่าคนในวัยเดียวกันอี กจำนวนมากก็คงจะรู้สึก ผู้ถูกกรอกหูให้รับรู้เรื่องอภิ นิหารยอดมนุษย์จำนวนมาก ซึ่งได้เกิดอาการตามองทะลุ ออกจากถ้ำแล้ว – ไม่เชื่อในวีรบุรุษคนดีที่ จะมากอบกู้โลก- คงจะตั้งคำถามคาใจแม้จะมีการสร้ างอนุสาวรีย์และยกย่องป๋วยไม่ หยุดหย่อน; ป๋วยคงจะมีอีกหลายอย่างที่ เราไม่รู้ที่น่าจะรู้ แล้วมีใครบ้างหนอที่ช่วยเหลือป๋ วยจนสำเร็จมาได้ สามัญชนคนนี้ทำงานในลักษณะเครื อข่ายหรือตัวคนเดียว เขาล้มเหลวอะไรบ้างไหม นี่คือคำถามที่เกิดขึ้น
สำหรับผู้เขียนแล้ว ถ้าร้อยปีแห่งชาตกาลของป๋วยยั งเดินกันไปแบบยกย่องตามวั ฒนธรรมวีรบุรุษที่ทำกันมาอย่ างช้านานในสังคมไทย ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจะไม่ได้เป็ นคุณกับใคร ไม่แม้แต่ป๋วย อึ๊งภากรณ์ผู้ล่วงลับ นอกจากจะเป็นการปลุกใจกั นไปตามวาระโอกาสเท่านั้นเอง ผู้เขียนรู้สึกว่าอนุสาวรีย์ที่ สร้างขึ้น พิธีกรรมตามเคยนั้นไม่มี ความหมายที่เพียงพอ มันไม่ได้สร้างเสริมต่อเติมหรื อทบทวนเพื่อพัฒนาสังคมไทยที่ดี ดังที่ป๋วยหวังจะให้เป็น – ขอให้โอกาสร้อยปีนี้ ไปมากกว่าร้อยปีข้างหน้าของป๋วย เราได้ก้าวเดินไปไกลกว่ายกย่ องแบบที่ผ่านๆมาเถิด
แสดงความคิดเห็น