แผนเพิ่มจำนวนผู้หญิงทำงานของญี่ปุ่นล้มเหลวจริงหรือ?
แผนการของนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ ที่ต้องการเพิ่มจำนวนผู้หญิงในภาคแรงงานเพื่อช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจญี่ปุ่น หรือที่เรียกว่า “วีเมนโนมิคส์” นั้น ดูเหมือนจะเป็นนโยบายที่สวยหรู ทว่า มาริโกะ โออิ ผู้สื่อข่าวบีบีซีบอกว่า นโยบายนี้อาจไม่ประสบความสำเร็จอย่างที่คิด
ผู้สื่อข่าวบอกว่า เดิมทีรัฐบาลญี่ปุ่นตั้งเป้าจะเพิ่มจำนวนผู้หญิงที่ทำงานในตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงของหน่วยงานรัฐและเอกชนให้ได้ 30% ภายในปี 2563 แต่ภายในเวลา 2 ปี กลับมีการปรับลดเป้าหมายนี้ลงเหลือเพียง 7% สำหรับผู้บริหารระดับสูงของหน่วยงานรัฐ และ 15% สำหรับบริษัทเอกชน
สาเหตุของการปรับลดเป้าหมายดังกล่าวมีด้วยกันหลายประการ อาทิ การที่ผู้หญิงต้องรับภาระเลี้ยงบุตรเพราะหาเนอร์สเซอรี่ให้ลูกไม่ได้ โดยปัจจุบันญี่ปุ่นกำลังประสบปัญหาขาดแคลนบุคลากรที่ทำงานในสถานรับเลี้ยงเด็กเนื่องจากเป็นงานที่มีรายได้ต่ำ และแม้ว่ารัฐบาลจะเคยรับปากหลายครั้งว่ากำลังแก้ไขปัญหานี้ แต่ข้อมูลล่าสุดพบว่ามีเด็กกว่า 72,000 คนกำลังรอการตอบรับเข้าเนอร์สเซอรี่
อุปสรรคอีกประการที่อาจทำให้แผนเพิ่มจำนวนผู้หญิงทำงานไม่ประสบความสำเร็จก็คือ ปัญหาการกีดกันทางเพศทำให้ผู้หญิงมักไม่ค่อยได้รับโอกาสในการทำงาน โดยปัจจุบันพบว่า 2 ใน 3 ของผู้หญิงญี่ปุ่นไม่ได้ทำงานเต็มเวลา
นายอากิระ มัตสึโมโตะ ประธานบริษัทคาลบี้ ผู้ผลิตขนมขบเคี้ยวชื่อดังของญี่ปุ่น บอกว่า ผู้บริหารบริษัทญี่ปุ่นบางคนไม่ค่อยอยากจ้างผู้หญิงทำงานในระดับบริหาร เพราะคุ้นเคยกับโลกที่ผู้ชายเป็นใหญ่ อย่างไรก็ตาม บริษัทของเขาได้พยายามสนองนโยบายของรัฐบาล และเพิ่มจำนวนผู้จัดการหญิงขึ้นกว่า 3 เท่า คือจากปี 2552 ที่มีอยู่เพียง 5.9% ขึ้นมาเป็นเกือบ 20% ในปัจจุบัน
นายมัตสึโมโตะ กล่าวว่า อยากเห็นบริษัทชั้นนำของญี่ปุ่น เช่น โตโยต้า และนิสสันว่าจ้างพนักงานหญิงมากกว่านี้เพื่อเป็นตัวอย่างให้แก่บริษัทอื่น ๆ โดยปัจจุบัน โตโยต้ามีผู้จัดการหญิงเพียง 3% ขณะที่นิสสันมีอยู่ 8% ส่วนตัวเลขผู้บริหารระดับสูงที่เป็นผู้หญิงในหน่วยงานรัฐของญี่ปุ่นมีอยู่เพียง 3.5%


แสดงความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.