ไขลานความคิด
2 hrs ·

บัตรคนจน ประชารัฐเจ้าสัว
--------------------------------
หลังจากรัฐบาลประกาศสิทธิพิเศษในโครงการ "บัตรสวัสดิการของรัฐ" หรือ "บัตรคนจน" ก็เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันในวงกว้างว่าสิ่งนี้คือทางออกของการแก้ไขปัญหาความยากจนจริงหรือ เพราะที่ผ่านมาการช่วยเหลือในลักษณะของการให้เปล่านั้นพิสูจน์แล้วว่าไม่สามารถช่วยให้แก้ปัญหาได้อย่างยั่งยืน จะเห็นผลแค่การกระเตื้องขึ้นของระบบเศรษฐกิจในระยะสั้นๆเท่านั้น ที่ผ่านมาในรัฐบาลยุคก่อนๆจึงพยายามสร้างระบบเศรษฐกิจในชุมชุนให้พึ่งพาตนเองได้ ด้วยการกระตุ้นให้เกิด SME และ OTOP ผ่านกองทุนต่างๆมากมาย
.
ปัญหาของความยากจนของไทยมาจากความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงโอกาสต่างๆ โดยเฉพาะการลงทุนเพื่อสร้างและต่อยอดธุรกิจของตนเอง การจัดตั้งกองทุนกู้ยืมต่างๆในชุมชนที่มีความสะดวกกว่าไปกู้ธนาคารเพราะติดเงื่อนไขมากมายจึงช่วยเพิ่มโอกาสให้ถึงแหล่งเงินทุน เนื่องจากชาวบ้านรู้จักคนในชุมชนเองดีอยู่แล้ว อีกทั้งดอกเบี้ยก็ไม่มหาโหดเหมือนไปกู้นอกระบบ โดยกู้ไปทำธุรกิจ หรือกู้ซื้อปุ๋ยซื้อยาบำรุงพืช ซื้อรถไถ ซื้อรถกระบะมาขนข้าวหรือผลิตภัณฑ์ในการเกษตรไปจำหน่าย หรือจะลุงทุนอะไรก็ตามแต่ท้ายที่สุดผลที่ได้มาคือเกิดกระแสเงินไหลเวียนในชุมชน ส่งผลถึงเศรษฐกิจภาพรวมที่ดีขึ้นในที่สุด แล้วถามว่าการให้เปล่านั้นมีหรือไม่ ตอบได้เลยว่ามี แต่ก็ให้เฉพาะคนที่มีอุปสรรคในการประกอบอาชีพจริงๆอย่างเบี้ยคนพิการหรือเบี้ยคนชราเป็นต้น
.
แต่สิ่งเหล่านี้กลับถูกบิดเบือนจากกลุ่มผู้เสียประโยชน์ว่าเป็นประชานิยม ส่งเสริมให้คนเป็นหนี้ไปเสียได้ และการให้แบบบัตรคนจนคือทางออกของคนเหล่านี้ การให้แบบสังคมสงเคราะห์มองคนจนเป็นคนอนาถา อยากได้อะไรก็มารูดเอาไปสิเงินทั้งหมดก็ไปตกที่เจ้าสัวไม่ผ่านชุมชนเลยแม้แต่บาทเดียว พูดง่ายๆคือเอาเงินรัฐไปซื้อของเจ้าสัวมาแจกชาวบ้านนั่นแหละ ให้แบบนี้อีกกี่ชาติถึงจะลืมตาอ้าปากได้ และการที่เลือกให้เฉพาะคนจนนั่นคือการตัดสิทธิการเข้าถึงสวัสดิการของรัฐจากคนชั้นกลางอย่างเนียนๆ ทั้งที่จริงๆแล้วควรจะได้รับโอกาสนี้กันทุกคน
.
เมื่อก่อนหากจะขอเข้ากองทุนหมู่บ้าน กองทุนสตรี และอีกหลายๆกองทุนในชุมชนเค้าไม่จำกัดด้วยซ้ำว่าจะรวยจน มาตอนนี้มี 11 ล้านคนที่ลงทะเบียนไว้เท่านั้นที่จะได้ใช้บัตร เท่ากับว่ารัฐจะเซฟเงินได้มหาศาล มีเงินเหลือเฟือพอที่จะไปชอปปิ้ง อาวุธยุทโธปกรณ์ ต่างๆมากมาย เจ้าสัวก็ไม่ต้องลำบากโฆษณาตามสื่อในเมื่อต่อไปจะมีลูกค้าเข้ามาทุกเดือน ทั้งหมดทั้งมวลนี้มันคือการแก้ปัญหาแบบผิวเผินไม่ได้เข้าถึงหัวใจของประชาชนเลยแม้แต่นิดเดียว การช่วยเหลือที่ถูกวิธีคือการสอนให้เขาหาปลา ไม่ใช่เอาปลาไปให้เขา ถ้านี่คือวิธีหาเสียงล่วงหน้าบอกเลยว่ามาผิดทางมาก


แสดงความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.