Posted: 25 May 2018 04:50 AM PDT (อ้างอิงจากอีเมล์ข่าว เว็บไซต์ประชาไท www.prachatai.com)

ขยายเวลาประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินฯ ชายแดนภาคใต้ ครั้งที่ 52 อีก 3 เดือน พล.อ.ประวิตร กำชับหน่วยงานความมั่นคง เอาผิดใช้โซเชียลเผยแพร่ข้อมูลเท็จกระทบความมั่นคง-บิดเบือน-ประชาชนตื่นตระหนก

25 พ.ค.2561 วันนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์ฉุกเฉิน เกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธาน โดยที่ประชุมมีมติขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ออกไปอีก 3 เดือน ตั้งแต่วันที่ 20 มิถุนายน 2561 – 19 ก.ย. 2561 เป็นการขยายครั้งที่ 52 โดยการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในเขตพื้นที่ จ.นราธิวาส จะยกเว้น อ.สุไหง โก-ลก จ.ยะลา ยกเว้น อ.เปตง และ จ.ปัตตานี ยกเว้น อ.แม่ลาน
ทั้งนี้ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ได้ให้เหตุผลในการเสนอขอปรับลดพื้นที่ อ.สุไหง โก-ลก ออกจากการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน เพราะประเมินแล้วผ่านเกณฑ์ตัวชี้วัด และจะช่วยส่งเสริมการดำเนินงานตามโครงการเมืองต้นแบบ “สามเหลี่ยมมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน” โดยจะนำเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป

นอกจากนี้ พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร ได้กำชับทุกหน่วยงานความมั่นคง ให้ติดตามการให้ข้อมูลข่าวสารอันเป็นเท็จและมีลักษณะการบิดเบือน รวมทั้งข้อมูลที่สร้างความโกรธ เกลียดชังกันในสังคม ซึ่งพบมากขึ้นในปัจจุบัน โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง บังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังหากพบข้อมูลที่กระทบต่อความมั่นคงปลอดภัยของประเทศก่อให้เกิดความตื่นตระหนก หรือเกิดความเสียหายกับประชาชน

“การนำเสนอข้อมูลในอินเตอร์เน็ต ที่มีหลากหลายลักษณะ ทั้งข้อมูลอันเป็นเท็จ ข้อมูลที่ไม่ครบถ้วน บิดเบือน ตัดต่อเชื่อมโยงทั้งภาพและข้อมูล การสมอ้างคำพูด โดยพยายามสร้างความสนใจ ใช้คำหยาบคาย ส่อเสียด เหยียดหยามให้เกิดอารมณ์โกรธเกลียดชังกันในสังคม” โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าว

พล.ท.คงชีพ ยังขอเตือนไปยังบุคคลหรือกลุ่มบุคคล ที่อาจไม่มีเจตนา หรือ มีเจตนากระทำการดังกล่าว ว่ากำลังก้าวล่วง พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560 หรือ กฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง ดังนั้นให้ตระหนักถึงผลกระทบทางกฎหมายที่จะตามมา พร้อมกันนี้ ขอให้ประชาชนทุกคน ได้ใช้ดุลยพินิจในการรับข้อมูลข่าวสาร ร่วมกันติดตามและแจ้งแหล่งที่มาของข้อมูลอันเป็นเท็จ ที่สร้างความเสียหายกับส่วนรวมและประเทศชาติให้เจ้าหน้าที่รัฐทราบร่วมกัน

ที่มา : สำนักข่าวไทย[full-post]

แสดงความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.