Posted: 28 May 2018 10:58 PM PDT (อ้างอิงจากอีเมล์ข่าว เว็บไซต์ประชาไท www.prachatai.com)
ตำรวจนำ พริษฐ์ และธนวัฒน์ ไป สน.ปทุมวัน ลงบันทึกประจำวัน หลังยืนกินมาม่าซ้อมอดอยากรอเลือกตั้ง ที่สกายวอล์คแยกปทุมวัน เจ้าตัวโพสต์การยืนกินมาม่าไม่ได้เป็นภัยต่อความมั่นคงของประเทศ แต่ว่าคณะรัฐประหารจะมองว่าเป็นภัยต่อความมั่นคงในเก้าอี้ของพวกท่านเอง
เมื่อช่วงเย็นวานนี้ (28 พ.ค.61) ที่สกายวอล์คแยกปทุมวัน พริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน นักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และ ธนวัฒน์ วงค์ไชย ประธานสภานิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พร้อมด้วยประชาชน และแนวร่วมกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง ทำกิจกรรม 'ซ้อมอดอยากรอเลือกตั้ง' เพื่อสื่อถึงการปรับตัวตามสถานการณ์เศรษฐกิจเพราะไม่รู้ว่าจะมีเลือกตั้งเมื่อไร หลังจากจบกิจกรรมแล้ว ตำรวจ สน.ปทุมวันได้เชิญตัวพริษฐ์และธนวัฒน์มาที่ สน.ปทุมวัน โดยทางตำรวจแจ้งว่าให้มาเพื่อสอบถามถึงความหมายของกิจกรรมพร้อมกับลงบันทึกประจำวันไว้
พริษฐ์ โพสต์ข้อความผ่านเฟสบุ๊คด้วยว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจนัดมาสอบถามรายละเอียดเพื่อลงบันทึกประจำวัน จึงให้ลงไปว่า "มายืนกินมาม่าสองคน" จะโดนฟ้องหรือไม่รอรับชมตอนต่อไป
ขณะที่ ธนวัฒน์ โพสต์ผ่านเฟสบุ๊ค 'Tanawat Wongchai' ว่า การยืนกินมาม่าของเราในวันนี้ เป็นการยืนกินมาม่าโดยบริสุทธิ์ใจ เพื่อฝึกซ้อมความอดอยากระหว่างรอการเลือกตั้ง หากเรายังคงอยู่ภายใต้การบริหารงานของรัฐบาลทหารที่บริหารเศรษฐกิจของเราอย่างล้มเหลวต่อไปเรื่อยๆ และการเลือกตั้งก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะถูกกำหนดเสียทีเช่นนี้ ทางออกเดียวของเรา คือ ต้องมีการเลือกตั้งให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ นั่นคือ เราต้องมีการเลือกตั้งภายในปีนี้
เศรษฐกิจของประเทศไทยดูเหมือนว่าจะเติบโตไปได้ดีที่ระดับ 3-4% แต่นั่นก็เป็นระดับที่ต่ำมากเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านของเราที่เติบโตในระดับ 5-8% อีกทั้งการเติบโตทางเศรษฐกิจของเรานั้น กระจุกผลประโยชน์ให้กับคนรวย ชนชั้นนำ และภาคธุรกิจรายใหญ่แต่เพียงเท่านั้น หากแต่การเติบโตนั้นไม่ได้กระจายไปสู่คนส่วนใหญ่ของประเทศ ดังเห็นได้จากความเหลื่อมล้ำของไทยที่เหลื่อมล้ำสูงเป็นอันดับ 3 ของโลกรองจากรัสเซียและอินเดีย นอกจากนี้ ยังมีระดับหนี้ครัวเรือนที่สูงขึ้น การขาดดุลงบประมาณที่สูงขึ้นเรื่อยๆ จาก 2.5 แสนล้านบาทในปี พ.ศ.2557 สู่ 5.5 แสนล้านบาทในปี พ.ศ.2560 และยังมีปัญหาเชิงตัวเลขทางเศรษฐกิจอีกมากมายที่รัฐบาลไม่เคยพูดถึง
"เราขอยืนยันอีกครั้งหนึ่งว่าเรามาเพื่อยืนกินมาม่าเฉยๆ ครับ นี่ไม่ใช่กิจกรรมทางการเมือง นี่ไม่ใช่การชุมนุมทางการเมือง และการยืนกินมาม่าไม่ได้เป็นภัยต่อความมั่นคงของประเทศแต่อย่างใด เว้นเสียแต่ว่าคณะรัฐประหารจะมองว่าการยืนกินมาม่าเป็นภัยต่อความมั่นคงในเก้าอี้ของพวกท่านเอง" ธนวัฒน์ โพสต์
ธนวัฒน์ ระบุว่า ทางตำรวจ สน.ปทุมวัน แจ้งว่าในวันนี้จะไม่มีการตั้งข้อหากับพวกเราทั้ง 2 คน แต่อย่างใด แต่หากฝ่ายกฎหมายของ คสช. และทาง สน. พบว่าการกระทำของเรา “เข้าข่าย” มีความผิดตาม พ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะ หรือขัดต่อคำสั่งของหัวหน้า คสช. ก็จะแจ้งความดำเนินคดี ในภายหลัง
"สิ่งที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นในประเทศนี้ก็ได้เกิดขึ้นแล้ว นั่นคือ การกินมาม่าได้กลายเป็นภัยต่อความมั่นคงของคณะรัฐประหารไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว" ธนวัฒน์ โพสต์ทิ้งท้าย
ตำรวจนำ พริษฐ์ และธนวัฒน์ ไป สน.ปทุมวัน ลงบันทึกประจำวัน หลังยืนกินมาม่าซ้อมอดอยากรอเลือกตั้ง ที่สกายวอล์คแยกปทุมวัน เจ้าตัวโพสต์การยืนกินมาม่าไม่ได้เป็นภัยต่อความมั่นคงของประเทศ แต่ว่าคณะรัฐประหารจะมองว่าเป็นภัยต่อความมั่นคงในเก้าอี้ของพวกท่านเอง
เมื่อช่วงเย็นวานนี้ (28 พ.ค.61) ที่สกายวอล์คแยกปทุมวัน พริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน นักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และ ธนวัฒน์ วงค์ไชย ประธานสภานิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พร้อมด้วยประชาชน และแนวร่วมกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง ทำกิจกรรม 'ซ้อมอดอยากรอเลือกตั้ง' เพื่อสื่อถึงการปรับตัวตามสถานการณ์เศรษฐกิจเพราะไม่รู้ว่าจะมีเลือกตั้งเมื่อไร หลังจากจบกิจกรรมแล้ว ตำรวจ สน.ปทุมวันได้เชิญตัวพริษฐ์และธนวัฒน์มาที่ สน.ปทุมวัน โดยทางตำรวจแจ้งว่าให้มาเพื่อสอบถามถึงความหมายของกิจกรรมพร้อมกับลงบันทึกประจำวันไว้
พริษฐ์ โพสต์ข้อความผ่านเฟสบุ๊คด้วยว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจนัดมาสอบถามรายละเอียดเพื่อลงบันทึกประจำวัน จึงให้ลงไปว่า "มายืนกินมาม่าสองคน" จะโดนฟ้องหรือไม่รอรับชมตอนต่อไป
ขณะที่ ธนวัฒน์ โพสต์ผ่านเฟสบุ๊ค 'Tanawat Wongchai' ว่า การยืนกินมาม่าของเราในวันนี้ เป็นการยืนกินมาม่าโดยบริสุทธิ์ใจ เพื่อฝึกซ้อมความอดอยากระหว่างรอการเลือกตั้ง หากเรายังคงอยู่ภายใต้การบริหารงานของรัฐบาลทหารที่บริหารเศรษฐกิจของเราอย่างล้มเหลวต่อไปเรื่อยๆ และการเลือกตั้งก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะถูกกำหนดเสียทีเช่นนี้ ทางออกเดียวของเรา คือ ต้องมีการเลือกตั้งให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ นั่นคือ เราต้องมีการเลือกตั้งภายในปีนี้
เศรษฐกิจของประเทศไทยดูเหมือนว่าจะเติบโตไปได้ดีที่ระดับ 3-4% แต่นั่นก็เป็นระดับที่ต่ำมากเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านของเราที่เติบโตในระดับ 5-8% อีกทั้งการเติบโตทางเศรษฐกิจของเรานั้น กระจุกผลประโยชน์ให้กับคนรวย ชนชั้นนำ และภาคธุรกิจรายใหญ่แต่เพียงเท่านั้น หากแต่การเติบโตนั้นไม่ได้กระจายไปสู่คนส่วนใหญ่ของประเทศ ดังเห็นได้จากความเหลื่อมล้ำของไทยที่เหลื่อมล้ำสูงเป็นอันดับ 3 ของโลกรองจากรัสเซียและอินเดีย นอกจากนี้ ยังมีระดับหนี้ครัวเรือนที่สูงขึ้น การขาดดุลงบประมาณที่สูงขึ้นเรื่อยๆ จาก 2.5 แสนล้านบาทในปี พ.ศ.2557 สู่ 5.5 แสนล้านบาทในปี พ.ศ.2560 และยังมีปัญหาเชิงตัวเลขทางเศรษฐกิจอีกมากมายที่รัฐบาลไม่เคยพูดถึง
"เราขอยืนยันอีกครั้งหนึ่งว่าเรามาเพื่อยืนกินมาม่าเฉยๆ ครับ นี่ไม่ใช่กิจกรรมทางการเมือง นี่ไม่ใช่การชุมนุมทางการเมือง และการยืนกินมาม่าไม่ได้เป็นภัยต่อความมั่นคงของประเทศแต่อย่างใด เว้นเสียแต่ว่าคณะรัฐประหารจะมองว่าการยืนกินมาม่าเป็นภัยต่อความมั่นคงในเก้าอี้ของพวกท่านเอง" ธนวัฒน์ โพสต์
ธนวัฒน์ ระบุว่า ทางตำรวจ สน.ปทุมวัน แจ้งว่าในวันนี้จะไม่มีการตั้งข้อหากับพวกเราทั้ง 2 คน แต่อย่างใด แต่หากฝ่ายกฎหมายของ คสช. และทาง สน. พบว่าการกระทำของเรา “เข้าข่าย” มีความผิดตาม พ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะ หรือขัดต่อคำสั่งของหัวหน้า คสช. ก็จะแจ้งความดำเนินคดี ในภายหลัง
"สิ่งที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นในประเทศนี้ก็ได้เกิดขึ้นแล้ว นั่นคือ การกินมาม่าได้กลายเป็นภัยต่อความมั่นคงของคณะรัฐประหารไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว" ธนวัฒน์ โพสต์ทิ้งท้าย
แสดงความคิดเห็น