today.line.me

เมื่อไหร่จะมา? “นารีขี่ม้าขาว” คำทำนาย“หลวงพ่อฤาษีลิงดำ”

พุทธทำนายกระฉ่อนร่อนสะพัด. เมื่อผู้สมัครเลือกสตรีเข้าแถวเตรียมนำทัพ. จับตาจุดพลิกชะตาประเทศ. ต้องให้นารีขี่ม้าขาวสักกี่คนถึงสางปัญหาประเทศจนรอดพ้นวิกฤต

ฤดูกาลเลือกตั้งอันร้อนแรง ผู้สมัครว่าที่นายกรัฐมนตรีแต่ละพรรคการเมืองล้วนน่าสนใจ แต่เมื่อมี “สุภาพสตรี” โผล่เข้ามาในรายชื่อเมื่อไหร่ คนไทยก็มักมีความหวังว่า อาจจะเป็น "นารีขี่ม้าขาว" มาพลิกลิขิตประเทศให้กลับมาสดใส

ทำไมต้องนารีในยุคที่การสื่อสารยังไม่เฟื่องฟูและถูกตรวจสอบได้ มีคนหยิบร้อยกรองหนึ่ง อ้างถึงพุทธทำนาย ว่าเป็นดำรัสของพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) อดีตเจ้าอาวาสวัดจันทาราม (วัดท่าซุง) อุทัยธานี ผู้ที่ได้รับการยอมรับเป็นวงกว้าง ว่าเป็นพระปฏิบัติดี และมีชื่อเสียงในด้าน การบำเพ็ญวิปัสสนากรรมฐาน ซึ่งเนื้อหาคำทำนาย มีการตีความหมายไปในทิศทางเดียวกัน คือ จะมีผู้หญิง ขึ้นนำประเทศ และนำพาให้ชาติพ้นภัย

แม่นจนต้องจำ ที่ผ่านมาแต่ละวรรคตอนของร้อยกรองที่อ้างว่าเป็นของท่าน ล้วนเป็นหลักกิโลของประเทศได้อย่างแท้จริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสมัยที่หลวงพ่อท่านยังมีชีวิตอยู่ ( พ.ศ.2460-2535) ท่านได้ทำคุณประโยชน์แก่วงการสงฆ์มากมาย อีกทั้งเป็นพระที่ขึ้นชื่อว่า เป็นพระผู้ปฏิบัติดี ยามที่ท่านละสังขารไป ร่างกายก็ไม่เน่าเปื่อย อยู่ที่วัดท่าซุง ให้ผู้คนได้เข้าไปกราบไหว้จนทุกวันนี้

กาขาวเต็มประเทศ ในคำทำนายเรื่อง ชาวต่างชาติเข้ามาหลบลี้หนีคดี พำนักอยู่ในประเทศสยาม สูบกินทรัพยากร มีความแจ่มชัดที่สุด การเกิดมหันตภัยทางธรรมชาติ การเมืองแบ่งฝักฝ่ายอย่างชัดเจน เป็นไปตามลำดับขั้นตอน แต่ละวรรค และละวลีอย่างที่ไม่ต้องมโนเอา ในปี 2517 หลวงพ่อบอกว่า ในสยามเรานี้ มีน้ำมันอยู่เต็มพื้นดิน ถ้าได้คนดี มีศีลมาเป็นนายกรัฐมนตรี ประเทศไทยก็จะได้ประโยชน์จากน้ำมันนี้อย่างแท้จริง

ข้าเป็นนายนายเป็นข้า ดูจะเป็นคำทำนายซึ่งประจักษ์แก่สายตาที่สุดในเรื่องของการเมือง เมื่อตัวแทนนอมินีแห่กันเข้ามาเป็นหุ่นเชิดบริหารงานแผ่นดินจนทำให้เกิดวิกฤติศรัทธา ผู้คนในประเทศจึงมีความหวังว่า สักวัน จะมีนารีขี่ม้าขาวมาช่วยประเทศได้อย่างแท้จริง “จะมีหนึ่งนารีขี่ม้าขาว ควงคฑามุ่งสู่ดาวสร้างความหวัง”

นารีตกม้า เมื่อการเมืองไทยได้นายกรัฐมนตรีคนที่ 28 เป็นผู้หญิงคนแรก เมื่อ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2554 หลายคนที่เชื่อในพุทธทำนาย ต่างมีความหวังเรืองรอง ตลอดระยะเวลา 2 ปี 275 วัน ความหวังนั้นก็มลายไป เพราะหนทางนำพาประเทศไปสู่ฟ้าสีทองผ่องอำไพ ยังคงมืดบอด เมื่อตระหนักแล้วว่า อดีตนายก "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" ยังไม่ใช่ นารีคนนั้น และอดีตนายกหญิงยังคงไม่ได้อยู่ในแผ่นดินสยามด้วยการหลบหนีคดีความผิด จนผู้คนคิดว่า สิ้นแล้วตำนานม้าขาว

ยุคมหาชนพาไป เมื่อการเมืองแบ่งฝ่ายเป็นสองขั้วอย่างชัดเจน ตัวแทนจากเปลี่ยนเมืองใหม่ศักราชแห่งประชา น่าจะเป็นคนที่ได้ใจทั้งสองฝ่าย หรือสามารถเข้าถึงประชาชนตั้งแต่ระดับรากหญ้าไปจนถึงระดับข้าหลวงได้ ตัวเต็งอย่าง "คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์" จะเป็นคนนั้นได้หรือไม่ เมื่อตัวคุณหญิงเอง มีภาพลักษณ์ของฝั่งการเมืองหนึ่งอย่างชัดเจน และประชาชนในประเทศไทยก็ไม่มีวุฒิภาวะน้ำใจนักกีฬาทางการเมืองอย่างแท้จริง ไม่เหมือน ผู้คนในสหรัฐ ที่เมื่อการเมืองสิ้นสุด ก็พร้อมจะสนับสนุนผู้นำอีกฝั่ง แต่ในสยาม ยังห่างไกลจากจุดนั้น

รวมใจกันเป็นหนึ่ง หากจะมีสตรีสักคน รวมใจให้คนในชาติให้เดินต่อไปผ่านวิกฤติไปได้ สตรีคนนี้ ควรเป็นใคร ต้องมีความคิดที่ล้ำเลิศ หรือเป็นคนที่โอบอ้อมอารี ใครที่ทุกคนเกรงใจ ปราบได้ทั้งทหาร ได้ทั้งตำรวจ ปรามได้ทั้งอำมาตย์ ทั้งข้าราชการกังฉิน ตงฉิน เมื่อนั้น สยามไซร้ ยังมีความหวัง ที่จะมีช่วงเวลาแห่งยามเมื่อฟ้าสีทองผ่องอำไพอันแท้จริง

[full-post]

แสดงความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.