ที่มาภาพเหตุการณ์ http://news.ch3thailand.com/local/52954
Posted: 02 Feb 2019 07:29 AM PST (อ้างอิงจากอีเมล์ข่าว เว็บไซต์ประชาไท www.prachatai.com)
Submitted on Sat, 2019-02-02 22:29
ศาลจังหวัดปัตตานี สั่งจำคุกตลอดชีวิต 3 จำเลย ขณะที่ 2 จำเลย จำคุก 14 ปี และ ยกฟ้อง 2 ราย เหตุระเบิดสายบุรีปี 60 ด้านทนายยันอุทธรณ์คดีต่อไป
2 ก.พ.2562 กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า) รายงานว่า วานนี้ (1 ก.พ.62) เวลา 10.30 น. ที่ ศูนย์ประชาสัมพันธ์ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ค่ายสิรินธร จ.ปัตตานี พ.อ.ธนาวีร์ สุวรรณรัตน์ รองโฆษก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า เปิดเผยว่า จากกรณีคนร้ายลอบวางระเบิดเจ้าหน้าที่ทหารพราน กองร้อยทหารพรานที่ 4412 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 44 เป็นเหตุทำให้เจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บ และเสียชีวิต 4 นาย เหตุเกิดในพื้นที่ถนนสายเจาะกือแย-สายบุรี หมู่ที่ 1 ต.ตะบิ้ง อ.สายบุรี จ.ปัตตานี เมื่อวันที่ 22 ก.ย.2560 หลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ ได้รวบรวมพยานหลักฐานจนสามารถควบคุมตัวบุคคลต้องสงสัยได้จำนวน 5 ราย ได้ส่งตัวดำเนินคดีตามกฎหมายแล้ว
ล่าสุดเมื่อวันที่ 17 ม.ค. ที่ผ่านมา ศาลจังหวัดปัตตานี (ชั้นต้น) ได้มีคำสั่งพิพากษาคดีดำหมายเลขที่ 4445/60 จากเหตุลอบวางระเบิดเจ้าหน้าที่ทหารพราน กองร้อยทหารพรานที่ 4412 ในฐานความผิด ก่อการร้าย อั้งยี่ ซ่องโจร ฆ่าและพยายามฆ่า เจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าโดยไต่ตรองไว้ก่อน พรบ.อาวุธปืน และวัตถุระเบิด โดยพนักงานอัยการเป็นโจทก์ฟ้อง จำเลย ทั้ง 5 รายคือ จำเลยที่ 1 มะยูโซ๊ะ มะยะเด็ง, จำเลยที่ 2 อามีน เฮาะยา, จำเลยที่ 3 มาหะมะซอรี สะแม, จำเลยที่ 4 อานัส อาแด และจำเลยที่ 5 อับดุลปาตัช สามะ มีผลคำสั่งพิพากษา ของศาลจังหวัดปัตตานี (ชั้นต้น) ดังนี้
จำเลยที่ 1 , จำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 3 พิพากษาให้ประหารชีวิต แต่ทั้ง 3 คน ได้รับสารภาพในชั้นซักถามและเป็นการประโยชน์ต่อรูปคดี จึงลดโทษกึ่งหนึ่ง เหลือ “จำคุกตลอดชีวิต”
ส่วน จำเลยที่ 4 และจำเลยที่ 5 ศาลพิพากษาให้จำคุก 31 ปี แต่ทั้ง 2 คน ได้รับสารภาพในชั้นซักถามและเป็นการประโยชน์ต่อรูปคดี จึงลดโทษ เหลือ “จำคุก 14 ปี”
ผลสรุปการดำเนินคดีดังกล่าว รองโฆษก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ระบุว่า ได้มีการออกหมายจับ ป.วิอาญา จำนวน 18 หมาย ผู้ต้องหาถูกวิสามัญ 2 ราย และ สามารถจับกุมได้ 7 ราย ศาลพิพากษาลงโทษ 5 ราย อยู่ระหว่างสืบพยาน 1 ราย คือ มะรอตือปี กาแปะ ส่วนอีก 1 รายคือ ฟัครุดดีน อูมา ศาลยกฟ้อง
ผลจากคำพิพากษาดังกล่าว พ.อ.ธนาวีร์ กล่าวว่า เป็นไปตามพยานหลักฐานและลักษณะฐานความผิด และเป็นเครื่องบ่งชี้ว่าเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายมุ่งบังคับใช้กฎหมายด้วยความรอบคอบ, รวบรวมพยานหลักฐานอย่างรัดกุม เพื่อนำผู้กระทำความผิดเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม จนนำไปสู่คำพิพากษาดังกล่าว ทั้งนี้ ยังได้ติดตามผลการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง และให้ความสำคัญกับหลักการบังคับใช้กฎหมายด้วยความโปร่งใส เป็นธรรม และปฏิบัติทุกขั้นตอนของการบังคับใช้กฎหมายด้วยความระมัดระวัง เพื่อไม่ให้เกิดเป็นเงื่อนไขใหม่ที่อาจจะทำให้เกิดความยุ่งยากในการแก้ไขปัญหามากยิ่งขึ้น
เบนาร์นิวส์ รายงานด้วยว่า ญาติของนักโทษคนหนึ่ง กล่าวโดยไม่ประสงค์จะระบุตัวตน กล่าวว่า "เคารพการตัดสินของศาล ก็ต้องเป็นไปตามที่ศาลสั่ง ผิดถูกคิดว่า เขาน่าจะรู้ตัวเองดี เราจะบอกอะไรก็ยาก เพราะทำทุกอย่างแล้ว เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ ศาลตัดสินแบบนี้ก็ต้องยอมรับ"
ญาติของนักโทษรายดังกล่าว และทนายความอนุกูล อาแวปูเตะ ยืนยันว่าจะอุทธรณ์คดีต่อไป
"กรณีนี้ ทนายมุสลิมได้ดูแลคดีอย่างเต็มที่ พร้อมเตรียมดำเนินการยื่นเรื่องขออุทธรณ์ต่อศาล" ทนายความอนุกูล กล่าวแก่เบนาร์นิวส์
[full-post]
แสดงความคิดเห็น