ความคืบหน้าคุยปรองดองเสร็จไปแล้ว 17 พรรค เพื่อไทยพร้อมคุย แต่ถาม รบ. จริงใจแค่ไห
Posted: 23 Feb 2017 05:29 AM PST

เพื่อไทยได้คิวคุยปรองดอง 8 มี.ค. แน่นอนแล้ว ส่วน กปปส.-นปช. เตรียมคุย 13 มี.ค. รักษาการรองโฆษกพรรคเพื่อไทยถาม กก.ปรองดองจริงใจแค่ไหน แค่นัดวันไปให้ความเห็นยังเป็นเรื่อง ด้านรองประธาน สปท. เชื่อ ป.ย.ป. จะเป็นกลไกปฏิรูปเฟส2 หลังการเลือกตั้ง
23 ก.พ. 2560 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะอนุกรรมการเตรียมการสร้างความสามัคคีปรองดอง ได้เชิญ 3 พรรคการเมือง กระกอบด้วย พรรคกสิกรไทย พรรคเพื่อประชาชนไทย และพรรคเพื่อฟ้าดินเข้ามาให้ความเห็นและข้อเสนอตามกรอบกฎหมายรัฐธรรมนูญและแนวทาง 10 ด้าน ที่คณะกรรมการบริหารราชการแผ่นดินตามกรอบการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความสามัคคีปรองดอง (ป.ย.ป.) ได้กำหนดไว้ โดยมี พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล ปลัดกระทรวงกลาโหม เป็นประธาน
ทั้งนี้ จนถึงขณะนี้มีพรรคการเมืองเข้าเสนอความเห็นต่อคณะอนุกรรมการแล้วรวม 17 พรรคการเมือง ซึ่งในวันพรุ่งนี้ (24ก.พ. ) ยังคงเชิญพรรคการเมืองเข้าหารือต่อเนื่องอีก 3 พรรคประกอบด้วย พรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า พรรครักท้องถิ่นไทยและพรรคไทยรักธรรม โดยภายหลังการหารือในวันพรุ่งนี้ พล.ต.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหมจะแถลงสรุปภาพรวมและข้อเสนอแนะของสัปดาห์ที่ 2 ในเวลา12.00 น.
ขณะที่ในสัปดาห์หน้าพรรคการเมืองที่ตอบรับเข้าเสนอแนวทางสร้างความปรองดองและเป็นที่จับตาคือพรรคเพื่อไทย ซึ่งจะเดินทางมาในวันที่ 8 มี.ค. ขณะที่กลุ่มเคลื่อนไหวทางการเมืองทั้งกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) และกลุ่มประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) ตอบรับเข้าร่วมในวันที่13 มี.ค.

เพื่อไทยชี้ พล.ต.คงชีพ อาจทำให้สังคมคิดว่า พยายามจะสร้างความได้เปรียบตลอดเวลา

ด้าน อนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รักษาการรองโฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณี พล.ต.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการด้านการประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างความสามัคคีปรองดอง ในชุดคณะกรรมการเตรียมการเพื่อสร้างความสามัคคีปรองดอง ระบุการที่พรรค พท.จะเข้าพบคณะอนุกรรมการในวันที่ 8 มี.ค. นั้น คณะอนุกรรมการจะเป็นผู้กำหนดและแจ้งไปยังพรรคเองว่า ความจริงเรื่องวันเวลานัดหมายถือเป็นเรื่องเล็กมาก แต่ทำให้สังคมได้เห็นว่าขนาดเรื่องเล็กๆ ยังหยุมหยิมขนาดนี้ และพยายามจะสร้างความได้เปรียบตลอดเวลา การที่พรรคเพื่อไทยแจ้งว่าจะเข้าพบคณะอนุกรรมการในวันที่ 8 มี.ค. นั้น ไม่ใช่คิดเองกำหนดเองเพียงฝ่ายเดียว แต่มาจากการประสานงานกับเจ้าหน้าที่ผู้มีหน้าที่ประสานที่ระบุในจดหมายเชิญ ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของท่านเอง ในระดับปฏิบัติการเขาหารือกันก่อนนัดหมาย โดยทางผู้ประสานงานอยากให้พรรค พท.เข้าไปในวันที่ 1 มี.ค. จะได้สะดวกที่ผู้บริหารระดับสูงจะเข้าร่วมรับฟัง ซึ่งวันที่ 1 มี.ค. ไม่สะดวก ก็เป็นที่ 8 มี.ค. พอนัดเสร็จ พล.ต.คงชีพกลับบอกว่าคณะอนุกรรมการจะกำหนดเอง เลยไม่ทราบว่า ท่านไม่เข้าใจ ยังไม่ได้รับรายงาน หรือต้องการอะไรกันแน่ ขนาดเรื่องเล็กๆ แค่นี้ยังเข้าใจยากเลย แล้วจะปรองดองกันอย่างไรหรือ ไม่ต้องหารือ ไม่ต้องประสาน หรือต้องให้ท่านสั่งมาว่าจะให้ไปวันไหน ถ้าพรรค พท.ไม่สามารถไปได้ในวันที่ท่านสั่งก็ต้องปฏิเสธไปอย่างนั้นหรือ พรรคเพื่อไทยยืนยันว่าพร้อมที่จะให้ความร่วมมือเพื่อโอกาสในการแก้ไขวิกฤตชาติและแสวงหาทางออกร่วมกัน อยู่ที่ท่านแล้วว่าจะจริงจัง จริงใจในการปรองดองแค่ไหน

อลงกรณ์ พลบุตร เชื่อ ป.ย.ป. จะเป็นกลไกสำคัญหลังการเลือกตั้ง ยกเป็นเฟส 2 ของการปฏิรูป

ในวันเดียวกัน ที่สถาบันพระปกเกล้า อลงกรณ์ พลบุตร รองประธานสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ คนที่หนึ่ง เป็นวิทยากรบรรยายพิเศษ หัวข้อ “บทบาทและภารกิจของสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (หลังประกาศใช้รัฐธรรมนูญ)” ให้แก่ผู้อบรมหลักสูตรวุฒิบัตรการปฏิบัติงานสนับสนุนสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ และสมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ และคณะกรรมาธิการ รุ่นที่ 4 สถาบันพระปกเกล้า ณ สถาบันพระปกเกล้า ถนนแจ้งวัฒนะ โดยกล่าวว่า การปฏิรูปประเทศ เป็นการอัปเกรดประเทศสู่ไทยแลนด์ 4.0 ซึ่งขณะนี้เราสามารถตั้งหลักตั้งลำประเทศได้อีกครั้งหนึ่ง ทำให้ประเทศอยู่ในภาวะคลื่นลมสงบ เหมาะแก่การปฏิรูปประเทศ
ขณะเดียวกัน อลงกรณ์ ยังได้กล่าวในตอนหนึ่งว่า การเปลี่ยนผ่านในบทบาทใหม่ก่อนการประกาศใช้รัฐธรรมนูญและการเลือกตั้งคือ การมีกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ได้แก่ คณะกรรมการบริหารราชการแผ่นดินตามกรอบการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และ การสร้างความสามัคคีปรองดอง (ป.ย.ป.) ที่จะเป็นตัวเร่งขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศให้สำเร็จเร็วขึ้นโดย ป.ย.ป. ประกอบด้วย คณะกรรมการบริหารราชการแผ่นดินเชิงยุทธศาสตร์, คณะกรรมการเตรียมการปฏิรูปประเทศ, คณะกรรมการเตรียมการยุทธศาสตร์ชาติ และ คณะกรรมการเตรียมการเพื่อสร้างความสามัคคีปรองดอง
อลงกรณ์ ยังกล่าวต่อว่า ป.ย.ป. เป็นเฟสสองของการปฏิรูปประเทศ ที่จะมาทำหน้าที่เร่งขับเคลื่อนให้ประเทศไทยก้าวข้ามปัญหาอุปสรรคนานัปการ และความแตกแยก เกิดความปรองดอง และก้าวขึ้นไปเป็นประเทศไทย 4.0 สร้างเมล็ดพันธุ์ชุดใหม่ จากปักชำสู่รากแก้ว จากลำต้นที่แข็งแรงสู่การแผ่ก้านสาขา สร้างวิสาหกิจที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม พัฒนาเกษตรอุตสาหกรรม และภาคบริการอย่างมีเป้าหมาย เสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจภายในผ่าน 18 กลุ่มจังหวัด และ 76 จังหวัด บูรณาการอาเซียนเชื่อมไทยสู่ประชาคมโลก และเป็นส่วนหนึ่งของระบบนิเวศโลก
      
เรียบเรียงจาก: มติชนออนไลน์ , สำนักข่าวไทย , ผู้จัดการออนไลน์

แสดงความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.