Philippine President Rodrigo Duterte, left, and Chinese President Xi Jinping pose for photographers prior to their bilateral meeting held on the sidelines of the Belt and Road Forum for International Cooperation at the Great Hall of the People in Beijing,

แต่นักเศรษฐศาสตร์ตั้งข้อสงสัยเรื่องเงื่อนไขเงินกู้จากจีน

ประธานาธิบดี Rodrigo Duterte ของฟิลิปปินส์ ตั้งเป้าการลงทุนมูลค่า 167,000 ล้านดอลลาร์ เพื่อปรับปรุงระบบโครงสร้างพื้นฐานและระบบสาธารณูปโภคของประเทศ เช่น ถนน ทางรถไฟ และท่าเรือ ภายในปี 2565 เพื่อช่วยดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ

ท่าที่ผ่านมาฟิลิปปินส์ยังไม่สามารถแข่งขันกับจีนและเวียดนามได้ในแง่การดึงดูดการลงทุน และจีนเสนอจะให้เงินกู้ 24,000 ล้านดอลลาร์แก่ฟิลิปปินส์ สำหรับโครงการปรับปรุงระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานดังกล่าว

อย่างไรก็ตาม นักเศรษฐศาสตร์บางคน เช่น นาย Song Seng Wun จากบริษัท CIMB ในสิงคโปร์ ได้ตั้งคำถามเรื่องเงื่อนไขเงินกู้จากจีนว่า จีนจะกำหนดให้ต้องใช้แรงงาน วัสดุอุปกรณ์ และบริษัทของจีนสำหรับโครงการที่ให้ความช่วยเหลือเหล่านี้หรือไม่

และนักวิเคราะห์ของฟิลิปปินส์บางคนก็ตั้งคำถามเช่นกันว่า หากจีนตั้งเงื่อนไขต่างๆ เหล่านี้แล้ว โอกาสการสร้างงาน การพัฒนาระดับทักษะฝีมือแรงงาน และการถ่ายทอดเทคโนโลยีก็จะไม่เกิดขึ้นสำหรับฟิลิปปินส์

แต่นาย Christian de Guzman เจ้าหน้าที่สินเชื่ออาวุโสของ Moody’s ในสิงคโปร์ ชี้ว่า ฟิลิปปินส์จะได้เงื่อนไขจากการกู้จากภาคเอกชนอื่นๆ คล้ายกับที่ได้จากจีน

และว่าขณะนี้จีนได้เสนอเงื่อนไขที่คล้ายคลึงกันนี้ให้กับประเทศอื่นๆ ในแถบภูมิภาคยูเรเซีย ภายใต้แผนงานหนึ่งถนนหนึ่งวงแหวนของตนเช่นกัน

นักวิเคราะห์บางคนเชื่อว่า การเสนอให้ความช่วยเหลือทางการเงินจากจีน จะเป็นผลให้ฟิลิปปินส์มีท่าทีสนับสนุนจีนมากขึ้นในกรณีพิพาทด้านดินแดนในทะเลจีนใต้ และว่านอกจากฟิลิปปินส์แล้ว ขณะนี้บรูไน มาเลเซีย และเวียดนาม ก็ล้วนแต่มีกรณีพิพาทเรื่องดินแดนกับจีนในทะเลจีนใต้เช่นกัน

และจีนกำลังใช้พลังอำนาจจากระบบเศรษฐกิจขนาดกว่า 11.2 ล้านล้านดอลลาร์ของตน เสนอความช่วยเหลือให้ประเทศเหล่านี้ เพื่อมุ่งแยกประเด็นด้านความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจกับกรณีโต้แย้งเรื่องเขตแดนในทะเลจีนใต้ดังกล่าว

source :- http://rferl.c.goolara.net/Click.aspx?id=066993853209412679

แสดงความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.