Posted: 28 Jul 2017 09:33 AM PDT  (อ้างอิงจากอีเมล์ข่าว เว็บไซต์ประชไท)

หลังจากทางการอิสราเอลยอมถอนมาตรการจำกัดคนเข้ามัสยิดอัลอักซอได้เพียง 1 วัน ล่าสุดในวันศุกร์ทางการอิสราเอลกลับมาใช้มาตรการปิดกั้นมัสยิดอัลอักซอต่อเนื่อง โดยในวันศุกร์นี้มีรายงานว่าผู้ประท้วงชาวปาเลสไตน์ได้รับบาดเจ็บถึง 52 ราย และมีชาวปาเลสไตน์ถูกยิงเสียชีวิตที่เมืองเฮบรอน 1 ราย


มัสยิดอัลอักซอ ในนครเยรูซาเลม อิสราเอล
ที่มาของภาพประกอบ: Andrew Shiva/Wikipedia /CC BY-SA 4.0


หลังจากชาวปาเลสไตน์ประท้วงหนักขึ้นเรื่อยๆ ในประเด็นเรื่องที่อิสราเอลจำกัดคนเข้ามัสยิดอัลอักซอและเพิ่มระบบตรวจสอบความปลอดภัย ล่าสุดเมื่อวันที่ 27 ก.ค. ที่ผ่านมา ทางการอิสราเอลก็ยอมยกเลิกมาตรการจำกัดคนเข้ามัสยิดแล้ว พร้อมถอนเครื่องตรวจจับโลหะออกจากมัสยิด เดอะการ์เดียนรายงานว่ามาตรการรักษาความปลอดภัยต่างๆ ของอิสราเอลถูกนำไปแล้ว เนื่องจากทางการอิสราเอลกลัวว่าจะเกิดการประท้วงใหญ่หนักขึ้นจนเกิดความโกลาหลในช่วงที่มีการละหมาดในวันศุกร์ (28 ก.ค.)

โฆษกตำรวจอิสราเอล ลูบา ซัมรี แถลงว่า "ทางตำรวจได้คืนมาตรการรักษาความปลอดภัยกลับไปเป็นแบบเดิมก่อนหน้าที่จะมีการโจมตีฮาราม อัลชารีฟโดยกลุ่มก่อการร้ายวันที่ 14 ก.ค."

แม้อิสราเอลจะเลิกจำกัดอายุและนำเครื่องตรวจโลหะออกแต่พวกเขาบอกว่าจะมีการติดตั้งกล้องวงจรปิดที่มีความซับซ้อนแทน

ขณะที่ฝ่ายอนุรักษ์นิยมของอิสราเอลไม่เห็นด้วยกับมาตรการดังกล่าว อย่างนาฟทาลี เบนเนตต์ รัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการกล่าวให้สัมภาษณ์ต่อวิทยุกองทัพอิสราเอลว่าการตัดสินใจยกเลิกการจำกัดการเข้ามัสยิดอัลอักซอจะทำให้อิสราเอล "อ่อนแอลง" และกังวลว่าอาจจะเกิดความรุนแรงมากขึ้นในอนาคต ส่วนสื่ออิสราเอลฮะยอม ที่ให้การสนับสนุนเนทันยาฮูมาโดยตลอดก็วิจารณ์การตัดสินใจในครั้งนี้ว่า "อ่อนแอและหวาดกลัว"

อย่างไรก็ตามในวันศุกร์ (28 ก.ค.) ทางการอิสราเอลได้นำมาตรการปิดกั้นการเข้ามัสยิดอัลอักซอกลับมาใช้อีกครั้ง โดยห้ามชายที่มีอายุต่ำกว่า 50 ปีเข้าไปในมัสยิด รวมทั้งปิดประตูทางเข้าหลายจุดที่จะเข้าไปในบริเวณดังกล่าว

วันนี้ยังมีรายงานด้วยว่าชายหนุ่มชาวปาเลสไตน์วัย 24 ปี ถูกทหารอิสราเอลยิงเสียชีวิต 1 รายที่เมืองเฮบรอน โดยถูกกล่าวหาว่าจะใช้อาวุธแทงเจ้าหน้าที่อิสราเอล แต่พยานที่เห็นเหตุการณ์ระบุว่าชายคนดังกล่าวอยู่ห่างจากเจ้าหน้าที่ 20 เมตร และไม่ได้พกอาวุธ

นอกจากนี้ยังมีเหตุปะทะกันหลายครั้งในเขตเวสแบงก์และเมืองอื่นๆ หลังการละหมาดวันศุกร์สิ้นสุด ด้านองค์กรเสี้ยววงเดือนแดงของปาเลสไตน์ระบุว่าได้รับรายงานผู้บาดเจ็บ 52 รายในเขตเวสแบงก์ และเยรูซาเลม หลังเหตุประท้วงต่อต้านการควบคุมมัสยิดอัลอักซอในวันศุกร์นี้ (28 ก.ค.)

มาตรการจำกัดการเข้ามัสยิดอัลอักซอมีขึ้นหลังเกิดเหตุมีผู้ใช้อาวุธปืนยิงเจ้าหน้าที่ตำรวจสองนายจากในมัสยิด ทำให้ทางการอิสราเอลออกมาตรการจำกัดไม่ให้คนอายุน้อยกว่า 50 ปี เข้าไปสู่มัสยิดรวมถึงมีการติดตั้งเครื่องตรวจจับโลหะเพื่อป้องกันไม่ให้มีเหตุการณ์โจมตีอีก แต่ชาวปาเลสไตน์ก็กล่าวหาว่าอิสราเอลพยายามขยายการควบคุมมัสยิดนี้

โดยในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมามีการสลายการชุมนุมชาวปาเลสไตน์ด้วยความรุนแรงจนมีผู้เสียชีวิตทำให้สหประชาชาติประณามทางการอิสราเอล (อ่านข่าวก่อนหน้านี้)

เดอะการ์เดียนระบุว่าความขัดแย้งเกี่ยวกับมัสยิดแห่งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความไม่เชื่อใจกันระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์ อัลอักซอร์เป็นสภานที่ศักดิ์สิทธิเป็นอันดับที่ 3 ของอิสลาม ขณะเดียวกันพื้นที่ดังกล่าวชาวยิวเรียกว่าเป็น "เนินวิหาร" (Temple Mount) ก็นับเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิสำหรับพวกเขาด้วย การพยายามบรรยายเรื่องราวในแบบของตัวเองในแต่ละฝ่ายสร้างความขัดแย้งและการเผชิญหน้ามแล้วตั้งแต่ในอดีต

อนึ่งในช่วงกลางคืนของวันที่ 27 ก.ค. ถึงเช้ามืดวันที่ 28 ก.ค. หลังจากที่ผู้คนพยายามกลับเข้าสู่มัสยิดอัลอักซอ กองกำลังอิสราเอลได้ยิงแก๊สน้ำตา รวมถึงใช้ระเบิดเสียง กับระเบิดแสง เข้าใส่ผู้คนที่ตั้งใจมาละหมาดวันศุกร์ จนเป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บมากกว่า 100 ราย

เรียบเรียงจาก

Israel U-turns on al-Aqsa mosque security after Palestinian street protests, The Guardian, 27-07-2017

Palestinians met with tear gas upon return to al-Aqsa, Aljazeera, 28-07-2017

Palestinian killed after alleged stabbing attempt, Aljazeera, 28-07-2017

แสดงความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.