ทหาร-ตำรวจ สั่งสมาพันธ์นิสิตนักศึกษามุสลิม เลิก กิจกรรม “ปกป้อง อัล-อักซอ ปกป้อง ชาวปาเลสไตน์” ระบุขัดคำสั่ง คสช. เป็นภัยต่อความมั่นคง ประธานนักศึกษาแจงแสดงจุดยืนส่งผลดีต่อไทย ด้านเจ้าหน้าที่ย้ำ เป็นเรื่องของเขา เราไม่ควรยุ่ง
30 ก.ค. 2560 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (29 ก.ค.60) เวลา 12.00 น. สมาพันธ์นิสิตนักศึกษามุสลิมแห่งประเทศไทย (MUSTFETH) นัดรวมตัวจัดกิจกรรมแสดงจุดยืนต่อสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์ ภายใต้สโลแกน Save Al-Aqsa, Justice for Palestinian, Free Palestine ณ สวนจตุจักร กรุงเทพมหานคร ใกล้สถานีรถไฟ MRT สวนจตุจักร โดยตามกำหนดการเดิมในวันนี้เริ่มจากกิจกรรมการพูดคุยแลกเปลี่ยน ละหมาดฮายัต (ละหมาดขอพร) สานเสวนา และจบด้วยการแสดงจุดยืนของกลุ่มด้วยการอ่านแถลงการณ์ แต่ทั้งหมดถูกยกเลิกไปเนื่องจากเจ้าหน้าที่ไม่อนุญาต
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อถึงเวลานัดรวมตัวปรากฏว่า มีจ้เาหน้าที่ทหาร และเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก สน.บางซื่อ ทั้งในเครื่องแบบและนอกเครื่องแบบ รวมจำนวน 60 นาย ควบคุมพื้นที่สวนจตุจักร และคุมตัวนักศึกษาจำนวน 5 คน ที่เดินทางมาถึงสถานที่ก่อนจะมีการจัดกิจกรรม เพื่อสอบสวน พร้อมทั้งห้ามจัดกิจกรรมดังกล่าว โดยระบุว่าเป็นการรวมตัวชุมนุมเกินจำนวนที่กำหนด ขัดต่อคำสั่งของรัฐบาล คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และอาจเกิดความเสียหายต่อความมั่นคงระหว่างประเทศด้วย
“ประเด็นนี้เป็นเรื่องระหว่างประเทศ ไม่เกี่ยวกับพวกเราชาวไทย จึงไม่จำเป็นต้องแสดงจุดยืนใดๆ ทั้งสิ้น” เจ้าหน้าที่ท่านหนึ่งกล่าวย้ำ
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ในขณะเดียวกันนั้นนักศึกษาและผู้สนใจก็เริ่มทยอยมาถึงสถานที่จัดกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง พร้อมยืนยันที่จะจัดกิจกรรมดังกล่าว โดยขอให้ผ่อนปรนเหลือเพียงแค่กิจกรรมพูดคุยแลกเปลี่ยน และละหมาดฮายัต (ละหมาดขอพร) แต่เจ้าหน้าที่ยืนยันที่จะไม่ให้จัดกิจกรรมใดๆ ทั้งสิ้น พร้อมสั่งการให้นักศึกษาสลายตัวออกจากพื้นดังกล่าว ไม่อย่างนั้นจะมีการเรียกกองกำลังเพิ่มเพื่อควบคุมสถานการณ์
จากนั้นเมื่อเวลาผ่านไปประมาณ 2 ชั่วโมง เจ้าหน้าที่จึงมีการสั่งปิดประตูทางเข้า-ออกสวนจตุจักร ห้ามคนนอกเข้าและคนในห้ามออก กระทั่งเวลา 14.00 น. นักศึกษายอมยกเลิกจัดกิจกรรมดังกล่าว แต่ขออนุญาตเจ้าหน้าที่ทหารใช้พื้นที่สวนจตุจักรเพื่อรับประทานอาหารเนื่องจากผู้เข้าร่วมกิจกรรมยังไม่มีใครรับประทางอาหารเที่ยง เจ้าหน้าที่ทหารจึงยินยอม แต่ในขณะที่นักศึกษากำลังรับประทานอาหารอยู่นั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจจาก สน.บางซื่อ เข้ามาขับไล่ให้นักศึกษาทุกคนออกจากพื้นที่ทันที หากขัดคำสั่งเจ้าหน้าที่จะควบคุมตัวทุกคนไปพูดคุยกันที่ สน.บางสื่อ จึงมีการสลายการรวมตัวดังกล่าว พร้อมเคลื่อนย้ายออกนอกพื้นที่
บูคอรี เด็ง ประธานสมาพันธ์นิสิตนักศึกษามุสลิมเเห่งประเทศไทย กล่าวว่า การที่ชาวยิวจากอิสราเอลรุกรานศาสนสถานมัสยิดอัลอักซอ ซึ่งเท่ากับการรุกรานคนมุสลิมทั่วโลก เพราะมัสยิดอัลอักซอถือว่าเป็นศาสนาสถานของคนมุสลิมทั่วโลก ถึงแม้จะอยู่ในพื้นที่ของชาวปาเลสไตน์ก็ตาม
"การรุกรานของชาวยิวครั้งนี้ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตและได้รับผู้บาดเจ็บจำนวนมาก ถือว่าเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนขั้นร้ายแรง การที่พวกเรานักศึกษาทุกคนร่วมกันประณามและรณรงค์ในครั้งนี้ย่อมเป็นผลดีต่อประเทศไทยด้วยซ้ำ ฉะนั้น ผมคิดว่าเจ้าหน้าที่ไม่ควรอ้างเหตุผลว่าเป็นเรื่องของต่างประเทศ ไม่เกี่ยวกับเรา แต่ผมค่อนข้างเข้าใจวิธีคิดของเจ้าหน้าที่ เขาโตมาในวงแคบๆ น่าจะมองมิติอื่นไม่ออก” บูคอรี กล่าว
แสดงความคิดเห็น