"กลุ่มพระผู้หวังดีต่อประเทศชาติ" ออกแถลงการณ์ ยุติใช้ ม.44 กับวัด แนะ พศ.-มส. หาออกร่วมกัน พร้อมจี้ "ประยุทธ์" ระงับสื่อโจมตีพระ

พระครูเขตคณารักษ์ เจ้าคณะอำเภอพระพรม เจ้าอาวาสวัดสระเรียง จังหวัดนครศรีธรรมราช ในฐานะกลุ่มพระผู้หวังดีต่อประเทศชาติ เผยแพร่แถลงการณ์ต่อการใช้มาตรา 44 ของรัฐบาล คสช.และใช้อำนาจบังคับพระเณรออกจากวัดพระธรรมกาย โดยระบุว่า

เรื่อง สถานการณ์เดือดประเด็นร้อน

ด้วยสถานการณ์ร้อน ๆ เกี่ยวกับการการปฏิบัติการของรัฐบาลที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้ซึ่งอยู่ในความสนใจของทุก ๆ ฝ่าย กำลังจับตามองและเฝ้าดูอย่างใจจดใจจ่อ ว่า ท้ายที่สุดแล้วจะเป็นอย่างไร และล่าสุด มีการสั่งให้พระเณรและผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องออกจากวัดภายในเวลา 15.00 น. ( 19 กุมภาพันธ์ 2560) และกำลังเกิดการกระทบกระทั่งกันระหว่างเจ้าหน้าที่และคณะศิษยานุศิษย์ของวัด

ในสถานการณ์อย่างนี้ ถือว่า สถาบันสงฆ์ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ถูกสังคมดูถูก เหยียดหยาม ย่ำยี และเป็นบ่อนทำลาย ทั้งในระดับสูงสุดยันต่ำสุด ระดับการบริหารจัดการ และภาพรวมของคณะสงฆ์ทั้งประเทศ สิ่งที่น่ากังวลมากที่สุดคือ การออกสื่อต่าง ๆ ทำให้ผู้ที่ไม่รู้ไม่เข้าใจ รับข้อมูลข่าวสารที่ผิดพลาด และไม่เป็นธรรมแก่คณะสงฆ์ กำลังขยายวงกว้างขึ้นเรื่อย ๆ ถือได้ว่าเป็นเรื่องเลวร้ายมาก ๆ

ในขณะนี้ การถูกโจมตีทางสื่อ ทางเวทีการเสวนาในสถานที่ต่าง ๆ ของคนเหล่านี้แต่ฝ่ายเดียวและไม่มีโอกาสได้อธิบายหรือทำความเข้าใจที่ดีอย่างที่เป็นอยู่ในขณะนี้นั้น คิดว่า ไม่นานประชาชนโดยส่วนใหญ่จะคล้อยตามและเห็นชอบด้วยและจะมีผลกระทบต่อพระพุทธศาสนาโดยภาพรวม

จึงขอกราบเรียนปรึกษามายังคณะสงฆ์ในฐานะหน่วยงานเกี่ยวข้องโดยตรงและผู้ที่เกี่ยวของกับงานการพระพุทธศาสนาเพื่อหาแนวทางดำเนินการแก้ปัญหาดังนี้

1. ขอให้คณะสงฆ์มีโอกาสแสดงทัศนะเชิงสร้างสรรค์ เพื่อหาทางออกของปัญหาร่วมกันอย่างสันติวิธี

2. ขอให้ช่วยกรุณาหาวิธีการในการนำเสนอข้อมูลข่าวสารและแก้ปัญหาต่าง ๆ ที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้ให้สาธารณะชนได้รับทราบข้อเท็จจริงโดยทั่วกัน

3. ขอให้ ช่วยกรุณาจัดตั้งคณะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อตอบโจทย์ข้อกังขาต่อที่สาธารณะชนได้ร่วมกันพิจารณาถึงข้อเท็จจริงต่าง ๆ ที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้ เป็นการเร่งด่วน

4. ขอให้พระสงฆ์/ผู้ที่มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับพระพุทธศาสนาออกสื่อ นำเสนอข้อมูล ข้อเท็จจริง เพื่อทำความเข้าใจกับสาธารณะชน ทางสื่อทีวีหรือวิธีการอื่นใดก็ตามเพื่อความกระจ่างชัดในแนวทางการแก้ปัญหาที่กำลังทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ และส่งผลกระทบต่อความมั่นคงที่จะเกิดขึ้นกับพระพุทธศาสนา

5. คณะสงฆ์ทั้งมวลร่วมกัน ยื่นหนังสือ ขอความเมตตานุเคราะห์ไปยัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ฯพณฯนายกรัฐมนตรี เพื่อให้ระงับการออกสื่อโจมตี หรือทำลายคณะสงฆ์ในประเด็นต่าง ๆ (ทั้ง ๆ ที่ ข้อมูล/ข้อเท็จจริงต่าง ๆ ยังไม่ชัดเจนพอที่จะนำเสนอ ออกไป ) ซึ่งกำลังเป็นประเด็นร้อนในขณะนี้

6. ขอให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติได้แสดงบทบาทในการปกป้องคุ้มครองพระพุทธศาสนาอย่างเป็นรูปธรรม

7. ขอความเมตตานุเคราะห์ผ่านไปยังมหาเถรสมาคม ตั้งคณะกรรมการติดตามความเคลื่อนไหวของสถานการณ์และโปรดกรุณาช่วยหาวิธีการแก้ปัญหาและระงับความขัดแย้งที่กำลังจะเกิดขึ้น ของคณะสงฆ์ในขณะนี้ ตามรายละเอียดที่ทราบกันทั่วแล้วนั้น โดยเป็นการเร่งด่วน ก่อนที่ความหายนะจะเกิดขึ้นมากกว่านี้ (กราบประทานขออภัยต่อมหาเถรสมาคมเป็นอย่างยิ่ง หากไม่บังควรตามที่เสนอแนะมานี้)

8. ขอให้รัฐบาลระงับความรุนแรงทุกชนิดที่จะเกิดขึ้น ยุติการประการมาตรา 44 ช่วยกรุณาถอนกำลัง ตั้งสติ หาแนวทางแก้ปัญหาอย่างสันติวิธี อันจะส่งผลดีต่อชาติ พระพุทธศาสนา อย่างมั่นคงและยั่งยืน และเป็นการนำปฐมโอวาท สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายกสมเด็จพระสังฆราช ...อาตมาขอมอบภาษิต “สัพเพสัง สังฆะภูตานัง สามัคคี วุฑฒิสาธิกา ความพร้อมเพรียงแห่งชนผู้อยู่ร่วมกันเป็นหมู่ยังความเจริญวัฒนาถาวรให้สำเร็จ” ให้รักษาคำนี้ไว้และนำไปปฏิบัติ เพราะความพร้อมเพรียงนำความเจริญรุ่งเรืองให้สำเร็จได้ ขณะนี้ประเทศเรากำลังต้องการการพัฒนา ขอให้ท่านนึกถึงสุภาษิตนี้รวมถึงศีลทั้ง 3 ข้อ หวังว่าทุกท่านจะเข้าใจและยึดถือศีล สมาธิ ปัญญา มีความสามัคคี เท่านี้ประเทศชาติของเราก็จะเจริญรุ่งเรือง..”

9. พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสถึงโทษของการประทุษร้าย ผู้ที่ไม่ประทุษร้ายตอบว่า ย่อมประสบความวิบัติทันตาเห็น 10 ประการ ไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่ง ดังนี้

1. พึงได้เวทนาอันหยาบ (ทุกข์หนัก) ทุกขเวทนาอย่างแรงกล้า เช่น โรคปวดศรีษะอย่างรุนแรง
2. เสื่อมจากลาภ ยศ ทั้งปวง ความเสื่อมสิ้นทรัพย์สินที่มีอยู่
3. ถูกทำร้ายร่างกาย เช่น ถูกตีหัว หรือถูกผ่าตัด
4. เจ็บไข้ได้ป่วยอย่างหนัก เจ็บหนัก เช่น เป็นอัมพาต
5. ถึงความฟุ้งซ่านแห่งจิต ถึงความเสียสติ เป็นบ้า
6. ขัดข้องด้วยพระราชา (ถูกลงโทษ) ถูกกฎหมายลงโทษ เช่น ถูกปลดและลดตำแหน่ง
7. ถูกกล่าวหาอย่างสาหัส ถูกกล่าวหาอย่างร้ายแรง
8. เกิดความเสื่อมในหมู่ญาติ (แยกครอบครัว) ไร้ญาติขาดพี่น้อง
9. ไฟไหม้บ้านเรือน โภคทรัพย์ เช่น เรือกสวนไร่นา ฉิบหาย
10. เมื่อละสังขารย่อมเข้าถึงนรก ตายแล้วไฟนรกเผาผลาญซ้ำอีก
ผู้ใดประทุษร้าย หาเรื่องใส่ความผู้บริสุทธิ์ไม่มีความผิด จนต้องได้รับโทษทัณฑ์ ผู้นั้นต้องถึงความพินาศฉิบหาย

10. กลุ่มพระผู้หวังดีต่อประเทศชาติ สนับสนุนรัฐบาลเป็นอย่างยิ่งในการประกาศใช้ ม.44 ในสถานการณ์ที่ควรจะแก้ปัญหาที่สำคัญ เช่น โจรก่อการร้าย 3 จังหวัดภาคใต้ กลุ่มพ่อค้ายาเสพติด พวกค้ามนุษย์ พวกคอรัปชั่นต่อบ้านเมือง พวกแบ่งแยกแผ่นดิน พวกล้มล้างสถาบันชาติ ศาสนาและพระมหากษัตริย์ เป็นต้น ไม่น่าจะนำมาประกาศใช้กับวัดในพระพุทธศาสนาอย่างที่เป็นอยู่ในขณะนี้

ในการนี้จึงใคร่ขอความเมตตานุเคราะห์ มายัง ทุกท่านที่ติดตามข่าว ได้มีเมตตาจิตร่วมกันปกป้องคุ้มครองพระพุทธศาสนาอย่างแท้จริง ร่วมกันสืบทอดอายุพระพุทธศาสนา พัฒนาเยาวชนให้ได้รับการศึกษาที่เท่าเทียมกับอารยะประเทศโดยทั่วกัน อีกทั้งอันจะได้เป็นหลักชัยให้กับเหล่าพุทธบริษัทได้มีความมั่นใจ และเชื่อมั่นในความเป็นชาวพุทธที่แท้จริง ไม่เปิดโอกาสให้กับผู้ไม่ประสงค์ดีและจ้องทำลายความมั่นคงของพระพุทธศาสนาอีกต่อไป
จึงเจริญพรมาเพื่อร่วมกันแก้ปัญหาและปกป้องคุ้มครองพระพุทธศาสนาร่วมกัน

กราบถวายความเคารพ/ ขอเจริญพร

กลุ่มพระผู้หวังดีต่อประเทศชาติ
พระครูเขตคณารักษ์
เจ้าคณะอำเภอพระพรม
เจ้าอาวาสวัดสระเรียง
จังหวัดนครศรีธรรมราช


แสดงความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.