ประธาน กสม. เผยหลังส่งหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ เพื่อขอให้ ส่งร่าง พ.ร.ป. กสม. ไปยังศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยว่ามีข้อความขัดหรือแย้ งรัฐธรรมนูญหรือไม่ ระบุหากไม่ส่งตีความก็มี แนวทางในการต่อสู้ต่อไป ยันเตรียมไว้อย่างชัดเจนแล้ว
28 ก.ย. 2560 รายงานข่าวระบุว่า วัส ติงสมิตร ประธานคณะกรรมการสิทธิมนุ ษยชนแห่งชาติ (กสม.) เปิดเผยว่า หลังจากที่ได้ทำหนังสือ จำนวน 2 ฉบับ ส่งถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อขอให้ใช้อำนาจตามมาตรา 248 (2) ของรัฐธรรมนูญ 2560 ส่งร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยคณะกรรมการสิทธิ มนุษยชนแห่งชาติ พ.ศ. ... ไปยังศาลรัฐธรรมนูญ เพี่อวินิจฉัยว่ามีข้อความขั ดหรือแย้งตามรัฐธรรมนูญหรือไม่ แล้วนั้น จากนี้จะขอรอดูท่าทีของ พล.อ.ประยุทธ์ ก่อนว่าจะดำเนินการอย่างไร หากนายกรัฐมนตรี พิจารณาแล้วเห็นว่าไม่ควรส่ง ร่าง พ.ร.ป.ฉบับดังกล่าวให้ศาลรั ฐธรรมนูญวินิจฉัยว่ามีข้อความขั ดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ ส่วนตัวก็มีแนวทางในการต่อสู้ต่ อไป เพียงแต่ตอนนี้ยังไม่ขอเปิ ดเผยรายละเอียดว่าจะดำเนิ นการอย่างไร แต่ยืนยันว่ามีการเตรี ยมแนวทางไว้อย่างชัดเจน เตรียมพร้อมไว้แล้ว ถ้าถึงเวลาเมื่อไรก็เมื่อนั้น
สำหรับหนังสือดังล่าวที่ ปรธานกสม. ส่งถึง พล.อ.ประยุทธ์ เมื่อวันที่ 25 ก.ย.ที่ผ่านมา นั้น ระบุว่า ร่าง พ.ร.ป.กสม.มีปัญหาความชอบด้วยรั ฐธรรมนูญอย่างน้อย 3 ประเด็น ดังนี้
1.ปัญหาการให้ กสม.พ้นจากตำแหน่งทันทีทั้งหมด (เซตซีโร่) ตามร่างมาตรา 60 โดยอ้างว่าเพื่อให้สอดคล้องกั บหลักสากล (หลักการปารีส) เกี่ยวกับกระบวนการได้มาซึ่ง กสม. ทั้งๆ ที่ กสม.ชุดปัจจุบันได้รั บการสรรหามาโดยชอบด้วยรัฐธรรมนู ญและกฎหมายไทย รวมทั้งคำสั่งและประกาศคณะรั กษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ตลอดจนได้รับความเห็ นชอบจากสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ชุดปัจจุบัน และได้รับพระราชโองการโปรดเกล้ าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งมาตั้งแต่ วันที่ 20 พ.ย. 2558 การที่คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ให้เหตุผลโดยอ้างหลักการปารีสที่ เป็นของต่างประเทศมาเซตซีโร่ กสม. ซึ่งไม่ถูกต้องทั้งข้อเท็จจริ งและข้อกฎหมายเช่นนี้ เป็นการให้ความสำคัญแก่ต่างชาติ จนเข้ามามีอิทธิพลอยู่เหนือแผ่ นดินไทย ทั้งขัดต่อหลักนิติธรรมในส่ วนของหลักความมั่นคงแห่งนิติ ฐานะของบุคคล
2. การให้คณะกรรมการสรรหาพิ จารณาให้ กสม.พ้นจากตำแหน่งทั้ งคณะตามมาตรา 40 วรรคสาม ประกอบมาตรา 20(4) และวรรคสาม, มาตรา 21 ของ พ.ร.ป.กสม. เป็นการถอดถอน กสม. ซึ่งเป็นอำนาจของศาลฎี กาตามมาตรา 235 ของรัฐธรรมนูญ และขัดต่ อพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์ ซึ่งทรงมีพระราชโองการโปรดเกล้ าฯ แต่งตั้งตามตามมาตรา 246 วรรคหนึ่งของรัฐธรรมนูญ
และ 3.ข้อห้าม กสม.รับเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดตามมาตรา 24 วรรคหนึ่ง ของ พ.ร.ป.กสม. ห้ามเฉพาะรับจากองค์กรเอกชน(เอ็ นจีโอ) แต่ไม่ได้ห้ามรับจากองค์ การระหว่างประเทศ รัฐต่างประเทศ หรือหน่วยงานของรัฐต่างประเทศ ขณะเดียวกันในวรรคสอง กลับมีข้อยกเว้นให้ กสม.สามารถรับเชิญจากองค์ การระหว่างประเทศ หรือหน่วยงานของรัฐต่ างประเทศไปประชุมหรือสั มมนาโดยผู้เชิญออกค่าใช้จ่ายให้ ได้ ทั้งที่จะต้องมีข้อห้ ามในวรรคหนึ่งก่อนจึงจะมีข้ อยกเว้นในวรรคสองได้ อนึ่ง การมีบทบัญญัติในเรื่องนี้ในร่ าง พ.ร.ป.กสม. จะเป็นการตรงตามเจตนารมณ์ของรั ฐธรรมนูญที่บัญญัติให้ กสม.ต้องปฏิบัติหน้าที่โดยคำนึ งถึงความผาสุ กของประชาชนชาวไทยตามมาตรา 247 วรรคสาม ของรัฐธรรมนูญ
รายงานข่าวระบุด้วยว่า ตามขั้นตอนหลังจาก สนช.ประชุมลงมติเห็นชอบร่าง พ.ร.ป.กสม. ตามร่างของคณะกรรมาธิการร่วม 3 ฝ่ายในวันที่ 14 ก.ย.แล้ว ต่อมาวันที่ 15 ก.ย. เลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการ สนช. ได้ส่งร่าง พ.ร.ป.กสม.ให้เลขาธิการคณะรั ฐมนตรี เพื่อให้นายกฯนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายเพื่อทรงลงพระปรมาภิไธย ซึ่งตามมาตรา 145 ของรัฐธรรมนูญ นายกฯมีระยะเวลา 25 วันเพื่อพิจารณากรณีตามมาตรา 148 ถ้านายกฯสงสัยก็ให้ส่งความเห็ นไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิ จฉัย และแจ้งให้ประธาน สนช.ทราบโดยไม่ชักช้า ถ้าศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าร่ าง พ.ร.ป.กสม.มีข้อความขัดหรือแย้ งต่อรัฐธรรมนูญ หรือตราขึ้นโดยไม่ถูกต้ องตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ และข้อความดังกล่าวเป็นสาระสํ าคัญ ก็ให้ร่างนั้นเป็นอันตกไป หรือถ้าขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนู ญ แต่มิใช่ข้อความสำคัญ ก็ให้เฉพาะข้อความนั้นตกไป และให้นายกฯนำร่าง พ.ร.ป.กสม.ขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายเพื่อทรงลงพระปรมาภิ ไธยตามมาตรา 81 ต่อไป
ที่มา สำนักข่าวไทย และมติชนออนไลน์
28 ก.ย. 2560 รายงานข่าวระบุว่า วัส ติงสมิตร ประธานคณะกรรมการสิทธิมนุ
สำหรับหนังสือดังล่าวที่ ปรธานกสม. ส่งถึง พล.อ.ประยุทธ์ เมื่อวันที่ 25 ก.ย.ที่ผ่านมา นั้น ระบุว่า ร่าง พ.ร.ป.กสม.มีปัญหาความชอบด้วยรั
1.ปัญหาการให้ กสม.พ้นจากตำแหน่งทันทีทั้งหมด (เซตซีโร่) ตามร่างมาตรา 60 โดยอ้างว่าเพื่อให้สอดคล้องกั
2. การให้คณะกรรมการสรรหาพิ
และ 3.ข้อห้าม กสม.รับเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดตามมาตรา 24 วรรคหนึ่ง ของ พ.ร.ป.กสม. ห้ามเฉพาะรับจากองค์กรเอกชน(เอ็
รายงานข่าวระบุด้วยว่า ตามขั้นตอนหลังจาก สนช.ประชุมลงมติเห็นชอบร่าง พ.ร.ป.กสม. ตามร่างของคณะกรรมาธิการร่วม 3 ฝ่ายในวันที่ 14 ก.ย.แล้ว ต่อมาวันที่ 15 ก.ย. เลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการ สนช. ได้ส่งร่าง พ.ร.ป.กสม.ให้เลขาธิการคณะรั
ที่มา สำนักข่าวไทย และมติชนออนไลน์
แสดงความคิดเห็น