ไขลานความคิด

จะเลือก คนดี หรือ คนเก่ง กำหนดอนาคตประเทศไทย
--------------------------------------
“คนดี” จากพจนานุกรมแปล ไทย-ไทย ราชบัณฑิตยสถานเป็นคำนามหมายความว่า คนที่มีคุณธรรม, คนที่ประพฤติดี ในขณะที่ “คนเก่ง” หมายความว่า ผู้ที่มีความรู้ความสามารถเป็นอย่างดีในเรื่องนั้นๆ ความแตกต่างระหว่างสองอย่างนี้ก็คือความดีต้องใช้อารมณ์ความรู้สึกเป็นเครื่องชี้วัด แต่ความเก่งความสามารถมีผลงานเป็นเครื่องชี้วัดให้เห็นอย่างประจักษ์ชัด ในระยะหลังเราจะเห็นความพยายามส่งเสริมคนดีให้เข้ามามีส่วนร่วมในการเมืองไทยและสร้างค่านิยมให้ความสำคัญของความดีมากกว่าความเก่งหรือความสามารถ แต่หากพิจารณาโดยถ้วนถี่แล้วจะพบว่านั่นเป็นเพียงวาทะกรรม ที่ต้องการแบ่งแยกฝ่ายของผู้มีอำนาจเท่านั้นเอง
.
คนดีของผู้มีอำนาจไม่ใช่คนที่มีคุณธรรมหรือประพฤติดีหรอก หากแต่คือคนที่ “เชื่อฟัง” ต่างหาก ในระบบอุปถัมภ์นั้นความภักดี ซื่อสัตย์ ต่อผู้มีอำนาจคือเครื่องยืนยันความพึงพอใจ แม้ว่าคนใต้อุปถัมภ์นั้นจะไปทำสิ่งผิดกฎหมาย ผิดจริยธรรม หากถูกใจผู้มีอำนาจแล้วไซร้ ก็กลายเป็น “คนดี” ได้ในพริบตา ความพยายามสร้างสังคมของผู้มีอำนาจ “คนดี” คืออุบายที่ต้องการสร้างการเชื่อฟังให้คนรุ่นใหม่อยู่ภายใต้การปกครองเสียมากกว่า ขณะที่คนเก่งกลับควบคุมได้ยากเพราะมีความคิดที่อาจจะแปลกแตกต่างไปจากผู้มีอำนาจ หรืออาจจะรู้เท่าทันกลอุบายต่างๆ ทำให้คุมยากและอาจส่งผลให้ขยายวงกว้างไปยังกลุ่มคนอื่นๆ และหากมีคนเก่งมากเกินไปจนเก่งกว่าผู้มีอำนาจแล้ว ก็จะทำให้ความสำคัญของเขาลดลงไปดังนั้นจึงต้องมีความพยายามควบคุมคนเก่งเอาไว้นั่นเอง
.
ในเมื่อนิยามของคำว่าความดีคือคนที่มีคุณธรรม มันย่อมอยู่ในหลักของศาสนศาสตร์ หากแต่การปกครองนั้นใช้หลากหลายกว่าทั้งรัฐศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ นิติศาสตร์ ฯลฯ หากเราแค่ต้องการคนดีมากกว่าคนเก่ง ก็เหมือนการเอานักบวชมาบริหารประเทศ แล้วนักบวชจะมีศักยภาพพารัฐนาวาลำนี้ล่องไปในทะเลทุนนิยมได้อย่างไร ในเมื่อจะดำเนินนโยบายอย่างไรก็ผิดบาปไปขัดหลักคุณธรรมไปเสียหมด ในยุคแห่งทุนนิยมที่แต่ละประเทศต้องทำสงครามเศรษฐกิจความจริงที่ต้องยอมรับคือเราต้องเอาตัวรอดให้ได้ คนดีที่ไม่เคยบริหารธุรกิจสำเร็จ ไม่เคยจับเงินเป็นร้อยล้านพันล้านจะเอาชนะในสงครามการค้าระหว่างประเทศได้อย่างไร จะบริหารการเงินการคลังของประเทศได้อย่างไร
.
แท้จริงแล้วประเทศต้องการคนเก่งที่ตรวจสอบได้ ความดีเป็นความรู้สึกไม่สามารถวัดหรือประเมินออกมาเป็นผลงานเชิงประจักษ์หรือตัวเลขได้แต่ความเชี่ยวชาญในด้านเศรษฐกิจ ด้านการบริหารจัดการสามารถทำได้ และง่ายต่อตรวจสอบได้โดยไม่ต้องเกรงใจว่าผู้ถูกตรวจสอบจะเป็นคนดีหรือไม่ หากผลงานไม่ตามเป้า หากพบว่ามีการทุจริต ก็เดินขบวนขับไล่หรือไม่เลือกมาเป็นผู้แทนฯในสมัยหน้าได้ หากแต่เป็นคนดีที่เรามีความรู้สึกมีอารมณ์เข้าไปเกี่ยวข้องการจะตรวจสอบหรือขับไล่ก็จะไม่เป็นไปอย่างสะดวก
.
ยิ่งหากคนดีที่ถูกยกมาไม่ดีจริงอยู่นานๆไปกลายเป็นคนดีสีลอก กระนั้นจะขับไล่เสียก็ไม่ได้แล้วเพราะคนเก่งๆถูกตัดตอนไปเสียหมด ประเทศก็ขาดตัวเลือกจำใจต้องให้คนดีจอมปลอมอยู่ในอำนาจต่อไปในเมื่อแผนการมันถูกวางมาแบบนี้แล้ว ท่านๆจะเลือกคนดีหรือคนเก่งก็สุดแท้แต่จะตัดสินใจ
----------------------------------------
#ไขลานความคิด

แสดงความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.