ประยุทธ์งัด ม.44 ปรับระบบการพิจารณาแต่งตั้งข้ าราชการตํารวจ
Posted: 20 Feb 2017 03:45 AM PST (อ้างอิงจากอีเมล์ข่าว เวบไซท์ประชาไท)
พล.อ.ประยุทธ์ ใช้ ม.44 ออกคําสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 7/2560 เรื่อง การปรับปรุงระบบการพิจารณาแต่ งตั้งข้าราชการตํารวจ
20 ก.พ.2560 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ คําสั่งหัวหน้าคณะรั กษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ 7/2560 เรื่อง การปรับปรุงระบบการพิจารณาแต่ งตั้งข้าราชการตํารวจ ลงนามโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช. โดยระบุว่า
โดยที่การบริหารงานบุคคลของข้ าราชการตํารวจซึ่งเป็นเจ้าหน้ าที่ผู้รักษากฎหมายและต้ นทางของกระบวนการยุติธรรมเป็ นเรื่องสําคัญ โดยเฉพาะการแต่งตั้งข้าราชการตํ ารวจให้ดํารงตําแหน่งต่าง ๆ หากมิได้ดําเนินการให้ถูกต้ องเป็นธรรมแล้ว ย่อมกระทบต่อขวัญ กําลังใจ ความเจริญก้าวหน้าในอาชี พและประสิทธิภาพในการปฏิบัติงาน ทั้งหากมีผู้ใช้การแต่งตั้งเป็ นช่องทางเรียกรับผลประโยชน์อั นไม่ชอบด้ วยกฎหมายและปราศจากธรรมาภิบาลด้ วยแล้ว ก็ยิ่งก่อให้เกิดความคับแค้ นใจแก่ผู้ได้รั บผลกระทบและอาจเป็นการผลั กภาระต่อไปให้แก่ประชาชนกลายเป็ นวัฏจักรแห่งการทุจริ ตในวงราชการ ความไร้ประสิทธิภาพในการบังคั บใช้กฎหมายและการอํานวยความยุติ ธรรม จําเป็นต้องปฏิรูประบบการบริ หารงานบุคคลของข้าราชการตํารวจ ซึ่งรัฐบาลและคณะรั กษาความสงบแห่งชาติได้ดําเนิ นการในบางเรื่องบางประเด็น มาแล้วเป็นลําดับและจะต้องดํ าเนินการต่อไปให้สมบูรณ์ทั้ งระบบเพื่อตอบสนองความคาดหวั งของประชาชนในส่วนของการแต่งตั้ งข้าราชการตํารวจซึ่ งตามกฎหมายในปัจจุบันเป็นอํ านาจของผู้บัญชาการตํารวจแห่ งชาตินั้น แม้จะมีกลไกการปฏิบัติภายในสํ านักงานตํารวจแห่งชาติอยู่แล้ว แต่ควรกําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และขั้นตอนการกลั่นกรองให้เกิ ดความรับผิดชอบ ความถูกต้องเรียบร้อยเป็ นธรรมและมีความเหมาะสมตรงกั บความรู้ความสามารถตามสายการบั งคับบัญชาและการจัดสรรอัตรากํ าลังในแต่ละพื้นที่ยิ่งขึ้น เพื่อให้มีขั้นตอนชัดเจน โปร่งใส ปราศจากการวิ่งเต้น การเรียก รับ ให้หรือสัญญาว่าจะให้สิ่ งตอบแทนแลกเปลี่ยนกับการแต่งตั้ ง และปลอดจากระบบอุปถัมภ์ อันเป็นความจําเป็นต่อการปฏิรู ประบบราชการ ตลอดจนการเตรียมการให้เป็ นไปตามแนวทางการปฏิรูปด้ านกระบวนการยุติธรรมเกี่ยวกับกิ จการของตํารวจตามมาตรา 258 และมาตรา 260 ของร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจั กรไทย ที่กําลังจะประกาศใช้เป็ นกฎหมายต่อไป
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจั กรไทย (ฉบับชั่วคราว)พุทธศักราช 2557 หัวหน้าคสช. โดยความเห็นชอบของคณะรั กษาความสงบแห่งชาติจึงมีคําสั่ง ดังต่อไปนี้
ข้อ 1 ให้ยกเลิกความในมาตรา 54 แห่งพระราชบัญญัติตํารวจแห่ งชาติ พ.ศ. 2547 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยคําสั่งหั วหน้า คสช.ที่ 44/2558 เรื่อง การแก้ไขปัญหาการบริหารงานบุ คคลของข้าราชการตํารวจ ลงวันที่ 4 ธันวาคม พุทธศักราช 2558 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
“มาตรา 54 การแต่งตั้งข้าราชการตํารวจให้ ดํารงตําแหน่งตั้งแต่มาตรา 44 (7) ลงมาให้ผู้บัญชาการตํารวจแห่ งชาติ หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายจากผู้ บัญชาการตํารวจแห่งชาติซึ่งดํ ารงตําแหน่งไม่ต่ํากว่าผู้บั ญชาการเป็นผู้สั่งแต่งตั้ง โดยให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และขั้นตอน ดังต่อไปนี้
(1) ให้หัวหน้าส่วนราชการหรือหน่ วยงานระดับกองบังคับการ แต่งตั้งคณะกรรมการกลั่ นกรองการแต่งตั้งข้าราชการตํ ารวจระดับกองบังคับการ โดยอย่างน้อยต้องประกอบด้ วยรองหัวหน้าส่วนราชการหรือหน่ วยงานนั้นทุกคนเป็นกรรมการ เพื่อทําหน้าที่พิจารณาการแต่ งตั้งข้าราชการตํารวจให้ดํารงตํ าแหน่งต่าง ๆ ในส่วนราชการหรือหน่วยงานนั้น แล้วเสนอต่อหัวหน้าส่ วนราชการหรือหน่วยงานระดับกองบั ญชาการเพื่อดําเนินการตาม
(2) หรือเสนอต่อผู้บัญชาการตํ ารวจแห่งชาติหรือผู้ที่ได้รั บมอบหมายให้เป็นผู้สั่งแต่งตั้ งในกรณีการแต่งตั้งข้าราชการตํ ารวจในสังกัดสํานักงานผู้บั ญชาการตํารวจแห่งชาติเพื่อดํ าเนินการตาม(3) ต่อไป แล้วแต่กรณี(2) ให้หัวหน้าส่วนราชการหรือหน่ วยงานระดับกองบัญชาการแต่งตั้ งคณะกรรมการกลั่นกรองการแต่งตั้ งข้าราชการตํารวจระดับกองบั ญชาการ โดยอย่างน้อยต้องประกอบด้ วยรองหัวหน้าส่วนราชการหรือหน่ วยงานนั้นทุกคนเป็นกรรมการ เพื่อทําหน้าที่พิจารณาการแต่ งตั้งข้าราชการตํารวจให้ดํารงตํ าแหน่งต่าง ๆ ในส่วนราชการหรือหน่วยงานนั้น และการแต่งตั้งข้าราชการตํ ารวจที่ได้รับการเสนอตาม (1) แล้วเสนอต่อผู้บัญชาการตํ ารวจแห่งชาติหรือผู้ที่ได้รั บมอบหมายให้เป็นผู้สั่งแต่งตั้ งเพื่อดําเนินการตาม (3) หรือดําเนินการแต่งตั้งต่อไป แล้วแต่กรณี
(3) ให้ผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติ แต่งตั้งคณะกรรมการกลั่ นกรองการแต่งตั้งข้าราชการตํ ารวจโดยอย่างน้อยต้องประกอบด้ วยจเรตํารวจแห่งชาติและรองผู้บั ญชาการตํารวจแห่งชาติทุกคนเป็ นกรรมการเพื่อทําหน้าที่พิ จารณาการแต่งตั้งข้าราชการตํ ารวจให้ดํารงตําแหน่งต่าง ๆ ในสังกัดสํานักงานผู้บัญชาการตํ ารวจแห่งชาติ และการแต่งตั้งข้าราชการตํ ารวจที่ได้รับการเสนอตาม (1) หรือ (2) แล้วเสนอต่อผู้บัญชาการตํ ารวจแห่งชาติหรือผู้ที่ได้รั บมอบหมายให้เป็นผู้สั่งแต่งตั้ งเพื่อดําเนินการแต่งตั้งต่ อไปกรณีที่ผู้สั่งแต่งตั้งเห็ นว่ารายชื่อข้าราชการตํ ารวจตามวรรคหนึ่งผู้ใดมีความไม่ เหมาะสมหรือมีข้าราชการตํารวจซึ่ งเห็นสมควรดํารงตําแหน่งต่าง ๆ เพื่อประโยชน์แก่การบริหารงานบุ คคลของข้าราชการตํารวจให้เกิ ดประสิทธิภาพ ให้ผู้สั่งแต่งตั้งมีอํานาจแก้ ไข เปลี่ยนแปลง หรือเพิ่มเติมการแต่งตั้งข้ าราชการตํารวจให้ดํารงตําแหน่ งต่าง ๆ แล้วดําเนินการแต่งตั้ง หรือสั่งให้พิ จารณาทบทวนการเสนอแต่งตั้งได้ ตามควรแก่กรณี”
ข้อ 2 การแต่งตั้งข้าราชการตํารวจให้ ดํารงตําแหน่งตามมาตรา 44 (7) ถึง (10)ในวาระการแต่งตั้งประจําปี พ.ศ. 2559 ให้ดําเนินการตามคําสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 21/2559 เรื่อง การปฏิบัติราชการของสํานักงานตํ ารวจแห่งชาติ ลงวันที่ 26 เมษายน พุทธศักราช 2559 จนกว่าจะแล้วเสร็จ โดยให้นําข้อ 1 มาใช้บังคับโดยอนุโลม
ข้อ 3 การแต่งตั้งข้าราชการตํารวจให้ กระทําโดยสุจริต เป็นธรรม ตามหลักเกณฑ์ที่กําหนดหากมีเรื่ องร้องเรียนหรือข้อสงสัยว่ามี การทุจริตหรือประพฤติมิชอบ หรือมีการเรียก รับ ให้หรือสัญญาว่าจะให้ประโยชน์ ตอบแทน แลกเปลี่ยนหรือจูงใจในการแต่งตั้ งไม่ว่าด้วยประการใด ๆให้ผู้บังคับบัญชาที่เกี่ยวข้ องดําเนินการตรวจสอบหรื อสอบสวนโดยเร็วและรายงานผลให้ผู้ บังคับบัญชาเหนือชั้นขึ้นไปหรื อผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติแล้ วแต่กรณี ทราบเพื่อดําเนินการตามอํ านาจหน้าที่ต่อไปให้ศูนย์อํ านวยการต่อต้านการทุจริตแห่ งชาติ (ศอตช.) กระทรวงยุติธรรม มีหน้าที่รับเรื่องร้องเรียนเกี่ ยวกับการทุจริตหรือประพฤติมิชอบ การเรียก รับ ให้ หรือสัญญาว่าจะให้ประโยชน์ ตอบแทนหรือการแลกเปลี่ยนหรือจู งใจในการแต่งตั้งข้าราชการตํ ารวจ เพิ่มขึ้นอีกช่องทางหนึ่ง เมื่อตรวจสอบแล้วให้ดําเนิ นการตามหน้าที่และอํานาจต่ อไปโดยกําหนดมาตรการคุ้ มครองพยานหรือผู้แจ้งเบาะแสชี้ ช่องด้วยในกรณีจําเป็นจะเสนอหั วหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เพื่อสั่งให้ข้าราชการตํารวจที่ ถูกร้องเรียนหรือเกี่ยวข้ องไปปฏิบัติหน้าที่ในหน่วยงานอื่ นหรือนอกสํานักงานตํารวจแห่ งชาติเป็นการชั่วคราวระหว่ างการตรวจสอบก็ได้
ข้อ 4 ให้สํานักงานตํารวจแห่งชาติศึ กษาแนวทางการปฏิรูปตํารวจท้ั งระบบ โดยอย่างน้อยให้ครอบคลุมถึ งการปรับปรุงการบริหารงานบุ คคลของข้าราชการตํารวจ โดยพิจารณาเปรียบเทียบผลดีผลเสี ยและความเป็นไปได้ของหลักประกั นความเป็นธรรมในการแต่งตั้ งตามหลักเกณฑ์ต่าง ๆ การมีคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุ ณธรรม การดําเนินการทางวินัย การจัดระเบียบเกี่ยวกับอํ านาจในการสอบสวนคดีอาญา การควบคุมและถ่วงดุลการใช้ดุ ลยพินิจ การกระจายอํานาจ การนําวิทยาการตํารวจสมัยใหม่ เทคโนโลยี และการบริหารราชการแนวใหม่มาใช้ ในกิจการตํารวจ การปรับปรุงประสิทธิภาพในการป้ องกันและปราบปรามอาชญากรรม การให้บริการที่อํ านวยความสะดวกแก่ ประชาชนและการจัดระบบสวัสดิ การของข้าราชการตํารวจโดยอยู่ บนพื้นฐานของหลักนิติธรรม หลักธรรมาภิบาลสิทธิมนุษยชน การรักษาความมั่นคงแห่งชาติ การปฏิรูปประเทศและยุทธศาสตร์ ชาติ แล้วรายงานให้นายกรัฐมนตรี ทราบภายในหกสิบวันนับแต่วันที่ คําสั่งนี้มีผลใช้บังคับ เพื่อเสนอให้คณะกรรมการปฏิรูปกิ จการตํารวจที่จะจัดตั้งขึ้ นตามมาตรา ๒๖๐ ของร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจั กรไทย รับไปพิจารณาตามหนาท้ ี่และอํานาจต่อไปข้อ 5 ในกรณีเห็นสมควรนายกรัฐมนตรีหรื อคณะรัฐมนตรีอาจเสนอให้คณะรั กษาความสงบแห่งชาติแก้ไขเปลี่ ยนแปลงคําสั่งนี้ได้
ข้อ 6 คําสั่งนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่ วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็ นต้นไป
สั่ง ณ วันที่ 20 กุมภาพันธ์ พุทธศักราช 2560
แสดงความคิดเห็น