นักเศรษฐศาสตร์ห่วงภาคส่งออก 'อิเล็กทรอนิกส์-พลาสติก' ของไทย
Posted: 19 Feb 2017 12:42 AM PST (อ้างอิงจากอีเมล์ข่าว เวบไซท์ประชาไท)
คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ ม.รังสิต ประเมินตัวเลขเศรษฐกิจไตรมาสสี่ ปี 2559 คาดการณ์เศรษฐกิจไตรมาสแรกปี 2560 ชี้ความเสี่ยงของวิกฤติรอบใหม่ อียูเตือนรับมือผลกระทบการกีดกั นสินค้าจีนของสหรัฐฯ ต่อภาคส่งออกไทยโดยสินค้าอุ ปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์คอมพิวเตอร์ และผลิตภัณฑ์พลาสติกเสี่ยงมากสุ ด
19 ก.พ. 2560 ผศ. ดร. อนุสรณ์ ธรรมใจ รองอธิการบดีฝ่ายวิจัยและบริ การวิชาการ และ คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิตเปิดเผยว่า ได้ประเมินตัวเลขเศรษฐกิ จไตรมาสสี่ ปี พ.ศ. 2559 (ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการพั ฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ จะเผยแพร่ตัวเลขในวันที่ 20ก.พ. 2560)โดยมองว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศหรื อจีดีพีไตรมาสสี่ปี 2559 ขยายตัวได้ที่ระดับ 2.7-2.8% เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันเมื่ อปีที่แล้ว โดยทางคณะเศรษฐศาสตร์ ม. รังสิตยังคงประมาณการอั ตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจทั้งปี 2559 ไว้ที่ระดับ 3.2% เช่นเดิมและ คาดการณ์เศรษฐกิจไตรมาสแรกปี พ.ศ. 2560 ว่าจะเติบโตได้ที่ระดับ 3.4-3.5% แม้นจะได้รับผลกระทบจากน้ำท่ วมภาคใต้ต่อเนื่องมาจากปลายปีที่ แล้วก็ตาม เนื่องจาก ภาคการบริโภคกระเตื้องขึ้นเล็ กน้อยเมื่อเทียบกับไตมาสสี่ ภาคการลงทุนฟื้นตัวชัดเจนขึ้ นโดยเฉพาะการเดินหน้ าโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ส่วนภาคส่งออกไม่ได้ปรับตัวดีขึ้ นมากนัก สินค้าอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิ วเตอร์ส่งออกของไทยเป็นการส่งสิ นค้าขั้นกลางไปจีนในสัดส่วนสู งและจะได้รับผลกระทบการกีดกันสิ นค้าของสหรัฐฯเนื่องจากอยู่ในห่ วงโซ่การผลิตเชื่อมโยงกัน ผลิตภัณฑ์พลาสติก เม็ดพลาสติกผลิตของเล่น จะกระทบอย่างหนักเนื่องจากไทยส่ งสินค้าขั้นกลางไปจีนในสัดส่ วนสูงสุดและจะได้รั บผลกระทบการกีดกันสินค้าเนื่ องจากอยู่ในห่วงโซ่การผลิตเชื่ อมโยงกัน 25% ของการส่งออกเม็ดพลาสติ กของไทยไปที่จีน ไทยจึงควรหาตลาดใหม่มาทดแทนจีน หรือ เชิญชวนให้ผู้ผลิตสินค้าขั้ นปลายย้ายฐานการผลิตมาที่ไทยหรื ออาเซียนสินค้าส่วนใหญ่ที่ กระทบเป็นสินค้าที่ผลิตโดยบริษั ทขนาดใหญ่และเครือข่ายการผลิ ตบรรษัทข้ามชาติมีผลกระทบต่อ SMEs ไม่มาก
ภาคท่องเที่ยวยังคงขยายตัวเพิ่ มขึ้นต่อเนื่อง การจะทำให้เศรษฐกิจไทยเติบโตได้ อย่างเต็มศักยภาพในระยะสั้น ต้องทำให้ ภาคบริโภคฟื้นตัวเต็มที่เนื่ องจากภาคบริโภคของเอกชนคิดเป็น 51% ของการใช้จ่ายในระบบเศรษฐกิจ ภาคการลงทุนเอกชนคิดเป็น 19% ของการใช้จ่ายในระบบเศรษฐกิจ ส่วนการลงทุนภาครัฐคิดเป็น 6% ของการใช้จ่ายระบบเศรษฐกิจเท่ านั้นเอง แม้นรัฐบาลจะเร่งรัดการใช้จ่ ายอย่างไรก็จะกระตุ้นเศรษฐกิ จในระยะสั้นได้ระดับหนึ่งเท่านั้ น หากไม่บริหารจัดการเงินคงคลั งเงินไหลเข้า (ภาษีและรายได้อื่น ๆ) และ เงินไหลออก (เงินใช้จ่ายออกเพื่อลงทุนหรื อบริโภคของภาครัฐ) ก็อาจมีปัญหาสภาพคล่องได้ แต่จะไม่ถั งแตกเพราะฐานะทางการคลั งโดยรวมยังคงมั่นคงดี ในระยะยาวแล้ว หากต้องการเพิ่มศักยภาพการเติ บโตต้องมุ่งไปที่การสร้าผลิ ตภาพด้วยนวัตกรรม การยกระดับขี ดความสามารถในการแข่งขั นและการบูรณาการความร่วมมื อทางเศรษฐกิจ
ส่วน กฎหมายใหม่ เช่น พ.ร.บ. ส่งเสริมการลงทุนฉบับใหม่ และ พ.ร.บ. ยกระดับขีดความสามารถในการแข่ งขันจะเป็นเครื่องมือในการทำให้ ความสามารถในการแข่งขันของไทยดี ขึ้นในระยะปานกลางและระยะยาว รวมทั้งจะเป็นส่วนหนึ่งที่ จะทำให้ภาคส่งออกที่หดตัวต่อเนื่ องมาหลายปีได้เปลี่ยนทิศทางดีขึ้ นในระยะต่อไปขณะที่เขตเศรษฐกิ จพิเศษภาคตะวันออกจะเป็นพลั งสำคัญในการขับเคลื่อนการเติ บโตเศรษฐกิจการลงทุนอย่างมีเสถี ยรภาพในระยะยาว
ดร. อนุสรณ์ กล่าวอีกว่าการปรับเพิ่มขึ้ นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรั ฐบาลสหรัฐอเมริการะยะ 10 ปีจะส่งผลให้ต้นทุนการกู้ยืมผ่ านตลาดตราสารหนี้ไทยมีแนวโน้ มปรับตัวสูงขึ้นตาม นักลงทุนและนักธุรกิจทั่วโลกต้ องรับมือกับต้นทุนการกู้ยื มระยะยาวที่สูงขึ้นและมีความเป็ นไปได้สูงขึ้นที่ธนาคารกลางสหรั ฐจะปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ ยนโยบายเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ เดิม คือ ปรับเพิ่มในเดือนมีนาคมแทนที่ จะเป็นเดือนมิถุนายน ตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียอาจมี การปรับฐานลงได้จากเคลื่อนย้ ายเงินทุนระยะสั้นกลับสหรั ฐอเมริกาและพักเงินไว้ในสินทรั พย์ที่มีความเสี่ยงต่ำกว่า (เช่น ตราสารหนี้ ดอลลาร์สหรัฐฯ และ ทองคำ) เงินดอลลาร์จะกลับมาแข็งค่าอี กรอบหนึ่งและเงินบาทอ่อนค่าลง หากไม่มีแรงกดดันด้านเงิ นไหลออกและเงินเฟ้อมากเกินไป คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทยน่าจะคงอั ตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 1.5% ตลอดทั้งปีได้ทิศทางราคาน้ำมั นในไตรมาสแรกน่าจะอยู่ที่ 53-54 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล โดยราคาน้ำมันอาจปรับขึ้ นไปแตะรับสูงสุดในช่วงกลางปีที่ ระดับ 62-63 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล จากOPEC บรรลุข้อตกลงลดกำลังการผลิต 1.2 ล้านบาร์เรลต่อวันเป็นเวลา 6 เดือน และ กลุ่ม Non-OPEC ก็จะลดกำลังการผลิตด้วย โดยปีนี้ สำนักงานสารสนเทศด้านพลั งงานของสหรัฐฯ EIA คาดว่า อุปสงค์น้ำมันโลกจะเติบโตเพิ่ มขึ้น 1.6% โดยภูมิภาคเอเชียขยายตัวสูงสุ ดที่ 3.6% แต่ราคาน้ำมันเฉลี่ยทั้งปีจะไม่ ขึ้นไปสูงมากและช่วงครึ่งปีหลั งราคามีแนวโน้มอ่อนตัวลงจากปั จจัยทางด้านอุปทาน มีอุปทานน้ำมันล้นตลาดอยู่ 4.2 แสนบาร์เรลต่อวัน (อุปสงค์อยู่ที่ 9.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน อุปทานอยู่ที่ 9.74 ล้านบาร์เรลต่อวัน) และรัฐบาลสหรัฐฯภายใต้ Donald Trump ยังมีนโยบายสนับสนุนการผลิตในธุ รกิจอุตสาหกรรมน้ำมันฟอสซิ ลมากเป็นพิเศษ
ดร. อนุสรณ์ คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ ม. รังสิต วิเคราะห์ผลกระทบกรณี Brexit ในช่วงครึ่งปีแรกปี 2017 ว่า ผลต่อตลาดการเงินมีจำกัดและไม่ น่าส่งผลอะไรมากมายเพราะเป็นสิ่ งที่คนส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้อยู่ แล้ว แต่ขอให้จับตาผลกระทบต่ อภาคการค้าและภาคเศรษฐกิจจริ งและดุลยภาพความสันพันธ์ ทางเศรษฐกิจและการเมืองระหว่ างประเทศที่เปลี่ยนไปโดย สหราชอาณาจักรจะมีความสัมพันธ์ ทางเศรษฐกิจและการลงทุนที่ใกล้ ชิดมากขึ้นกับสหรัฐอเมริกา ขณะที่ ธุรกิจอุตสาหกรรมบางส่ วนโดยเฉพาะภาคการเงินจะย้ ายฐานไปยังอียูมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ภาคการเงินที่เปราะบางของอิตาลี และปัญหาวิกฤติหนี้สินของกรี ซอาจนำไปสู่ชนวนของวิกฤติ รอบใหม่ในอียูได้ โดยแผนการเพิ่มทุนของธนาคาร Monte Dei Paschiของอิตาลีอาจประสบปั ญหาสร้างแรงกดดันให้อิตาลีอาจต้ องเข้าสู่โครงการช่วยเหลือ (bail-out) ของ EU และ IMFผลการเลือกตั้งที่ทะยอยเกิ ดขึ้นในช่วงต่อไป ทั้งในฝรั่งเศส เยอรมัน อิตาลีและเนเธอร์แลนด์ จะเป็นตัวกำหนดว่า EU และ ระบบค่าเงินยูโรจะล่มสลายหรื อดำเนินการต่อไปได้อย่างไร
ดร. อนุสรณ์ กล่าวอีกว่า ค่อนข้างชัดเจนว่า ทีมเศรษฐกิจทางด้านการค้ าของประธานาธิบดี Donald Trump ไม่ว่าจะเป็น Wibur Ross รัฐมนตรีพาณิชย์Dan DiMiccoผู้แทนการค้าสหรัฐฯ PeterNavarro ผู้อำนวยการ National Trade Committee และที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจ Gary Cohn ผู้อำนวยการ National Economic Councilล้วนเป็นพวกที่ไม่เชื่ อมั่นในข้อตกลงทางการค้าเสรีที่ สหรัฐอเมริกาทำอยู่กั บหลายประเทศ โดยมองว่า ข้อตกลงการค้า FTA ทำให้กระทบต่ออุตสาหกรรมการผลิ ตภายในประเทศ การจ้างงานและทำให้สหรัฐฯขาดดุ ลการค้าอย่างหนัก มีแนวโน้มที่จะทบทวน FTA ต่างๆที่สหรัฐฯทำกับประเทศต่างๆ แต่ไม่น่าจะเป็นการใช้มาตรการตั้ งกำแพงภาษีโดยทั่วไปแบบสุดโต่ งตามนโยบายหาเสียง จะมีลักษณะเป็นมาตรการตอบโต้ การค้ารายประเทศรายสินค้ามากกว่ า เช่น มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด (Anti-Dumping) มาตรการลงโทษรายสินค้า เป็นต้น โดยประเทศเป้าหมายที่ถูกกีดกั นอันดับต้น คือ จีนและเม็กซิโก เตือนรับมือผลกระทบการกีดกันสิ นค้าของสหรัฐฯต่อสินค้าจีนที่ส่ งผลต่อภาคส่งออกไทย โดยเฉพาะสินค้าส่งออกประเภทอุ ปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ คอมพิวเตอร์และผลิตภัณฑ์พลาสติ กจะได้รับผลกระทบมากเป็นพิ เศษเนื่องจากสินค้าส่งออกไทยเป็ นห่วงโซ่อุปทานการผลิตที่เชื่ อมโยงกับจีนสัดส่วนส่งออกสินค้ าขั้นกลางประเภทดังกล่ าวของไทยเข้าจีนเพื่อผลิตสินค้ าขั้นปลายสูงมาก รัฐบาลควรให้น้ำหนักการเพิ่ มความร่วมมือกับจีนและมีโอกาสที่ กลุ่มทุนจีนอาจย้ายฐานการผลิตขั้ นปลายมาไทยมากขึ้นเพื่อหลบเลี่ ยงการกีดกันการค้าจากสหรัฐอเมริ กา
แสดงความคิดเห็น