หนึ่งในช่วงที่หลายคนฟังแล้วหัวใจเต้นแรงระหว่างมาร่วมส่ง อ.ยิ้ม เมื่อวันที่ 1 ต.ค.60
---
จะแก้แค้นแทนสหายคนกล้า
จะต่อสู้เพื่อประชาไปตลอดกาล
จะสร้างสรรค์สังคมแห่งอุดมการณ์
อีกไม่นานจะเอาธงแดงปักกลางนคร
---
จิ้น กรรมาชน ร้องเพลง สหาย จากเดิมจะร้องเพลงนักสู้ธุลีดิน
สำหรับเพลงสหาย แต่งเมื่อปี 2520 ช่วงหน้าหนาว
---
นักปฏิวัติ เราไม่เคยกลัวตาย แม้ร่างกาย ต้องมลาย ดับสูญ
อุทิศชีวิต เพื่อประชา สุขสมบูรณ์ จักเทิดทูน อุดมการณ์ นิรันดร์ไป
เลือดแดง ทาพื้นพสุธา หมู่มาลา และภูผา ร่ำไห้
คงแต่ชื่อ ระบือก้องเกริกฟ้าไกล สถิตใน แนบน้ำ ใจประชา
---
จะแก้แค้นแทนสหายคนกล้า
จะต่อสู้เพื่อประชาไปตลอดกาล
จะสร้างสรรค์สังคมแห่งอุดมการณ์
อีกไม่นานจะเอาธงแดงปักกลางนคร
---
จิ้น กรรมาชน ร้องเพลง สหาย จากเดิมจะร้องเพลงนักสู้ธุลีดิน
สำหรับเพลงสหาย แต่งเมื่อปี 2520 ช่วงหน้าหนาว
---
นักปฏิวัติ เราไม่เคยกลัวตาย แม้ร่างกาย ต้องมลาย ดับสูญ
อุทิศชีวิต เพื่อประชา สุขสมบูรณ์ จักเทิดทูน อุดมการณ์ นิรันดร์ไป
เลือดแดง ทาพื้นพสุธา หมู่มาลา และภูผา ร่ำไห้
คงแต่ชื่อ ระบือก้องเกริกฟ้าไกล สถิตใน แนบน้ำ ใจประชา
สหาย ต่อหน้ากระบอกปืน หยัดยืน อย่างทนง หาญกล้า
ดวงตาเปล่ง ประกาย แสงแห่งศรัทธา ยืดอกท้า ดั่งภูผา ฟ้าดินเกรงกลัว
สหายเป็น เมล็ดพืชสีแดง หยั่งรากแทง ไปมิ หมองมัว
จักงอกงาม อุดมการณ์ไปทั่ว ขยายตัว ทั่วผืน แผ่นดิน
ไฟสุมรุม รุ่มร้อนความแค้น ตายหนึ่ง จักเกิดแสน ไม่สิ้น
เสียงปืน จักคำรามทั่วทุกถิ่น เลือดแลกเลือด ล้างทมิฬ เผด็จการ
จักแก้แค้น แทนสหายคนกล้า จักต่อสู้ เพื่อประชาไปตลอดกาล
จักสร้างสรรค์ สังคมแห่งอุดมการณ์ อีกไม่นาน จะเอาธงแดงปักกลางนคร
ดวงตาเปล่ง ประกาย แสงแห่งศรัทธา ยืดอกท้า ดั่งภูผา ฟ้าดินเกรงกลัว
สหายเป็น เมล็ดพืชสีแดง หยั่งรากแทง ไปมิ หมองมัว
จักงอกงาม อุดมการณ์ไปทั่ว ขยายตัว ทั่วผืน แผ่นดิน
ไฟสุมรุม รุ่มร้อนความแค้น ตายหนึ่ง จักเกิดแสน ไม่สิ้น
เสียงปืน จักคำรามทั่วทุกถิ่น เลือดแลกเลือด ล้างทมิฬ เผด็จการ
จักแก้แค้น แทนสหายคนกล้า จักต่อสู้ เพื่อประชาไปตลอดกาล
จักสร้างสรรค์ สังคมแห่งอุดมการณ์ อีกไม่นาน จะเอาธงแดงปักกลางนคร
----
‘เดินฝ่าความมืด’ ร่วมส่ง ‘อ.ยิ้ม สุธาชัย’ คนรุ่นหลังสานต่ออุดมการณ์
ไว้อาลัยอย่างเปี่ยมพลังในพิธีฌาปนกิจศพ รศ.ดร.สุธาชัย ยิ้มประเสริฐ คนรุ่นหลังประกาศสานต่ออุดมการณ์ประชาธิปไตย ทำลายความล้าหลังในสังคม
บรรยากาศพิธีฌาปนกิจศพ รศ.ดร.สุธาชัย ยิ้มประเสริฐ ณ เมรุวัดหัวลำโพง กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2560 ซึ่งครอบครัวตั้งใจจะให้บรรยากาศเป็นไปอย่าง ‘มีความหวัง เห็นอนาคต ท่ามกลางความมืดมน’ มีผู้ร่วมงานจำนวนมากทั้งแวดวงวิชาการ นักการเมือง นักกิจกรรมรุ่นใหม่ และนักเคลื่อนไหวในยุคเดือนตุลา โดยเฉพาะกลุ่มเพื่อนสุราษฎร์ธานีหรือสหายจากเขตงานสุราษฎร์ธานี ซึ่งเป็นอดีตนักศึกษาในยุคเดือนตุลา ที่เข้าป่าในเขตเดียวกับ ดร.สุธาชัย
ในพิธีมีการมอบชุดทหารปลดแอกประชาชน จากลุงธง แจ่มศรี อดีตเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยให้แก่ครอบครัว ดร.สุธาชัย โดยรองศาสตราจารย์บาหยัน อิ่มสำราญ อาจารย์ประจำคณะอักษรศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ภรรยาของ ดร.สุธาชัย และบุตรสาวเป็นผู้รับมอบ
ในงานมีการรำวงเพลงประชาชนไทย ซึ่ง สุขุม เลาหพูลรังสี เพื่อนของ อ.ยิ้ม ตัวแทนจาก ‘โดมรวมใจ’ ระบุว่าเพลงนี้เป็นเพลงโปรดของ อ.ยิ้ม
นอกจากนั้นมีเสียงเฮ พร้อมชูกำปั้นและปรบมือกึกก้องจากผู้ร่วมพิธี ทันทีที่ ‘จิ้น กรรมาชน’ ร้องท่อนสุดท้ายของเพลง ‘สหาย’ โดยเปล่งเสียงอันดังว่า ‘อีกไม่นาน จะเอาธงแดงปักกลางนคร’ ทั้งนี้ ก่อนหน้านั้น ‘จิ้น กรรมาชน’ จะร้องเพลงนักสู้ธุลีดิน แต่เขาระบุว่าขอเปลี่ยนเป็นเพลงสหาย ซึ่งแต่งเมื่อปี 2520 ช่วงหน้าหนาว
ศ.ดร.วรเจตน์ ภาคีรัตน์ คณะนิติราษฎร์ นิติศาสตร์เพื่อราษฎร ตัวแทนแวดวงวิชาการ กล่าวคำไว้อาลัย โดยกล่าวตอนหนึ่งว่า “อ.ยิ้ม เป็นบุคคลที่ควรค่าแก่การเสียดายในการจากไป เพราะ อ.ยิ้มมีชีวิตเกิดขึ้นมาเพื่อคนอื่น มีอุดมการณ์ใฝ่เสรี อุดมการณ์เพื่อประชาธิปไตยรักในความถูกต้องเป็นธรรม ในช่วงชีวิตของบุคคลแต่ละคนอาจเปลี่ยนแปลงไปได้มากมาย แต่ อ.ยิ้มไม่เคยเปลี่ยนธาตุของตนเองตั้งแต่วัยหนุ่มจนกระทั่งอาจารย์จากไป
ในวัยหนุ่ม อาจารย์ได้เข้าร่วมกับอุดมการณ์ที่อาจารย์คิดว่าเป็นประโยชน์แก่คนส่วนใหญ่ของสังคม แม้ยังไม่สำเร็จดังที่อาจารย์ได้ตั้งความหวังเอาไว้ แต่เมื่ออาจารย์เข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัยเป็นอาจารย์สอนนักศึกษา อาจารย์ก็ยังคงอุดมการณ์ดังกล่าวเอาไว้อย่างแน่วแน่ อาจารย์เป็น 1 ในปัญญาชนที่ยืนเคียงข้างประชาชนคนสามัญ ในทุกเวลา
เวลาที่เกิดความไม่ยุติธรรมขึ้นในสังคม อ.ยิ้มได้พยายามต่อสู้กับความไม่เป็นธรรมเหล่านั้น ด้วยสติปัญญา ปกป้องคนที่ถูกรังแก ถูกทำร้าย ด้วยเกียรติและศักดิ์ศรีของอาจารย์
ในทางวิชาการ เราทุกคนคงทราบดีว่า งานทางประวัติศาสตร์ของอาจารย์ยิ้มนั้น เป็นงานที่ทรงคุณค่า เป็นงานที่เปิดเผยให้เห็นถึงความไม่ยุติธรรมในสังคมไทยที่เปรียบเสมือนถูกม่านแห่งความไม่ชอบธรรมนั้นบังเอาไว้ อาจารย์ยิ้มเป็น 1 ในบุคคลจำนวนไม่กี่คนที่เปิดม่านนั้นออกมาให้ประชาชนทั่วไปได้เห็น
ในยามสุดท้ายของชีวิต อาจารย์ยิ้มไม่ได้หวั่นเกรงต่อการจากไป อาจารย์คงเสียดายแต่งานทางวิชาการที่อาจารย์ยังทำไม่สำเร็จในบางเรื่อง อาจารย์ได้ทิ้งผลงานทางวิชาการไว้อีกมากมาย ซึ่งคงจะได้มีการพิมพ์เผยแพร่ต่อไป
สุดท้ายนี้ผมอยากจะบอกกับอาจารย์ยิ้มในฐานะตัวแทนของพวกเราว่า อาจารย์ได้เหนื่อยในชีวิตของอาจารย์ อาจารย์ได้ใช้ชีวิตของอาจารย์ในการต่อสู้กับความไม่ถูกต้องเป็นธรรม เพื่ออุดมการณ์ใฝ่เสรีของอาจารย์
อยากให้อาจารย์พักผ่อนให้สบาย อาจารย์ไม่มีอะไรต้องห่วงในสังคมนี้ สังคมนี้จะเดินต่อไป ทำความฝันของอาจารย์ที่ยังไม่บรรลุ ให้บรรลุให้ได้
ประชาชนคนสามัญที่อาจารย์ยืนอยู่เคียงข้างเขาตลอดชีวิต จะช่วยกันถางทางไปสู่ความเป็นประชาธิปไตย ถางทางไปสู่สังคมที่เสรี ทำลายความล้าหลังที่ปรากฏอยู่ในสังคมนี้
อาจารย์ยิ้ม ซึ่งจากเราไปแล้ว จะมองดูอยู่ด้วยความสุขใจ
ด้วยความรัก ความอาลัย และความคารวะอย่างสูงสุด ต่ออาจารย์สุธาชัย ยิ้มประเสริฐ ขอบคุณครับ” ศ.ดร.วรเจตน์กล่าว
จาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรองนายกรัฐมนตรี ทอดผ้ามหาบังสุกุลและเป็นประธานในการประกอบพิธีฌาปนกิจศพ ทั้งนี้ ตอนหนึ่งใน ‘คำขอบคุณ’ ที่ครอบครัว ดร.สุธาชัย บันทึกในหนังสือ ‘เดินฝ่าความมืด’ อนุสรณ์ที่ระลึกฌาปนกิจ ได้กล่าวถึง จาตุรนต์ ฉายแสง ว่า เมื่อ ดร.สุธาชัย ต้องเดินทางกลับประเทศไทยในฐานะผู้ป่วยข้ามแดน ก็ได้รับความช่วยเหลือจากคุณจาตุรนต์ ฉายแสง ซึ่งดำเนินการประสานงานกับโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์และบริษัทประกันภัยการเดินทาง ทำให้สามารถเดินทางกลับมารักษาตัวที่ประเทศไทยได้อย่างราบรื่น และอาการต่างๆ ดีขึ้นในระยะแรก นอกจากนั้น ในคำขอบคุณได้ขอบคุณทุกคนที่มีส่วนช่วยให้ครอบครัวผ่านพ้นช่วงเวลาอันอึดอัดทุกข์ทรมานไปได้
“และหากจะจดจำ รศ.ดร.สุธาชัย ยิ้มประเสริฐ ขอให้เป็นภาพของความมั่นคง หนักแน่น รักความเป็นธรรม ความมีเหตุผล ความเคารพและรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น ขอให้เป็นภาพของนักวิชาการที่มุ่งมั่น เอาจริงจังในการสร้างสรรค์ผลงานวิชาการที่ช่วยวิพากษ์ความคิดที่ล้าหลังในสังคมไทย” ส่วนหนึ่งในคำขอบคุณจากครอบครัว ดร.สุธาชัย
หมอวรา ชูจิตรตัวแทนจากเขตงานสุราษฎร์ธานี
พ.ต.พุทธินาถ พหลโยธิน ทายาทพระยาพหลพลพยุหเสนา ทอดผ้าบังสุกุล อุทิศส่วนกุศลแก่ผู้วายชนม์
อาจารย์ณัฐพล ใจจริง นักประวัติศาสตร์
อธึกกิต แสวงสุข หรือ ใบตองแห้ง คอลัมนิสต์อดีตนักศึกษาที่เข้าป่ายุคเดือนตุลา
อาจารย์ศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์
รศ.ดร.ประภาส ปิ่นตบแต่ง
นักกิจกรรมรุ่นใหม่ร่วมพิธีวางดอกไม้จันทน์หน้าหีบศพ
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ มาร่วมส่งอาจารย์ยิ้ม โดยก่อนหน้านี้ ณัฐวุฒิ โพสต์ข้อความทางเฟซบุค เมื่อวันที่ 27 กันยายน ว่า
“เช้านี้ตื่นมาพบข่าวร้าย
รศ.ดร.สุธาชัย ยิ้มประเสริฐ "อาจารย์ยิ้ม" ของเพื่อนมิตรและประชาชนผู้รักประชาธิปไตย
"สหายสมพร"นักสู้ในประวัติศาสตร์เดือนตุลาคม
จากไปอย่างสงบในวัย 61 ปี
1 ในนักวิชาการผู้ยืนหยัดมั่นคงในหลักการประชาธิปไตย
สร้างงานหนังสืออันทรงคุณค่า ย้อนเวลาให้คนรุ่นใหม่เข้าใจประวัติศาสตร์การเมืองไทย
นักต่อสู้ผู้ซื่อสัตย์ต่อประชาชน จนถึงวาระสุดท้าย
ผมเป็นนักศึกษาคนหนึ่งของ"อาจารย์ยิ้ม"ผ่านหนังสือทุกเล่ม
หนังสือ"น้ำป่า" ที่"สหายสมพร"ส่งมาให้ ยังเด่นงามอยู่ในห้องทำงาน
หลับให้สบายครับอาจารย์
ผู้ใช้ปัญญารับใช้ประชาชน จะคงทนสง่างามชั่วนิรันดร์”
ขอบคุณเพจ -
Fahroong Srikhao ฟ้ารุ่ง ศรีขาว
ขออนุญาตเผยแผ่
แสดงความคิดเห็น