เมื่อวันที่ 8 มี.ค.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีการเผยแพร่เอกสารของผู้ตรวจการแผ่นดิน ระบุว่า เมื่อวันที่ 26 มิ.ย.2558 นายรักษเกชา แฉ่ฉาย เลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ได้ทำหนังสือถึงผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดพิจิตร หลังพระครูวิสิฐลีลาภรณ์ ยื่นหนังสือต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน เพื่อให้ตรวจสอบการทำหน้าที่ของคณะกรรมการสังฆาธิการ กรณีมีคำสั่งให้ออกจากวัดหิรญญารามโดยไม่เป็นธรรม โดยมอบหมายให้พ.ท.เทพจิต วีณะคุปต์ เจ้าหน้าที่สอบสวนอาวุโสระดับสูง สำนักตรวจสอบยุติธรรมและกิจการพิเศษ พร้อมคณะลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง ในวันที่ 3 ก.ค.2558 เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณา และวินิจฉัยของผู้ตรวจการแผ่นดิน
ต่อมาเมื่อวันที่ 22 ม.ค.59 นายสงัด ปัถวี รองเลขาธิการ รักษาการแทนเลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ทำหนังสือแจ้งผลการวินิจฉัยของผู้ตรวจการแผ่นดิน ถึงผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดพิจิตร ความว่า สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินขอเรียนว่า ผู้ตรวจการแผ่นดิน(พล.อ.วิทวัส รชตะนันท์) ได้พิจารณาข้อเท็จจริง ข้อกฎหมาย เอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้อง ประกอบกับการลงพื้นที่เพื่อเข้าร่วมประชุมแก้ไขปัญหาข้อขัดแย้งแล้วเห็นว่า ตามนัยคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7540/2554 ได้วินิจฉัยความหมายของคำว่า เจ้าหน้าที่รัฐว่า ตามมาตรา 4 แห่ง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 ต้องเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ข้าราชการ หรือพนักงานส่วนท้องถิ่น ซึ่งเจ้าอาวาสไม่อยู่ในความหมายดังกล่าว และในปัจจุบันวัดจัดตั้งขึ้นโดยวิธีการที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวง ซึ่งออกตามความในพ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ.ศ.2505 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ซึ่งกำหนดให้มีฐานะเป็นนิติบุคคล โดยมีเจ้าอาวาสเป็นผู้แทน แต่ก็มีอำนาจอย่างจำกัดตามมาตรา 37 อันเป็นกิจการของสงฆ์ โดยเฉพาะส่วนที่เกี่ยวกับการบริหารราชการอยู่ภายใต้การควบคุมดูแลของกรมการศาสนา และกระทรวงศึกษาธิการ
นอกจากนี้ยังวินิจฉัยต่อว่า วัดจึงหาใช่เป็นส่วนหนึ่งของการบริหารราชการแผ่นดินไม่ ดังนั้น พระภิกษุ ซึ่งได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งในการปกครองคณะสงฆ์ ไม่ว่าในตำแหน่งเจ้าอาวาส หรือตำแหน่งอื่นใดก็ตาม จึงหาได้อยู่ในความหมายของคำจำกัดความว่า "เจ้าหน้าที่ของรัฐ" ดังนั้นเรื่องเรียนดังกล่าว เป็นกรณีที่ผู้ร้องเรียนขอให้ผู้ตรวจการแผ่นดินพิจารณาสอบสวนการปฎิบัติหน้าที่ของพระครูพิสุทธิวรากร รองเจ้าคณะอำเภอโพทะเล จ.พิจิตร ซึ่งบุคคลดังกล่าวเป็นเจ้าพนักงาน ตามพ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ.ศ.2525 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มิใช่ข้าราชการ พนักงาน หรือลูกจ้างของหน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจ หรือราชการส่วนท้องถิ่น ตามมาตรา 13(1) แห่งพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยผู้ตรวจการแผ่นดิน พ.ศ.2552 ผู้ตรวจการแผ่นดิน จึงวินิจฉัยยุติการพิจารณาตามมาตรา 28(3) แห่งพ.ร.บ.ฉบับเดียวกัน
source :- http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=1457439638
แสดงความคิดเห็น