จำนวนแรดที่ถูกฆ่าเอานอเพิ่มขึ้นเป็นปีที่หกติดต่อกัน
คณะนักวิจัยจากสหภาพนานาชาติเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ (IUCN) เปิดเผยว่าเมื่อปีที่แล้ว มีแรดอย่างน้อย 1,338 ตัวในแอฟริกาถูกฆ่าเพื่อเอานอ นับเป็นจำนวนที่เพิ่มขึ้นเป็นปีที่หกติดต่อกัน
ตัวเลขดังกล่าวยังเป็นการสูญเสียแรดจำนวนมากที่สุดในเวลาปีเดียว ตั้งแต่การลักลอบล่าเริ่มเพิ่มมากขึ้นอีกครั้งในระยะไม่นานมานี้ โดยตั้งแต่ปี 2551 เป็นต้นมา มีแรดมากถึง 5,940 ตัวถูกฆ่า ซึ่งนักวิทยาศาสตร์เกรงว่าตัวเลขนี้ยังเป็นการประเมินที่ต่ำกว่าความเป็นจริงด้วยซ้ำ
ไอยูซีเอ็นกล่าวว่า สาเหตุที่แรดถูกฆ่ามากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะความต้องการนอแรดจากประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ยังคงมีอย่างต่อเนื่อง ด้วยความเชื่อผิด ๆ ว่า นอแรดมีสรรพคุณเป็นยา นอกจากนี้ กลุ่มผู้ลักลอบล่าแรดยังหันมาใช้เทคโนโลยีที่ซับซ้อนขึ้น ทัดเทียมกับเทคโนโลยีของฝ่ายนักอนุรักษ์ ไม่ว่าจะเป็นการใช้โดรน การรวบรวมข่าวกรอง หรือเทคโนโลยีดาวเทียม
อย่างไรก็ตาม แม้ตัวเลขการล่าแรดจะเพิ่มขึ้น แต่ในแอฟริกาใต้ซึ่งมีแรดอยู่มากที่สุด จำนวนแรดที่ถูกฆ่ากลับลดลงเป็นครั้งแรกนับแต่ปี 2551 คือลดลงเล็กน้อยจาก 1,215 ตัวเมื่อปี 2557 เหลือ 1,175 ตัวเมื่อปีที่แล้ว แต่กลับไปเพิ่มขึ้นในประเทศอื่น ๆ เช่น ในนามิเบียมีจำนวนแรดถูกฆ่าเพิ่มขึ้นถึงสี่เท่าในช่วงสองปีที่ผ่านมา และในซิมบับเวมีเพิ่มขึ้นสองเท่าในช่วงเวลาเดียวกัน
เครก บรูซ ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับแรดแห่งสมาคมสัตววิทยาลอนดอน กล่าวว่าสถานการณ์ในปัจจุบันเลวร้ายมาก หากยังคงดำเนินต่อไปเช่นนี้ ภายในเวลาห้าถึงสิบปี เขาคาดว่าแรดในธรรมชาติจะหมดไป เหลือแต่แรดที่ถูกมนุษย์จับขังและควบคุมอย่างเข้มงวดเท่านั้น
จำนวนแรดเคยลดลงอย่างมากในช่วงทศวรรษ 1960 แต่ด้วยความพยายามร่วมกันของรัฐบาลหลายประเทศ จำนวนแรดได้กลับเพิ่มขึ้นอีกครั้ง ในปัจจุบันนอแรดเป็นสินค้าที่มีราคาแพงที่สุดชนิดหนึ่งในโลก คือมีราคาสูงถึงกว่าสองล้านบาทต่อกิโลกรัม มีค่าสูงกว่าทองคำหรือเพชรเมื่อคิดตามน้ำหนัก
ปัจจุบันทั่วโลกมีแรดอยู่ประมาณ 25,000 ตัวเท่านั้น และเรื่องนี้จะได้รับความสนใจอีกครั้งในการประชุมนานาชาติว่าด้วยการค้าสัตว์ป่าและพืชใกล้สูญพันธุ์ หรือ‪#‎CITES‬ ซึ่งจะมีขึ้นในเดือนกันยายนปีนี้ที่นครโจฮันเนสเบิร์กของแอฟริกาใต้ โดยสัญลักษณ์ประจำการประชุมครั้งนี้เป็นรูปแรด ‪#‎Rhino‬ ‪#‎Poaching‬


แสดงความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.