
ติ่งน่าเกลียดหรือเราน่ากลัว
Posted: 09 Mar 2016 12:21 AM PST (อ้างอิงจากอีเมล์ข่าว เวบไซท์ประชาไท)
มิ่ง ปัญหา เขียนสเตตัสแสดงความเห็นต่างต่ อกรณี 'ติ่งเกาหลี' ที่กำลังก่อกระแสวิพากษ์วิจารณ์ ในเชิงลบจากกรณีการรวมตัวต้อนรั บ EXO ศิลปินบอยแบนด์ชื่อดัง จนเกิดปั ญหาการจราจร
0000
สิ่งที่จะเขียนต่อไปนี้ยาว ขอบพระคุณที่อ่านถ้าอุตส่าห์อ่
เคยได้รับเกียรติจากอาจารย์ชนิ ดาให้ไปช่วยวิจารณ์ งานนำเสนอของโครงการสตรีศึ กษาภาคฤดูร้อน มีผู้นำเสนอคนหนึ่งมาพูดเรื่อง "ติ่งเกาหลี" ในเชิงมานุษยวิทยา เธอเองก็เป็นติ่งคนหนึ่ง (จำไม่ได้ว่าวงไหน) และศึกษาเรื่องนี้ด้วยหวั งจะเปลี่ยนภาพลักษณ์ของ "ติ่ง" ที่ผู้คนมี เธอพูดถึงการติวหนังสือให้กั นในกลุ่มแฟนคลับศิลปินเกาหลี การดูแลกันแบบพี่น้อง ฯลฯ
จริงๆ session นั้น ดิฉันไม่ได้ทำหน้าที่วิจารณ์ หรอกค่ะ 5555555 ตามกำหนดการเป็นอาจารย์เมธาวีกั บอาจารย์จากจุฬาฯ อีกท่านหนึ่ง (ขออภัยค่ะ จำชื่ออาจารย์ไม่ได้) แต่ด้วยเหตุอะไรสักอย่าง อาจารย์จากจุฬาฯท่านเดิ นทางมาไม่ทัน ท่านน่าจะติดธุระ อาจารย์ชนิดาเลยให้ดิฉันไปนั่ งข้างอาจารย์เมธาวีแทน
จำไม่ได้ว่าอาจารย์เมธาวีพูดถึ งอะไร (ขอโทษอีกรอบค่ะ) แต่จำได้ว่า ตัวเองวิจารณ์เปเปอร์ไปว่า มีอีกหลายมุมที่นำไปต่อยอดได้ ประเด็นที่เรามองว่าน่าสนใจคือ หนึ่ง เราเป็นโรคกลัวมวลชนกันหรือเปล่ า ตามประสาคนที่เรียนศตวรรษที่สิ บเก้ามา โรคกลัวมวลชนเป็นอะไรที่เด่ นมากในสมัยศตวรรษที่ิสิบเก้าอั งกฤษและอเมริกัน (คิดว่าประเทศอื่นในยุโรปด้วย) เรากลัวคนเยอะๆ ออกมาทำอะไรสักอย่าง เห็นเป็นยักษ์เป็นมารไว้ก่อน ไม่ว่าเขาจะมาทำอะไร เหมือนเป็นตัวทำลายอารยธรรม Gustave Le Bon เปรียบเทียบมวลชนที่ออกมาเคลื่ อนไหวช่วงปลายศตวรรษที่สิบเก้ าว่าไม่ต่างจากพวก Goth ที่ทำลายอารยธรรมโรมันอันสูงส่ง
สอง คำถามต่อไปคือ เรากลัวว่ามวลชนกลุ่มนี้ หรือ "ติ่ง" เนี่ย จะมาทำลายอะไรเหรอ เราจะเห็นได้ชัดเลยว่าความรักศิ ลปินแบบมหาศาลนั้นท้าทายความคิ ดเกี่ยวกับความรักและการเทิดทู นในสังคมหนึ่งๆ เมื่อวงการบันเทิงถูกมองว่าเป็ นวงการที่ไม่มีคุณค่ าและควรจะเป็นวงการเล่น กลายเป็นเรื่องจริงจังและมี คนคลั่งไคล้มากมายมหาศาล หลายๆคนมักจะโจมตีติ่งว่ารักสิ่ งที่ไม่มีคุณค่า ทำสิ่งที่ไม่มีคุณค่า เช่น ทำไมไม่ไปเรียนหนังสือ ทำไมไม่ไปทำงานให้มันดีๆ ทำไมไม่ไปรักพ่อรักแม่ตัวเองให้ มากกว่านี้ ทำไมไม่ไปปลูกป่า (ล่าสุดเลย)
ไม่เถียงนะคะว่ามีคนไม่ใส่ ใจอะไรเลยจริงๆ ติ่งมันอย่างเดียว แต่จะใส่ใจการเรียนการทำงานจริ งๆ คนด่าเขาก็ไม่ได้สนใจ เพราะอะไรน่ะหรือ เพราะเขามองว่าเราไปสนใจเรื่ องสาระอะไรกันขนาดนี้ ทำไมมีคนเรือนแสนมาสนใจเรื่องบั นเทิงเริงรมย์อะไรขนาดนี้ แต่นั่นแหละ บางทีก็เปิดเผยให้เห็นว่าคนที่ วิจารณ์เขาเลือกที่รักมักที่ชั งอยู่เหมือนกัน
ไม่เถียงนะคะว่ามีคนไม่ใส่
อีกอย่างหนึ่งที่อาจจะอธิ บายความกลัวนี้ได้คือการเข้ าใกล้ศิลปินชนิดตามไปไหนๆ ที่เปลี่ยนแปลงจากการติดตามศิ ลปินแบบเดิมที่เรานั่งดูหน้าจอ ไปงานคอนเสิร์ต แต่เราตามไปที่สนามบิน ตามไปที่ศิลปินทำงานได้ ชีวิตศิลปินเริ่มเข้าถึงได้ มากขึ้น การตามเขาไปทุกขณะชีวิตนั้นไม่ ได้เป็นเพียงเพราะ"ติ่ง"วิ่ งตามศิลปิน แต่เป็นเพราะค่ายหรือศิลปิ นเองเป็นคนบอกต่างหากว่าตั วเองไปที่ไหนบ้าง ศิลปินกลายเป็นสินค้าในทุกมิติ และช่วงเวลา ให้แฟนคลับตามไปไหนๆได้เมื่อตั วเองสะดวกจะไปเจอแฟนคลับ อันนี้ตัวเองไม่มีข้อมูลชั ดเจนว่าเปลี่ยนแปลงอย่างไร ศิลปินบอกข้อมูลเองหรือแฟนคลั บเป็นคนเดา (เข้าใจว่าบางทีก็เดาเอา) แต่ตอนนี้กลายเป็นศิลปินหรือผู้ จัดการเป็นคนบอกเองว่าศิลปิ นจะไปไหนบ้าง งานที่มีลักษณะเป็นอีเวนท์โชว์ ตัวก็เพิ่มขึ้นอย่างมาก ศิลปินไม่ต้องร้องเพลงก็ได้ มาเป็นพรีเซนเตอร์สินค้าหรือแค่ มาแจกผลิตภัณฑ์ของตัวเองเท่านี้ ก็พอ แต่ทุกอย่างก็ตกไปอยู่ที่ติ่ง เวลาคนจะโทษก็โทษติ่งกับศิลปิน ซึ่งอาจจะเป็นเพราะภาพรวมมันน่ ากลัวกว่า มันคือตัวสร้างอันตรายแบบเห็ นได้ชัดเจน และโทษง่าย ทำไมไม่คิดบ้างว่าระบบการบริ โภคสื่อบันเทิงมันเปลี่ยน ทำไมไม่คิดว่าคนจัดงานไม่คำนึ งถึงความสะดวกของคนอื่นที่ไม่ ได้เป็นแฟนคลับศิลปิน เพราะมันไม่เป็นคนๆล่ะมั้ง จับตัวไม่ได้ ตรงนี้เข้าใจว่าเมื่อค่ายหรื อบริษัทจัดการให้มีงานอีเวนท์ มาก เส้นแบ่งระหว่างติ่งและศิลปินก็ จะพร่าเลือน เมื่อคุณมี application ที่ทำให้คุณเชื่อว่าคุณเข้าถึ งศิลปินได้มากขึ้น คุณก็อาจเข้าไปคุกคามศิลปิน อันนี้เราไม่เชียร์และไม่เห็นด้ วย แต่เราจะไปโทษติ่งอย่างเดียวไม่ ได้ มันต้องโทษทุกๆอย่างที่สร้างติ่ งขึ้นมา
สุดท้าย "ติ่ง" มีอะไรน่ากลัว ส่วนตัวมองว่า "ติ่ง" สำหรับคนที่ไม่พอใจนั้นเป็นตั วแทนของความปรารถนาทางเพศที่เกิ ดขึ้นต่อชายหรือหญิงต่างชาติ ประเด็นนี้แยกได้สองประเด็นคือ "ความปรารถนาทางเพศ" กับ "ต่างชาติ" ประเด็นเรื่องการหลงใหลคลั่ งไคล้ศิลปินนั้นชวนให้คนในสั งคมที่กดทับเรื่องเพศไม่พอใจ เพราะเป็นการแสดงสิ่งที่ไม่ สมควร หรือเป็นการทำให้สิ่งที่ถูกปฏิ เสธว่าไม่มี ปรากฏขึ้น โดยเฉพาะแฟนคลับหญิงทีคลั่งไคล้ ศิลปินชาย ที่มักจะถูกวิพากษ์วิจารณ์เรื่ องความไม่เหมาะสม เคยได้ยินว่ามีเด็กผู้หญิงสี่ห้ าคนวิ่งตามบีม กวีขึ้นไปที่ลานจอดรถที่ศูนย์ หนังสือจุฬาฯ เพื่อเอาของขวัญมาให้ แล้วมีผู้หญิงคนนึงออกมาต่อว่ าว่าทำตัวไม่งาม (จริงๆน่าคิดมากว่า ถ้าบีม กวีไม่ใช่ดาราดัง แต่เป็นผู้ชายหน้สตาดีมากคนหนึ่ ง ผู้หญิงคนนั้นจะออกมาตะโกนต่อว่ าไหม) ข้อสองคือ "ต่างชาติ" คำว่าติ่งถูกใช้กับคำว่า "เกาหลี" ก่อนเป็นอันดับแรก ก่อนจะมาปรับใช้กับดาราชาติอื่ นและชาติไทย เข้าใจว่าคนที่วิจารณ์ หลายคนคงจะเกิดในยุคสมัยที่ เกาหลีไม่ได้เป็นชาติที่ใหญ่ โตอะไรในสายตาเขา คงจะมองว่าชาติเกาหลียังต้องให้ ไทยไปช่วยในสงครามอารีรังอยู่ล่ ะมั้ง หรือเขาอาจจะชอบญี่ปุ่นมากกว่ าเกาหลี อันนี้ก็ตอบไม่ได้ แต่ที่แน่ๆ จะมีคนอยู่กลุ่มหนึ่ง (และอาจบอกได้ว่าช่วงวัยหนึ่ง) ที่ไมไ่ด้เห็นว่าเกาหลีเป็ นประเทศชั้นนำในเอเชีย ซึ่งอาจเป็นเพราะเกาหลีเลือกใช้ soft power จากสื่อบันเทิงเป็นหลักและมาก่ อน ต่างจากญี่ปุ่นที่ใช้ความเหนื อกว่าทางเทคโนโลยี อย่างรถไฟหรือคอมพิวเตอร์ ศิลปินเกาหลีเข้ามาแทนศิลปินญี่ ปุ่นและจีนอย่างรวดเร็ว ตามด้วยเทคโนโลยีเกาหลี ซึ่งอันที่จริงมีมาตลอดแต่ถู กขายผนวกกับ soft power อย่างวงการบันเทิง ยิ่งทำให้ของขายดียิ่งขึ้น เทคโนโลยีนี่ไม่ได้หมายถึงแค่มื อถือ แต่รวมไปถึงผลิตภัณฑ์ความงาม สำหรับคนที่อาจจะมีหัวคิดชาตินิ ยมสุดโต่ง ก็อาจจะมองว่าความคลั่งไคล้สิ่ งที่เป็นต่างชาติคือหายนะ
เอาล่ะค่ะ ดิฉันไม่ใช่"ติ่งเกาหลี" ดิฉันว่าดาราเกาหลีหล่อๆมากมาย แต่ไม่ได้อยากจะไปตาม ไม่ใช่ว่าดิฉันคิดว่ามันบ้ าบอไร้สาระ สังขารค่ะ สังขาร 55555555 จะดาราชาติไหนก็ตามไม่ไหว เว้นเสียแต่ว่า เขาอยู่ใกล้มากๆๆๆๆ แล้วก็เออ ไปชมโฉมแล้วกลับบ้าน ตามประสาคนที่รู้สึกว่าตั วเองแก่ 555 ปรากฏการณ์การหวาดกลัวแฟนคลั บหรือมวลชนมันก็มีอยู่เรื่ อยๆแหละค่ะ คิดว่าเป็นปกติ เพียงแต่ว่าเราอาจจะต้องถามตั วเองว่าการรวมตัวของคนกลุ่มนี้ มันเกิดจากอะไร มันเกิดได้ยังไง มากกว่าจะไปเริ่มด่าเขาเสี ยๆหายๆ อีกอย่างหนึ่ง พูดกับแบบ practical คนที่จัดอีเวนท์เหล่านี้ ควรลองหาที่ทางที่ดีๆ และเตรียมแก้ปัญหาเรื่องมวลชนด้ วยค่ะ
สุดท้ายแล้วความรังเกียจ "ติ่ง" ของเราๆ แท้ที่จริงอาจเแสดงให้เห็ นความน่ากลัวหรือปีศาจร้ ายในใจเราที่ทั้งชุบเลี้ ยงเราและเราชุบเลี้ยงมันมาตลอด ทั้งชาตินิยมสุดโต่ง ทั้งอคติเรื่องเพศ ทั้งโลกทุนนิยมที่ถูกฉาบเคลื อบด้วยภาพสวยงามของศีลธรรมอันดี
แสดงความคิดเห็น