เสวนา ‘แค่ต่างเพศ ต้องต่างหอ?’ ชี้ พ.ร.บ.หอพัก ยังมีช่องโหว่
Posted: 17 Feb 2017 12:01 AM PST (อ้างอิงจากอีเมล์ข่าว เวบไซท์ประชาไท)
ปัญหา พ.ร.บ.หอพัก ยังคงถกเถียงกันไม่จบ คนร่างกม.แจง หวังคุ้มครองเด็กและเยาวชน นักสังคมวิทยาฯติงเรื่ องการแยกเพศในพ.ร.บ. ชี้น.ศ.ช-ญ อยู่ด้วยกันมานานแล้ว ด้านนักกฎหมายเสนอแนวทางฝรั่ งเศส จัดโซนหอพัก-เผยยังมีช่องโหว่อี กมาก แนะแก้ที่รากปัญหา
15 ก.พ. 2560 ศูนย์นิติศาสตร์ คณะนิติศ
าสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) จัดเสวนาวิชาการหัวข้อ "แค่ต่างเพศ ต้องต่างหอ?: ประเด็นทางกฎหมายในการบังคับใช้ พ.ร.บ.หอพัก พ.ศ. 2558" ที่มธ. ศูนย์รังสิต โดยมี ฐิติรัตน์ ทิพย์สัมฤทธิ์กุล อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มธ. เป็นผู้ดำเนินรายการ
ณรงค์ จันทร์บูรณะพินิจ ผู้แทนจากกรมกิจการเด็ กและเยาวชน กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่ นคงของมนุษย์ หนึ่งในผู้ร่วมร่าง พ.ร.บ.หอพัก พ.ศ. 2558 กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ไม่มี พ.ร.บ.ใดสามารถดูแลนักศึกษาที่ พักในหอพักได้นอกจาก พ.ร.บ.คุ้มครองเด็กและเยาวชน จึงมีการนำ พ.ร.บ.หอพัก พ.ศ.2507 มาแก้ไขให้เข้ากับสังคมปัจจุบั นและกฎหมายอื่นๆ เพื่อเอื้อต่อความปลอดภั ยและการเรียนหนังสือของนักศึกษา นอกจากนี้ยังอยากให้หอพักเปรี ยบเสมือนบ้านหลังที่ 2 ปัญหาที่พบมากที่สุดในหอพัก คือเรื่องยาเสพติด ตามด้วยเรื่องเพศ เช่น การอยู่กันเป็นคู่ การล่วงละเมิดทางเพศ และปัญหาคุณแม่วัยใส โดยเด็กอายุต่ำกว่า 20 ปีตั้งครรภ์ประมาณ 400 กว่าคนต่อวัน จึงนำมาสู่การแยกหอพักหญิ งและหอพักชาย และสุดท้ายคือ ความปลอดภัย ไม่ว่าจะเป็นของหาย หรือเกิดเหตุการณ์ที่เป็นเหตุ ให้เสียชีวิต จึงทำให้ต้องบังคับให้ผู้ ประกอบการหอพักทำประกันภัยกับผู้ พัก ทั้งนี้ พ.ร.บ.ดังกล่าว จะใช้กับนักศึกษาปริญญาตรีอายุ ไม่เกิน 25 ปี
มาตาลักษณ์ ออรุ่งโรจน์ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ประจำคณะนิติ ศาสตร์ มธ. ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายเด็ กและเยาวชน กล่าวว่า พ.ร.บ.นี้ควรจะแบ่งเกณฑ์ว่าใช้ สำหรับเด็กมัธยมฯ และเด็กมหาวิทยาลัยให้ชัดเจนไม่ ใช่กล่าวรวมๆ ว่า 18-25 ปี โดยนอกจากจะเน้นเรื่ องความปลอดภัยของโครงสร้ างอาคารที่พักแล้ว ควรที่จะเน้นการคุ้มครองที่เป็ นมาตรการการป้องกัน เช่น บังคับติดกล้องวงจรปิดเมื่อเกิ ดเหตุร้ายจะได้จัดการได้ สถานศึกษาควรจะจัดโซนเพื่อให้ เอื้อต่อการศึกษา โดยให้ระยะ 3-5 กิโลเมตรรอบๆ สถานศึกษาอยู่ภายใต้กฎระเบียบที่ เคร่งครัด เช่น ควบคุมร้านเหล้า สถานที่อโคจร ฯลฯ
ต่อมาคือ การแบ่งประเภทหอพัก โดยยกตัวอย่างการแบ่งแบบฝรั่ งเศส เช่น บ้านที่แปลงรูปมาเป็นห้องเช่า โฮมสเตย์ หรือบ้านที่มีเจ้าของบ้านอยู่ร่ วมด้วยแล้วแบ่งเป็นห้องเช่า ซึ่งอาจจะเป็นการช่วยลดปั ญหาอาชญากรรมที่จะเกิดขึ้นเนื่ องจากผู้ร่วมพักรู้สึกเป็ นครอบครัวเดียวกับเจ้าของที่พัก เกิดการดูแลเอาใจใส่กันเสมื อนเป็นผู้ปกครองกับเด็ก อย่างไรก็ตาม กรณีของไทย อาจยากที่จะจัดการ เนื่องจากเราไม่ใช่รัฐสวัสดิ การอย่างฝรั่งเศสที่มีเงินช่ วยเหลือจากรัฐในส่วนนี้ และสุดท้ายก็ควรจะคำนึงถึงกลุ่ มผู้คนข้ามเพศว่าควรจะจัดในกลุ่ มไหน อยู่หอพักชายหรือหญิง แต่ไม่ควรกีดกันพวกเขาให้อยู่ ในหอพิเศษ
ณรงค์ จันทร์บูรณะพินิจ ผู้แทนจากกรมกิจการเด็
มาตาลักษณ์ ออรุ่งโรจน์ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ประจำคณะนิติ
ต่อมาคือ การแบ่งประเภทหอพัก โดยยกตัวอย่างการแบ่งแบบฝรั่
ปูนเทพ ศิรินุพงศ์ อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายมหาชน กล่าวว่า พ.ร.บ.ดังกล่าวระบุว่ามีวัตถุ ประสงค์หลักเพื่อแก้ ไขความปลอดภัยเกี่ยวกับปัญหาเรื่ องเพศ แต่ส่วนตัวมองว่าควรจะแก้ไขปั ญหาที่รากฐานของปัญหานั้นๆ อีกทั้งกฎหมายยังมีช่องโหว่ ขอบเขตการบังคับใช้กฎหมายไม่ชั ดเจน อาจจะทำให้เกิดปัญหากับผู้ ประกอบการในเรื่องรายได้ เช่น ถ้าผู้ประกอบการจดทะเบียนหอพั กตาม พ.ร.บ.นี้แล้ว คนภายนอกที่ไม่ใช่นักศึกษาก็ไม่ สามารถเข้ามาอยู่ในหอพักได้ เลยใช่หรือไม่ หรือถ้าไม่ได้จดทะเบียนหอพัก นักศึกษาจะไม่สามารถพักได้ใช่ หรือไม่
นอกจากนี้ ยังมีคำถามว่า หอพักควรมีลักษณะอาคารแบบไหน เพราะในพ.ร.บ.ไม่ได้กำหนดไว้ คำนิยามของ “สถานศึกษา” ก็คลุมเครือ โดยในมาตรา 4 ระบุว่า “สถานศึกษา หมายความว่า โรงเรียน วิทยาลัย สถาบัน มหาวิทยาลัยที่จัดการศึ กษาในระบบตามกฎหมายว่าด้วยการศึ กษาแห่งชาติ ทั้งนี้ ไม่หมายความรวมถึงสถาบันหรื อมหาวิทยาลัยของรัฐที่จัดการศึ กษาในระดับอุดมศึกษา” หรือแม้กระทั่งการห้ามบุคคลอื่ นขึ้นหอพักในมาตรา 64 ผู้จัดการหอพักมีหน้าที่ ดังต่อไปนี้ “(1) ดูแลไม่ให้บุคคลอื่นที่ไม่ใช่ผู้ พักเข้าไปในห้องพัก เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากผู้จั ดการหอพัก” แตกต่างจาก พ.ร.บ.ในปี 2507 ที่ระบุชัดเจนว่า ไม่ให้ผู้ชายขึ้นหอพักผู้หญิ งและไม่ให้ผู้หญิงขึ้นหอพักผู้ ชาย ฉะนั้น ถ้าตีความตามนี้ ผู้ประกอบการก็ควรที่จะมีหอพัก 2 หอเพื่อแยกหอพักชายและหอพักหญิง ซึ่งในความเป็นจริงแล้วก็ไม่ เคยมีหอพักที่เป็นชายล้วน ในขณะเดียวกัน การระบุเช่นนี้เหมือนเป็นการบี บบังคับให้ผู้ประกอบการเลือกที่ จะรับหรือไม่รับนักศึกษาซึ่งถื อเป็นการละเมิดสิทธิของเขา ดังนั้น เขาจึงมองว่าไม่ใช่ปัญหาที่จะต้ องแยกเพศ แต่ควรจะไปดูว่า สาเหตุอะไรที่ทำให้เกิดปั ญหาทางเพศแล้วแก้ตรงจุดนั้นแทน
นอกจากนี้ ยังมีคำถามว่า หอพักควรมีลักษณะอาคารแบบไหน เพราะในพ.ร.บ.ไม่ได้กำหนดไว้ คำนิยามของ “สถานศึกษา” ก็คลุมเครือ โดยในมาตรา 4 ระบุว่า “สถานศึกษา หมายความว่า โรงเรียน วิทยาลัย สถาบัน มหาวิทยาลัยที่จัดการศึ
โสพิน โตธิรกุล ผู้ช่วยศาสตราจารย์ประจำคณะนิติ ศาสตร์ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ผู้เชี่ยวชาญด้านสังคมวิทยาพฤติ กรรมวัยรุ่น กล่าวว่า การใช้ พ.ร.บ.เพื่อแยกหอพักชายหญิง คงทำได้ยาก เพราะเรื่องเพศเป็นเรื่องที่ห้ ามกันไม่ได้ พร้อมยกวิทยานิพนธ์ที่เคยทำ ชื่อ “อยู่ก่อนแต่ง : การอยู่ร่วมกันโดยไม่แต่ งงานของนักศึกษามหาวิทยาลัย” มาอธิบายว่า คำว่า “อยู่ก่อนแต่ง” เมื่อนำมาใช้ในความหมายของสั งคมไทยจากการสำรวจกลุ่มนักศึ กษาชายพบว่า มีด้วยกัน 3 อย่างด้วยกันคือ 1.Sex ใช้การอยู่ด้วยกันกับเพื่อนผู้ หญิงแทนการหาผู้หญิงที่ขายบริ การ 2.ประหยัด สะดวกสบาย เพื่อใช้ในการแชร์ค่าห้อง และผู้หญิงก็ช่วยทำการบ้าน งานบ้านให้ 3.รักจริง เน้นอารมณ์ความรู้สึกแต่ไม่ถึ งขั้นแต่งงาน ซึ่งในสองข้อแรกมีสัดส่วนมากกว่ า แต่ผู้หญิงมองว่าเป็นความรักจริ งแต่ไม่ถึงขั้นแต่งงาน และไม่ใช่การอยู่ก่อนแต่ง เนื่องจากทั้งสองก็ไม่ได้อยู่กั นฉันสามีภรรยา อย่างไรก็ตาม นักศึกษาให้เหตุผลว่า พวกเขาโตแล้ว ถึงจะมีเพศสัมพันธ์กัน แต่ก็สามารถไปเรียน และรับผิดชอบตัวเองได้ ถือเป็นรูปแบบการใช้ชีวิตแบบหนึ่ งที่มีโลกทัศน์ต่างจากการอยู่กั บเพื่อน
แสดงความคิดเห็น