Peace News

จ่อรื้อคดีเล่นงาน“ทักษิณ”ลับหลัง
อสส.ชง“กู้กรุงไทย-ดาวเทียม”ต่อศาลฎีกาฯ


อสส.รื้อคดี “ทักษิณ” ปล่อยกู้แบงค์กรุงไทย-สัมปทานดาวเทียม จ่อยื่นคำร้องศาลฎีกาฯ พิจารณาลับหลังได้ ประสาน ปอท.ออกหมายจับติดตามตัว

เมื่อ 6 ต.ค. 2560 ที่สำนักงานอัยการสูงสุด นายเข็มชัย ชุติวงษ์ อัยการสูงสุด (อสส.) ให้สัมภาษณ์ถึงการบังคับใช้พ.ร.บ.ประกอบว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองฉบับใหม่ จะส่งผลกระทบต่อคดีทุจริตปล่อยกู้ธนาคารกรุงไทยกับกลุ่มกฤษดามหานคร ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จำหน่ายคดีในส่วนของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่ไม่เดินทางมาศาลและถูกออกหมายจับรวมถึงคดีทุจริตออกกฎหมายแก้ไขค่าสัมปทานโทรศัพท์มือถือและดาวเทียมเป็นภาษีสรรพสามิต

นายเข็มชัย กล่าวว่า คดีดังกล่าว ยื่นฟ้องคดีในกฎหมายเก่าฉบับปี 2542 ที่เดิมไม่สามารถดำเนินกระบวนพิจารณาคดีลับหลังโดยไม่มีตัวจำเลยได้ แต่กฎหมายใหม่ มาตรา 28 ให้ศาลพิจารณาคดีโดยไม่มีตัวจำเลย หรือพิจารณาคดีลับหลัง ดังนั้น จึงเป็นการคาบเกี่ยวกับการออกกฎหมายใหม่

นอกจากนี้ ในบทเฉพาะกาล มาตรา 69 ของกฎหมายใหม่ ระบุว่า การดำเนินการใดที่เกิดขึ้นมาโดยสมบูรณ์ตามกฎหมายเก่าแล้วนั้น จะไม่ได้รับผลกระทบ แต่ให้พิจารณาต่อไปตามกฎหมายใหม่ที่บังคับใช้

“ส่วนตัวเห็นว่า คดีดังกล่าว เป็นเรื่องของวิธีพิจารณา สามารถรื้อฟื้นกลับมาพิจารณาใหม่ได้ ทั้งนี้ จะตั้งคณะทำงานขึ้นมาพิจารณาเรื่องนี้ โดยให้อธิบดีสำนักงานคดีพิเศษ ซึ่งเคยรับผิดชอบคดี เป็นผู้เสนอรายชื่อคณะทำงานตรวจสอบรายละเอียด และยังไม่มีการกำหนดเวลา ก่อนยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาฯ ขอให้นำคดีขึ้นมาพิจารณาใหม่ หากศาลฎีกาฯเห็นตรงกันในการบังคับใช้กฎหมายส่วนนี้ ก็ดำเนินการต่อได้”

ถามว่า ยังเหลือคดีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ยื่นฟ้องนายทักษิณ เองเช่น คดีปล่อยกู้ธนาคารเพื่อการส่งออก (เอ็กซิมแบงค์) ให้กับรัฐบาลเมียนมา เพื่อทำสัญญากิจการโทรคมนาคม และคดีทุจริตโครงการออกสลากหวยบนดิน จะใช้หลักปฏิบัติเดียวกันที่ ป.ป.ช.จะต้องยื่นคำร้องต่อศาลหรือไม่ นายเข็มชัย กล่าวว่า กรณีตัวอย่างที่อัยการจะเป็นผู้ยื่นฟ้องและจะตั้งกรรมการยื่นฟ้องคดีนั้น เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของตนที่เห็นว่า ยื่นคำร้องต่อศาลได้ แต่คดีของป.ป.ช. ทาง ป.ป.ช.ต้องพิจารณาเอง

ส่วนคดีที่กองบังคับการตำรวจปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ ปอท. เคยรวบรวมหลักฐานคดีที่นายทักษิณ หมิ่นสถาบันเบื้องสูง และความผิดตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ปี 2558 ซึ่งเป็นการกระทำที่เกิดขึ้นภายนอกราชอาณาจักรนั้น นายเข็มชัย กล่าวว่า คดีดังกล่าว อสส.ได้มีความเห็นแล้ว โดยร.ต.ต.พงษ์นิวัฒน์ ยุทธภัณฑ์บริภาร อสส.ขณะนั้น ได้ทำความเห็นสมควรสั่งฟ้อง หลังจากที่ นายตระกูล วินิจนัยภาค อสส. เคยตั้งอัยการสำนักสอบสวนร่วมสอบ ปอท. ไว้ก่อนหน้านี้

“จากนี้เมื่อมีคำสั่งสมควรสั่งฟ้องแล้ว เหลือเพียงกระบวนการติดตามตัว โดยประสาน ปอท. ให้ออกหมายจับ หากทราบแหล่งที่อยู่ชัดเจนจะต้องขอส่งผู้ร้ายข้ามแดนทันที เพื่อดำเนินกระบวนการฟ้องคดี คดีนี้เป็นคดีอาญาทั่วไป ไม่ใช่คดีทุจริต ที่อยู่ในอำนาจศาลฎีกาฯ การฟ้องจะต้องมีตัวจำเลยยื่นต่อศาล” อสส. กล่าว

PEACE NEWS

แสดงความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.